อันยองฮาเซโย ><
รีวิวเกาหลีพร้อมเสิร์ฟแล้วจ้า
วันนี้อิ้มจะชวนทุกท่านไปเที่ยวเกาหลีเกาใจ
จึงเรียกว่าเป็นเกาหลีที่คิดถึงมาก
ก่อนเดินทางก็คือตื่นเต้นไม่ไหว
ซึ่งรอบนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ได้ไป
หลังจากที่ไม่ได้เดินทางไปเกาหลี 4 ปีเต็ม
ความรู้สึกที่ได้ไปในครั้งนี้
จึงเหมือนเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่
กับการเที่ยวเกาหลีด้วยตัวเอง
ครั้งนี้อิ้มไปทั้งหมด 9 วัน
ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน 65 – 1 ตุลาคม 65
เที่ยวทั้งหมด 3 เมือง โซล โพฮัง และปูซาน
อิ้มจะแบ่งออกเป็น 3 รีวิว จะได้ตามรอยกันง่ายๆ
และข้อมูลไม่เยอะจนเกินไปนะคะ
รีวิวแรกนี้จะเริ่มต้นด้วยการเตรียมตัว
การเดินทางจากไทยไปเกาหลี
ไปสำรวจย่านฮงแดพักโซลหนึ่งคืน
ตื่นเช้าไปโพฮัง ไปบ้านหัวหน้าฮง
หรือ ฮงบันจางงง ที่รักยิ่งของดิฉัน
ตามรอย Home town cha cha cha
สำหรับการเดินทางเข้าเกาหลี ณ ปัจจุบัน
**สิ่งที่ต้องทำก่อนเดินทาง
– กรอก k-eta
https://www.k-eta.go.kr/portal/apply/index.do
กรอกผ่านจะมีอายุ 2 ปี เวลามาเที่ยวครั้งใหม่
สามารถปริ้นได้จากเว็บตลอด มีวันที่ระบุชัดเจน
ถ้ากรอกไม่ผ่าน
คือไม่สามารถเข้าประเทศได้
แต่สามารถกรอกซ้ำได้นะคะ
มีค่าใช้จ่าย 10,000 วอน/ คน
– จองตั๋วเครื่องบิน
https://www.airasia.com/th/th
– จองที่พัก ให้ครบทุกคืน
– กรอก q code ข้อนี้จำเป็นมาก
https://cov19ent.kdca.go.kr/cpassportal/
สามารถกรอกได้ก่อนการเดินทาง
เป็นเอกสารขอยกเว้นการการตัวก่อนเข้าประเทศ
เอกสารที่ต้องปริ้นพกติดตัวไป
มีไว้เผื่อ ตม. ตรวจเอกสาร
– K-ETA
– Q code
– ตั๋วเครื่องบิน ไป- กลับ
– ใบจองที่พักแบบครบทุกคืน
– แพลนการท่องเที่ยว ภาษาอังกฤษ
หรือถ้าไม่สะดวก ก็ทำเป็นภาษาไทย
และใส่ภาพสถานที่ท่องเที่ยวนั้นๆ ไปด้วยได้
ขอแนะนำว่าควรจำสถานที่
หรือชื่อโรงแรมที่พักให้ได้
เผื่อ ต.ม. ถามจะได้ไม่ติดขัด
– กรณีใช้พาสสปอตใหม่ ให้ติดเล่มเก่าไปด้วย
– เอกสารการทำงาน และ statement
วันที่ 1 อิ้มเริ่มต้นด้วยการเดินทางกรุงเทพฯ – เกาหลี
ด้วยสายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์
มีบินไปโซลวันละ 2 เที่ยวบิน
เลือกได้เลยว่า จะบินดึก หรือบินเช้า
ส่วนอิ้มเลือกบินดึก โดยไฟล์ท XJ 700
ออกจากกรุงเทพฯ 2:40 น.
ไปถึงสนามบินอินชอนในช่วงสาย 10:05 น.
เรียกว่าถึงปุ๊ปเที่ยวได้ปั๊ป สะดวกสบายมาก
อ้อ แล้วนั่งเครื่องนานๆ
ก็อย่าลืมสั่งอาหารทาน มาทานด้วยนะ
ไฟล์ทเกาหลีนี้เค้าจะเสิร์ฟตอนเช้าก่อนเราลงเครื่อง
ยิ่งสั่งล่วงหน้าจะยิ่งประหยัด
แถมมีเมนูให้เลือกเพียบ
ใครมีแพลนไปเกาหลี เช็คไฟลท์บินได้ที่นี่เลยยย
www.airasia.com
พอถึงสนามบินใจตุ้มต่อมมาก เพราะกลัว ต.ม
แต่พอถึงปุ๊ป ต.ม. ไม่ถามสักคำ
ยื่นเอกสารให้ก็ไม่ดู ให้ผ่านแบบตัวปลิวไปเลยจ้า
จะบอกว่าถึงบินโลว์คอสต์ก็ผ่าน ต.ม. ได้
ไม่เกี่ยวกับสายการบินเลยสักนิด
ช่วงที่อิ้มไปยังต้องตรวจ RT-PCR อยู่
จึงทำให้เสียเวลาเข้าเมืองไปหน่อย
แต่ปัจจุบัน ไม่ต้องตรวจแล้วนะคะ
(จริงๆ อิ้มตั้งใจจะไปโพฮังเลย
แต่กลัวเสียเวลาทั้ง ต.ม. และตรวจ RT-PCR
จึงพักที่โซลก่อนหนึ่งคืน)
หลังจากนั้นก็นั่งรถไฟเข้าเมือง
และพักที่โซล 1 คืน
ที่โรงแรม K-POP HOTEL Seoul Station
ราคาคืนละ 2,900 บาท จองที่นี่เพราะอยู่ใกล้สถานี
เดินทางสะดวก แต่ห้องจะเล็กมาก
ฟิลคือเอาไว้นอนอย่างเดียว
หลังจากนั้นก็รีบแต่งตัว
เดินทางต่อไปฮงแดเลยจ้า
ที่ฮงแดคือคนเยอะมากกกกกก คึกคักสุด
วันแรกขอเติมเต็มสิ่งที่ขาด ด้วยปิ้งย่างต่างๆ ที่คิดถึง
เริ่มต้นด้วย
ฮงซึจูกุมิ (Hong’s Jjukkumi : 홍스쭈꾸미)
ปลาหมึกผัดเผ็ด
รสชาติเข้มข้นจัดจ้านถูกปากคนไทย
สามารถเลือกใส่หมูสามชั้นหรือเนื้อก็ได้
และเมื่อทานปลาหมึกผัดเผ็ดใกล้หมด
ทางร้านก็จะใส่ข้าว
ลงไปผัดกับน้ำซอสที่เหลือก้นกระทะ
โรยด้วยไข่กุ้ง กลายผัด
ข้าวผัดไข่กุ้งและสาหร่าย คือฟินหนักมาก
ตอนทานคำแรกน้ำตาจะไหล
เป็นเมนูที่คิดถึงจริงๆ
อิ่มแล้วก็เดินเที่ยว เดินกินขนมไปเรื่อยๆ
ทั้งขนมไข่ Gyeranppang
ขนมน้ำตาล Dalgona Candy
ซอฟท์ครีมสู้ชีวิตที่ร้าน 32 Parfait
และมาร์ชเมลโล่ย่างสอดไส้ไอศกรีมวนิลา
เดินเล่นไปก็มีช็อปปิ้งเบาๆ
จากที่สังเกตุนะ
ตอนนี้ที่เกาหลีฮิตตู้สติ๊กเกอร์ม๊าก
ใครมาต้องจัดเลยค่า
แต่อิ้มไม่ได้จัดเพราะมัวแต่ห่วงของกิน 5555
ก่อนจะกลับที่พักเราแวะทาน
แซมาอึล ชิกตัง
(Saemaeul Sikdang : 새마을식당)
ร้านดังที่ได้รับการแนะนำ
ว่าอร่อยเด็ดมาอย่างยาวนาน
ซึ่งตอนนี้ที่ไทยก็มีสาขาแล้วนะ
แต่ส่วนตัวอิ้มว่าที่เกาหลีอร่อยกว่า
ราคาถูกกว่า
แต่ที่ไทย บริการดีกว่า เมนูหลากหลาย
เครื่องเคียงเยอะมาก สามารถแก้ขัดให้หายคิดถึงได้
ร้านที่ฮงแดเค้าจะเปิด 24 ชั่วโมงเลยนะ
หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา
เรียกว่าเป็นแลนด์มาร์กของฮงแด
เนื้อหมูอะไรต่างๆ เค้าดีไปหมด
แต่ที่ห้ามพลาดคือ แกงกิมจิ 7 นาที
เข้มข้นอร่อยมาก
แล้วร้านคือมีเมนูภาษาไทย สั่งง่ายไปอีก
จบวันแรกฟินๆ อิ่มพุงตึงก่อนนอน
วันที่ 2 อิ้มเช็คเอาท์ไป Seoul Station
เพื่อนั่ง KTX ไปที่เมืองโพฮัง
จากโซลจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชม.
ตัวพาส Korea Rail Pass (KR Pass)
ที่ใช้นั่ง KTX เราสามารถจองจากที่ไทยมาได้เลยนะ
ส่วนตัวอิ้มจองผ่าน Klook
ที่ลิงค์นี้เลย https://bit.ly/3VOvvOA
เค้าจะมีให้เลือกสำหรับการใช้งาน 2, 3, 4 หรือ 5 วัน
ไม่ว่าจะเป็นแบบใช้ติดต่อกัน 3 หรือ 5 วัน
หรือแบบยืดหยุ่น 2 หรือ 4 วัน
อิ้มจองแบบยืดหยุ่น 4 วัน ราคาคนละ 4,887 บาท
วิธีใช้ก็คือ ปริ้น Voucher ที่ได้รับตอนจอง
มายื่นที่เคาท์เตอร์ได้เลย
แต่ย้ำว่าต้องปริ้น Voucher มาด้วยห้ามลืม !!!!
เพราะจะต้องใช้ VC ใบนี้
ในการจองทุกครั้งที่เดินทาง
หลังจากนั้นก็แจ้งเคาเตอร์ได้เลย
ว่าจะเดินทางไปไหน
อย่างไปอิ้มไปโพฮัง ก็แจ้งเค้าตามนั้น
จากโซลจะไปโพฮังมี KTX วันละประมาณ 15 เที่ยว
เที่ยวแรกจากโซล 05:05 ถึง โพฮัง 07:22
เที่ยวสุดท้ายจากโซล 22:20 ถึง โพฮัง 00:43
อิ้มตื่นสายไปนิด
เลยได้ออกจากโซล 10:45 ถึง โพฮัง 13:12
ตอนขึ้นรถไฟ สามารถซื้อขนม
ไปทานได้ด้วยนะ ชมวิวเพลินๆ แป๊ปเดียวก็ถึง
พอถึงสถานีโพฮัง ความปังก็เริ่มบังเกิด 5555
สถานีเงียบมากค่ะสาว แอบเคว้งในใจ
พอเข้าไปด้านในก็พอมีคนอยู่
จากสถานีเรานั่งแท็กซี่มาที่โรงแรมค่ะ
ตอนนั่งแท็กซี่ ต้องย้ำให้เค้ากดมิเตอร์นะ
เพราะบางคันจะให้เราเหมาราคาคือแรงเวอร์
และความยากคือคนที่โพฮัง
สื่อสารภาษาอังกฤษได้น้อยมาก
ตอนพูดชื่อโรงแรมคือเค้าฟังไม่ออก
ต้องเอาภาพจากมือถือให้เค้าดู
อ้อ แล้วที่เกาหลีจะใช้ Google Map ไม่ได้นะ
แอพที่ใช้งานแทนจะเป็น Naver Map
และ Kakao Map
เราสามารถดูเส้นทางจากแอพนี้แทนได้เลย
อิ้มนั่งมาที่โรงแรม Pohang Hotel View
ประมาณไม่เกิน 15 นาที
ค่าแท็กซี่ประมาณ 7,300 วอน
ที่พักคืนที่ 2 ในโพฮังของอิ้ม
อยู่หน้าหาด Yeongildae Beach
อิ้มจองมาคืนละประมาณ 2,800 บาทสำหรับ 2 คน
แต่พอมาถึง เค้ามีห้อง Seaview ว่าง
เลยอัพเกรดไปอีก 600 บาท เป็น 3,400 บาท
ที่นี่จะให้เช็คอิน 4 โมงเย็นค่ะ
ถ้าเราจะไปเที่ยวต่อก็สามารถฝากกระเป๋าไว้ได้
พนักงานสื่อสารอังกฤษได้น้อย
อาจจะให้ข้อมูลการเที่ยวได้ไม่เต็มที่
แล้วก็ได้เวลาที่จะเป็นตามหาหัวหน้าฮงของเราแล้ว
แต่การเที่ยวโพฮัง และตามรอยซีรีส์
จะค่อนข้างยากนิดนึง
เนื่องจากแต่ละสถานที่จะอยู่คนละจุด
และค่อนข้างไกลพอสมควร
วิธีการเดินทางอิ้มแนะนำดังนี้
1. เช่ารถขับได้เลยค่ะ อิ้มว่าวิธีนี้สะดวกที่สุด
และประหยัด แวะได้หลายจุด ทำเวลาได้ดี
แต่อิ้มและเพื่อนๆ ไม่มีใครขับพวงมาลัยซ้ายเป็น
จึงเลือกที่จะไม่เสี่ยงเช่ารถเพื่อความปลอดภัย
(แต่คราวหน้าถ้ามาจะใช้วิธีนี้ค่ะ)
2. สามารถนั่งรถประจำทางได้
แต่ค่อนข้างเสียเวลา และรถแต่ละรอบมาช้า
บางจุดอาจจะต้องเดินเข้าไปไกล
3. เช่ารถพร้อมคนขับ
หรือ เหมาแท็กซี่พร้อมคนขับ
อิ้มเลือกวิธีนี้ค่ะ
ตอนแรกมั่นใจว่าง่าย
อิ้มไปยืนโบกรถแท็กซี่จากหน้าโรงแรม
เรียก 3 คัน ไม่มีใครไปเลยค่ะ 5555
ต้องตั้งต้นใหม่ ให้เพื่อนที่อยู่เกาหลี
คุยกับโรงแรมเรียกแท็กซี่เพื่อจะเหมา
พอแท็กซี่มาถึง
เป็นคุณลุงที่หน้าตาไม่ค่อยยิ้มแย้ม
เค้าให้ราคาเหมาเรา ชั่วโมงละ 25,000 วอน
เราเลือกเหมา 6 ชั่วโมง ราคา 150,000 วอน
พวกเราต่อราคาเหลือ 140,000 วอน ไปกัน 4 คน
หารกันเหลือคนละ 35,000 วอน ก็โอเค
ตอนนั่งรถเราก็เอาที่อยู่ให้คุณลุง
เราเริ่มที่ตลาดกงจิน หรือ Cheongha market
แกไม่จอยกับพวกเราเลย เงียบตลอดทาง
เหมือนแกยังไม่รู้ว่าเรามาตามรอยซีรีส์
แต่พอไปถึงเท่านั้นแหละ
ลงรถได้แกวิ่งสุดชีวิต ไปถ่ายภาพก่อนอิ้มอีกจ้า
จากนั้นแกก็แฮปปี้น่ารัก ยิ้มแย้มตลอด
เพราะรู้ว่าเรามาเที่ยว
พยายามสื่อสารภาษามือ
และจอดให้ถ่ายภาพในจุดสวยๆ
แต่อิ้มแนะนำ
ถ้าอยากเที่ยวให้ครบภายในวันเดียว
ต้องออกแต่เช้า จะเป็น One Day Trip สุดฟิน
ตามรอยหัวหน้าฮงได้อย่างแท้จริง
สถานที่ตามรอย Home town cha cha แบบครบๆ
ก็จะมีดังนี้ แต่บางที่อิ้มไม่ได้ไปเพราะเวลาไม่ทัน
และอิ้มแบ่งเที่ยว 2 วันเพราะไปถึงบ่าย
วันแรกที่มาถึงโพฮัง
– Cheongha market หรือหนึ่งในสถานที่
เมืองกงจินที่มีอยู่จริง ในซีรีส์
Hometown Cha Cha Cha
หมู่บ้านกงจิน’ เมืองติดทะเลน่ารักๆ
ที่มีชาวบ้าน และผู้คนดำรงชีวิตด้วยความเรียบง่าย
เป็นซีรีส์ที่อบอุ่นหัวใจ
และเต็มไปด้วยความสุข
พอเราไปถึง Cheongha market
เค้าเปิดเพลงในซีรีย์บอกเลยยิ่งฟิน
เดินฉีกยิ้มตลอด ดิฉันใจเต้นตึกตัก
ราวกับจะได้เจอหัวหน้าฮง
เดินสวนกันที่ตลาดแห่งนี้
และส่วนตัวอิ้มชื่นชอบคุณนักแสดง คิมซอนโฮ
หรือหัวหน้าฮงมาก บอกเลยคือยิ่งอิน
โปรดเรียกดิฉันว่า ซอนโฮฮาดาตัวจริงนะ ><
อ่ะกลับมาที่ซีรีส์ก๊อนน
ซึ่งจุด Cheongha market นี้จะมี 5 ที่หลักๆ
– ร้านคุณโอยุนพ่อของจูรี ชื่อยาวๆ ว่า
คาเฟ่ในตอนกลางวันและเบียร์ในคืนเดือนหงาย
– ร้านซุปเปอร์โบรา Bora Supermarket
– ร้านขายวัสดุก่อสร้างของคุณพ่อโบรา
– อนุสาวรีย์ปลาหมึก
– ร้านจาจังเหมี่ยนคุณนัมซุก
แต่ๆๆ ตลาดนี้อิ้มเห็นอีกสองจุด
เสียดายไม่ได้ถ่ายมาเพราะตอนขึ้นรถมาแล้ว
– ธนาคารที่หมอยุนไปถอนเงินจ่ายค่ากาแฟ
– หน้าร้านที่หมอยุนเจอโบรา
และอีจุนฟันหลุด
ต่อมาเป็น
– Wolpo beach
หาดนี้เรียกว่าเป็นความทรงจำ
ของหัวหน้าฮงและหมอยุนเลยค่ะ
เพราะเจอกันครั้งแรก
และยังเป็นหาดที่หัวหน้าฮงชอบมาเล่นเซิร์ฟ
ปัจจุบันเค้ามีร้านสอนเล่นเซิร์ฟ
มีคนไปเรียนเยอะเลยค่ะ
นอกจากนั้นรอบๆ หาด
ยังเป็นที่พักผ่อนบรรยากาศดี
และยังมีมุมน่ารักๆ ให้ถ่ายภาพด้วย
– Igari Anchor Observatory
บางคนก็บอกว่าที่นี่เป็นฉากหนึ่งในซีรีส์
ในเฉพาะฉากกลางคืน
จะเป็นแสงไฟระยิบระยับ แต่อิ้มไม่เห็นนะ
สงสัยต้องกลับไปดูใหม่ รอบที่ 6 5555
แต่ถึงจะอยู่หรือไม่อยู่ซีรีส์ก็ควรแวะ
ที่นี่เป็นสะพานที่ยื่นไปในทะเลคือน่ารักมาก
มองเห็นวิวทะเลได้แบบเต็มตา
– Hyejin’s clinic
คลินิกทำฟันของหมอยุนฮเยจิน
ซึ่งปัจจุบันด้านบนเป็นคาเฟ่
สามารถขึ้นมาทานอาหารและเครื่องดื่มได้
ตอนขึ้นไปจะบอกว่าอิ้มฟินจิกหมอน
ตัวร้านยังมีกลิ่นอายของคลินิก
มีรูปภาพหัวหน้าฮง หมอยุน
และร้านยังเปิดซีรีส์วนไปตลอด
ส่วนมุมต่างๆ เรามโนภาพได้เลยว่า
ในฉากอะไรอยู่ตรงไหน
อิ้มเลือกที่นั่งตรงที่คิดว่าเป็นโต๊ะหมอยุน
มโนว่าตัวเองกำลังรอหัวหน้าฮง 555
แต่เรามาถึงตอนเกือบค่ำ
จึงไม่เห็นวิวทะเลสวยๆ
แบบที่หมอยุนมองเห็น
เสียดายมาก เอาไว้จะมาใหม่แน่นอน
– Sanbang memorial park เรือบนยอดเขา
จุดนี้คือสำคัญมากกกก
เพราะจะมีเรือของปู่หัวหน้าฮงตั้งอยู่นั่นเอง
ซึ่งในซีรีส์เราจะเห็นหัวหน้าฮง
ไปที่นี่อยู่บ่อยครั้ง
และถูกใช้เป็นที่ถ่ายรูปแต่งงาน
ในตอนจบของเรื่องด้วย
แน่นอนค่ะ อิ้มไปถึงค่ำ
เลยไม่ได้ขึ้นไปชมด้านบน
และมองเห็นเรือจากด้านล่างไกลๆ
หากจะวางแผนมาเที่ยว
แนะนำมาถึงที่นี่สัก 5 โมงเย็น
จะได้ชมวิวพระอาทิตย์ตกได้อย่างสวยงาม
และถ้าจะเพิ่มความฟิน
อิ้มแนะนำให้ไปร้าน “Villa De Wave”
เป็นร้านที่นักแสดงไปทานอาหาร
พิซอนของเราสั่งเมนูปลาหมึกสไปซี่น๊า
เสียดายอิ้มเองมารู้ทีหลังก็ไม่ได้แวะเช่นกัน
เสร็จจากการตามรอยก็ค่ำ
อิ้มก็กลับมาเที่ยวต่อ
– Pohang Space Walk
เป็นเที่ยวใหม่ๆ ของเกาหลี
กับสกายวอร์คที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ
เพิ่งเปิดใหม่ๆ สดๆ ร้อนๆ
จะบอกว่าที่นี่คือดีไซน์ล้ำ และสวยมาก
สามารถมาเที่ยวได้ทั้งวัน
ความสวยงามก็คนละแบบ
เช้าก็ได้ฟิลนึง เย็นก็ได้ฟิลนึง กลางคืนก็ได้ฟิลนึง
อิ้มมากลางคืน เค้าเปิดไฟสว่างไสว
อลังการงานสร้าง
เป็นแลนด์มาร์กใหม่
ที่ห้ามพลาดเมื่อมาเที่ยวเกาหลีเลยค่ะ
ปิดท้ายด้วยการทานอาหารเย็น
กับร้าน Madangjib สาระพัดเมนูหอยย่าง
เครื่องเคียงจัดเต็ม ต้องมาลองน๊า
และปิดท้ายกับกิจกรรมยามดึก
เชื่อว่าไหมว่าเที่ยงคืน ตีหนึ่ง
คนที่นี่เค้ายังไม่นอนจ้า
เค้ามานั่งร้องเพลงริมหาด
บางคนก็พาแฟนมาสวีท
และที่พีคคือ บางคนเค้าจุดพลุกันริมหาดจ้า
มีร้านขายพลุอยู่ตรงนั้น
หรือจะหาซื้อจากมินิมาร์ทก็ได้เหมือนกัน
เค้าจริงจังกับการจุดพลุมาก
แต่ไม่ใช่แรงๆ แบบพวกกระจับนะ
จะเป็นพลุเล็กๆ ไฟยงไฟเย็นไฟใจ
เอาฟิลเน้นโรแมนติก
ซึ่งเราก็เอาด้วย จะบอกว่ามันดีมาก 5555
วันที่ 3 อิ้มเช็คเอาท์ออกจากโรงแรม
และฝากกระเป๋าไว้เดินเที่ยว
หน้าหาด Yeongildae Beach นิดหน่อย
แล้วก็เรียกคุณลุงคนเดิมมารับ
วันนี้เราเหมาแก 4 ชั่วโมง
ราคาชั่วโมงละ 25,000 วอนเหมือนเดิม
แต่แกขอนำเสนอจุดท่องเที่ยวเพิ่มด้วย
เราก็ให้แกพาไป
จุดแรก เป็นเหมือนอนุสาวรีย์
อิ้มหาชื่อไม่เจอแต่จากมุมนี้ก็สวย
มองเห็นวิวทะเลสุดลูกหูลูกตา
ต่อมาแกพาไป
– Homigot Sunrise square
มีรูปปั้นมือยักษ์อยู่ในทะเล
เป็นสถานที่สำคัญของเมืองโพฮัง
เพราะในวันปีใหม่
จุดนี้จะเห็นพระอาทิตย์ขึ้นเป็นที่แรก
ของประเทศเกาหลีใต้
คนเกาหลีจะนิยมมาในวันขึ้นปีใหม่
เพื่อมาดูแสงแรกของปี
รอบๆ ของที่นี่ก็จะมีร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ
ซึ่งคุณลุงคงดูแล้วว่าเราหิว
มีซื้อขนมเลี้ยงด้วยนะ
ฟิลเหมือนคุณลุงพาหลานๆ เที่ยวสุด
หลังจากนั้นก็ตามรอยซีรีส์ต่อ
– บ้านหัวหน้าฮง บ้านคุณยายกัมรี
บ้านหมอฟัน ประภาคารสีแดง
ซึ่ง 4 ที่นี้จะอยู่ที่เดียวกันค่ะ
บ้านหัวหน้าฮง อยู่ด้านล่าง
บ้านหมอฟัน จะอยู่แถวด้านบน
ถ่ายภาพได้แค่เฉพาะด้านหน้า
เพราะเป็นบ้านที่มีคนอาศัยอยู่จริง
บ้านคุณยายกัมรี ยังไม่รื้อแต่ติดป้ายห้ามเข้า
ส่วน ประภาคารสีแดง
สามารถเดินถ่ายภาพได้ชิลๆ
แต่อาจจะไม่ส่งเสียงดังนะคะ
เพราะตรงนั้นจะเป็นชุมชม
อ้อ และจะบอกว่า
ประภาคารสีแดงที่โพฮังมีเยอะมาก
แต่อันที่ถูกต้องจะอยู่ที่เดียวกับบ้านหัวหน้าฮง
อิ้มจะทิ้งพิกัดต่างๆ บนรีวิวในเวบนะคะ
สุดท้ายเราแวะ Auspice café
เป็นคาเฟ่บรรยากาศดีติดริมทะเล
มีมุมถ่ายภาพสวยๆ เยอะมาก
เอาจริงๆ ในโพฮังเอง มีคาเฟ่อีกหลายที่
ที่น่ามาเช็คอิน ไว้จะมาใหม่แน่นอน
จากนั้นคุณลุงก็กลับมาส่งเราที่โรงแรม
และไปส่งที่สถานีโพฮัง
อิ้มมารู้ทีหลังว่าจริงๆ ก็มีแท็กซี่นำเที่ยว
สามารถเรียกได้ตั้งแต่สถานีโพฮัง
ราคาเหมา 5 ชั่วโมง 90,000 วอน
เช่าเพิ่มคิดชั่วโมงละ 20,000 วอน
ราคาถูกกว่าที่เราไปกับคุณลุง
ที่เราเหมาไปจ้า 55555
ซึ่งเพื่อนๆ สามารถจองจากสถานีโพฮังได้เลยค่ะ)
แต่ส่วนตัวถามว่าไปกับลุงก็แฮปปี้นะ
คุยภาษามือกันสนุกมาก
และพอคุณลุงแกรู้จุดประสงค์ของเรา
แกเต็มที่มาก ตื่นเต้นทุกที่ที่พาเราไป
ถึงปุ๊ปวิ่งไปสำรวจว่าต้องถ่ายภาพจุดไหน
รอเราทุกจุด จะถ่ายภาพให้
และแนะนำสถานที่เที่ยวเพิ่มให้ด้วย
แถมซื้อขนมเลี้ยงเราอีก
แกใจดีและน่ารักในแบบของแก
ซึ่งพวกเราประทับใจ
ใครอยากเจอคุณลุง และให้แกนำเที่ยว
ก็สามารถให้โรงแรมโทรเรียกได้
ที่เบอร์นี้นะคะ 010-8939-9617
เอาหล่ะ ใครอยากอ่านรีวิวแบบแน่นๆ
ดูภาพสวยๆ ตามอ่านต่อ ในรีวิวนี้เลยค๊าา
ช่องทางการติดต่อ Psstory
Facebook Page : https://www.facebook.com/psstorytrip
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDbovnzcEgLS-l5NFi1tj3Q
IG : https://www.instagram.com/psstorytrip/
E mail : amim_97@psstorytrip
Tik Tok : https://www.tiktok.com/@psstorytrip
ก่อนจะเดินทางไปเกาหลีใต้
มาดูสิ่งที่ควรรู้ และเตรียมตัวก่อนเดินทางกันดีกว่าค่ะ
1. ประเทศเกาหลี
ประเทศเกาหลีได้แบ่งเป็น 2 ประเทศ
คือ เกาหลีใต้ และ เกาหลีเหนือ อย่างถาวร
โดยประเทศเกาหลีใต้
สถาปนาเป็นสาธารณรัฐเกาหลี
ส่วนประเทศเกาหลีเหนือสถาปนาเป็น
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี
ประเทศเกาหลีใต้มีพื้นที่ 99,500 ตารางกิโลเมตร
ประกอบด้วย 9 จังหวัด
โซลเป็นเมืองหลวงของประเทศ
2. เงิน
ที่เกาหลีจะใช้เงินสกุล วอน (KRW) นะคะ
วิธีคิด อิ้มจะคิดง่ายๆ แบบไม่ต้องปวดหัว
ก็คืแ 1,000 วอน = 30 บาท / 10,000 วอน = 300 บาท
แล้วแต่ช่วงเวลา อาจะถูกกว่านี้
หรือมากกว่านี้นิดหน่อย
แต่จะไม่ต่างจากนี้มากเท่าไหร่ค่ะ
แต่หากช็อปปิ้งจนเงินหมด
ไม่มีบัตรเครดิต ไม่ต้องกังวล
หากบัตรคุณมีสัญลักษณ์จำพวก
VISA, MASTER CARD
สามารถกดเงินได้จากตู้เอทีเอ็มได้เลย
3. ภาษา
หลักๆ เลยเค้าจะใช้ภาษาเกาหลีใต้
ในเมืองจะใช้ภาษาอังกฤษได้ดี
แต่ต่างจังหวัดเช่น โพฮัง
คนจะสื่อสารอังฤกษได้น้อยมาก
4. เวลา
เวลาที่ไทยและเกาหลีใต้จะต่างกัน
ซึ่งเกาหลีใต้จะเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง
5. ที่พัก โรงแรม
ที่พักดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
เลือกที่พัก ที่ใกล้แหล่งท่องเที่ยว
จะได้ไม่เหนื่อยกับการเดินทาง
อย่างที่เกาหลีใต้อิ้มแนะนำให้หาที่พักใกล้สถานี
เพราะบางจุดคือเดินค่อนข้างไกล
และควรเลือกพักสถานีใหญ่หน่อย
จะได้มีบันไดเลื่อน หรือ ลิฟท์
เวลายกกระเป๋าจะได้สะดวกสบาย
6. สภาพ อากาศ การแต่งตัว เสื้อผ้า
เกาหลีใต้มีฤดูกาล 4 ฤดู ดังนี้
1. ฤดูร้อน(Summer)
จะมีสภาพอากาศร้อนชื้น ไม่ต่างจากเมืองไทย
มีฝนตกและลมมรสุมมากที่สุดในรอบปี
ตั้งแต่เดือนมิถุนายนจนถึงต้นเดือนกันยายน
มีอุณหภูมิประมาณ 20 ถึง 30 องศา
2. ฤดูใบไม้ร่วง(Autumn)
อากาศเย็นสบายมีฝนตกน้อยลง
อุณหภูมิจะค่อยๆลดต่ำลงเรื่อยๆ
เป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ดีที่สุด
ในการมาเที่ยวประเทศเกาหลี
เพราะมีใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงาม
ช่วงเดือนกันยายนถึงเดือนพฤศจิกายน
มีอุณหภูมิประมาณ 10 ถึง 20 องศา
3. ฤดูหนาว(Winter)
เป็นฤดูที่กินระยะเวลายาวนานที่สุด
มีสภาพอากาศหนาวเย็น
อุณหภูมิต่ำสุด -10 องศา
ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคม
มีหิมะตกมากทำให้เหมาะกับการเล่นสกี
มีอุณหภูมิประมาณ -5 ถึง 0 องศา
4. ฤดูใบไม้ผลิ(Spring)
เริ่มช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม
อุณหภูมิเย็นสบายกำลังดี
และมีดอกไม้หลายชนิดบาน เช่น ดอกซากุระ
เป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่ดี
ในการมาท่องเที่ยวที่ประเทศเกาหลี
มีอุณหภูมิประมาณ 10 ถึง 20 องศา
เราต้องดูสภาพอากาศให้ดีก่อนเดินทาง
อย่างอิ้มไปมาช่วงปลาย กันยายน
อากาศเย็นสบาย
ก็เลือกใส่แขนยาวพอกันแดดกันลม
7. ยา
สามารถเตรียมยาพื้นฐานต่างๆ ไปได้
เช่นลดไข้ ลดน้ำมูก แก้แพ้ แก้ท้องเสีย
แก้ไอ แก้อักเสบ แก้ท้องอืด
การซื้อยาที่เกาหลี ปกติต้องมีใบรับรองแพทย์
แต่วันที่อิ้มไปแฟนเกิดปวดท้องหนักมาก
ท้องเสีย มีอาการบิดแล้วไม่ได้เอาไป
อิ้มก็ไปที่ร้านขายยานะ
บอกอาการเค้าเป็นภาษาเกาหลีใต้
(เปิดจากทรานสเลต)
เค้าก็ดูออกว่าเราเป็นต่างชาติ ก็สามารถซื้อยาได้
แต่จะเป็นยาสามัญทั่วไปค่ะ
8. อุปกรณ์ชาร์ตแบต ปลั๊กไฟ
ที่เกาหลีใต้จะใช้ปลั๊กแบบ หัวกลม
เหมือนแบบมาตราฐานยุโรป เยอรมัน
ใครอุปกรณ์เยอะแนะนำพกปลั๊กพ่วงมาด้วย
เพราะบางโรงแรมจะมีหัวเสียบปลั๊กค่อยข้างจำกัด
9. พาสสปอร์ต
นักท่องเที่ยวไทย
สามารถอาศัยอยู่ในประเทศเกาหลีใต้
ได้เป็นเวลา 90 วันโดยไม่จำเป็นต้องขอวีซ่า
แต่เอกสารที่สำคัญที่สุด
ที่ขาดไม่ได้อย่างเด็ดขาดเลย
ก็คือหนังสือเดินทาง หรือ พาสปอร์ต (Passport)
ที่อายุเดินทางควรมีมากกว่า 6 เดือนขึ้นไป
และที่สำคัญ
อย่าลืมตรวจสอบวันหมดอายุให้เรียบร้อย
ก่อนเดินทางด้วยนะคะ
10. แพลนการเดินทาง
สำหรับคนอื่นอาจจะไม่
แต่สำหรับอิ้มเรื่องแพลนก็ยังสำคัญนะ
จะเดินทางไปไหนอย่างไร
ควรเตรียมแพลนให้พร้อม
จะได้ไม่เสียเวลาเที่ยว
และจะเพิ่มอรรถรสในการท่องเที่ยวให้ได้มากยิ่งขึ้น
เช่น ศึกษาสถานที่ ที่จะไป ว่ามันคืออะไร
เจดีย์นี้คืออะไร สะพานนี้คืออะไร
แล้วชั้นจะถ่ายรูปไปทำไม
พอไปถึงจะได้ไม่ต้องยืนงง ในดง ต่างๆ จร้าาาา
11. pocket wifi และซิมการ์ด
ปัจจุบันหลายคนอาจจะไม่ได้ใช้
pocket wifi กันแล้ว
อิ้มเองก็เช่นกัน
อย่างไปเกาหลีรอบนี้
อิ้มใช้ซิมของทรูซื้อจากสนามบินเลยค่ะ
อิ้มซื้อแบบ 7 วันครอบคลุมทั้งทริป
12. การเดินทางในเกาหลีใต้
ที่เกาหลีใต้จะใช้ Google Map ไม่ได้นะ
แอพที่ใช้งานแทนจะเป็น Naver Map
และ Kakao Map
เราสามารถดูเส้นทางจากแอพนี้แทนได้เลย
อิ้มขอเป็นที่ โซลก่อนนะ
การเดินทางมาโซล
– สนามบินนานาชาติอินชอน
(Incheon International Airport)
เป็นสนามบินนานาชาติหลักและใหญ่ที่สุดของเกาหลี
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเดินทางมาที่สนามบินนี้
สนามบินอยู่ห่างจากใจกลางเมืองโซลประมาณ 50 กิโลมตร
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง
– สนามบินนานาชาติกิมโป
(Gimpo International Airport)
ปัจจุบันใช้เป็นสนามบินภายในประเทศห
รือจุดเปลี่ยนเที่ยวบินเพื่อเดินทางไปที่อื่นต่อ(Transfer)
การเดินทางภายในโซล
รถไฟและรถไฟใต้ดิน(Subway)
ระบบการคมนาคมด้วยรถไฟใต้ดิน
เป็นระบบการเดินทางหลักของชาวโซล
มีเครือข่ายครอบคลุมกว้างขวางทั่วทั้งโซล
ทำให้การเดินทางต่างๆ
ภายในโซลนั้น ง่าย สะดวก ปลอดภัย
และควบคุมเวลาได้ง่าย
เริ่มขบวนแรกประมาณ ตี 5 ครึ่ง จนถึง เที่ยงคืน
แล้วรถไฟบ้านเค้าคือตรงเวลามากต้องขอชื่นชม
ค่าโดยสารเริ่มต้นอยู่ที่ 1,250 วอน
ใครมาเที่ยวเกาหลีใต้
อิ้มแนะนำให้ซื้อบัตร บัตร T-Money
บัตร T-Money เป็นบัตรแบบเติมเงิน
ใช้ขึ้นรถไฟ รถบัสและซื้อของในสะดวกซื้อต่างๆ
บัตรนี้หาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วๆ ไป
ใครที่ไม่มีก็สามารถซื้อได้ที่สนามบิน
แต่ลายอาจจะไม่สวยเท่าไหร่
ส่วนตัวอิ้มมีลายสวยๆ เต็มไปหมด
มาหาซื้อได้ในโซล
และอิ้มมีบัตรลายนักแสดงที่ชอบด้วย
สามารถปริ้นต์จากตู้ได้เลย
รถบัส(Bus)
ระบบรถบัสที่โซลได้รับการออกแบบมาอย่างดี
เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คนนิยมใช้บริการกัน
เพราะถึงที่หมายได้ใกล้กว่าและประหยัดกว่าแบบอื่นๆ
ที่สำคัญไม่ต้องเดินลงสถานีรถไฟให้เมื่อย
ระบบรถบัสจะมีระบบสีและระบบตัวเลขบอกทุกคัน
โดยแต่ละสีจะวิ่งไม่เหมือนกัน
และมีค่าใช้จ่ายไม่เท่ากัน
เวลาจ่ายเงินถ้าใช้บัตร T-Money
จะได้รับส่วนลดอีก 100 วอน
แท็กซี่(Taxi)
รถแท๊กซี่ที่โซลสามารถโบกเรียกได้ตลอดเวลา
แบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆที่ ใช้รถไม่เหมือนกัน
ที่มีอยู่ 2 ยี่ห้อหลักๆคือ
ฮุนไดกับเกียร์ และคิดค่าโดยสารไม่เท่ากัน
1. แท็กซี่แบบธรรมดา(สีส้มหรือสีเงิน)
ก็จะเหมือนแท๊กซี่ทั่วๆไป เป็นรถเก๋งคันเล็ก
นั่งได้ 4 คน ค่าโดยสารถูกที่สุด
รถจะมีสีส้มทั้งคัน หรือสีเงินทั้งคัน
2. แท็กซี่แบบหรูหรือแบบคันใหญ่(สีดำ)
ซึ่งจะใช้รถเก๋งคันใหญ่
หรือรถประเภทมินิแวน ที่นั่งได้ 8 คน
รถจะมีสีดำ คาดด้วยแทบสีทอง
3. แท็กซี่แบบสีดำแต่ติดป้าย International
ซึ่งจะพูดภาษาอังกฤษได้ค่อนข้างดี
เป็นรถเก๋งคันใหญ่ สีดำทั้งคัน
คาดด้วยสีทองเขียนว่า International
*** ข้อควรระวังเวลาขึ้นแท๊กซี่โดยเฉพาะรอบดึก
อาจจะเจอคิดราคาแบบเหมา
ไม่ยอมเปิดมิเตอร์ซึ่งมักจะแพงกว่าแบบเปิดมิเตอร์มาก
รถไฟความเร็วสูง
ประเทศเกาหลีใต้มีเครือข่ายของรถไฟความเร็วสูง
หรือที่เรียกว่า KTX ที่จะเชื่อมต่อไปยังเมืองอื่นๆ
ทางตอนใต้ของประเทศ
ทำให้การเดินทางไปเที่ยวเมืองอื่นๆ
นอกจากโซลทำได้ ง่ายและรวดเร็วมากขึ้น
ไปได้ทั้ง โซล ปูซาน และโพฮัง
ส่วนการเดินที่ปูซาน จะง่ายและใกล้เคียงกับโซล
เพราะจะเป็นเมืองท่องเที่ยว
ส่วนโพฮัง จะค่อนข้างยากนิดนึง
ถ้าจะเที่ยวตามรอยซีรีย์
วิธีการเดินทางอิ้มแนะนำดังนี้
1. เช่ารถขับได้เลยค่ะ
อิ้มว่าวิธีนี้สะดวกที่สุด
และประหยัด แวะได้หลายจุด ทำเวลาได้ดี
แต่อิ้มและเพื่อนๆ
ไม่มีใครขับพวงมาลัยซ้ายเป็น
จึงเลือกที่จะไม่เสี่ยงเช่ารถเพื่อความปลอดภัย
(แต่คราวหน้าถ้ามาจะใช้วิธีนี้ค่ะ)
2. สามารถนั่งรถประจำทางได้
แต่ค่อนข้างเสียเวลา และรถแต่ละรอบมาช้า
บางจุดอาจจะต้องเดินเข้าไปไกล
3. เช่ารถพร้อมคนขับ
หรือ เหมาแท็กซี่พร้อมคนขับ
อิ้มเลือกวิธีนี้ค่ะ
จริงๆ ที่สถานีโพฮังจะมีแท็กซี่แบบนำเที่ยว
สามารถติดต่อได้จากตรงนั้นเลย
ราคาเหมา 5 ชั่วโมง 90,000 วอน
เช่าเพิ่มคิดชั่วโมงละ 20,000 วอน
13. ประกันภัยการเดินทาง
ไปเที่ยวเกาหลีใต้
แนะนำว่าควรซื้อประกันเดินทางต่างประเทศไว้ด้วย
อิ้มเลือกซื้อแบบรายปีแค่หลักพัน
แต่คุ้มครองเราแบบคุ้มมากๆ
ประกันเดินทางต่างประเทศ
มีให้เราเลือกซื้อได้แบบตอบโจทย์ไลฟสไตล์การเดินทาง
มีประกันเดินทางไว้อุ่นใจกว่าเยอะ
14.อาหารเกาหลี
อาหารเกาหลีจะเป็นตำหรับ
ซึ่งประกอบไปด้วยเนื้อสัตว์นานาชนิด ปลา
พร้อมด้วยพืชสีเขียวและผักต่าง ๆ
อาหารหมักดองต่าง ๆ
คนเกาหลีนิยมทานผักสด
จะเห็นทุกครั้งบนโต๊ะอาหาร ก็คือ กิมจิ
โดยในแต่ละมื้อจะต้องประกอบ 3 สิ่ง
คือ ข้าว ซุป และกิมจิ
เมนูขึ้นชื่อไปแล้วต้องลองก็จะมี
– ทัคคาลบี้ (Dakkalbi)
– ไก่ตุ๋นโสม (Ginseng Chicken Soup)
– หมูย่างคาลบี้ (Pork Kalbi)
– ข้าวยำเกาหลี (Bibimpab)
– จาจังเมียน (Jajangmyeon)
– จิมทัค ( Jimdak) ไก่อบซีอิ๊ววุ้นเส้น
– หมูบูลโกกิ (Pork Bulgogi)
– เมนูบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่าง B.B.Q
– ข้าวผัดกิมจิโรยหน้าชีส
– ไก่ทอดเกาหลีกับเครื่องดื่มเย็น ๆ
– คิมบับหรือข้าวห่อสาหร่าย
– ออมุกหรือโอเด้ง
– พาจอน หรือ พิซซ่าเกาหลี
– มันดู หรือเกี๊ยวแบบเกาหลี
– ซุปกิมจิเต้าหู้อ่อน , ซุปกิมจิ
– ต็อกโบกี ตามเต้นท์แดงคือฟินนน
– ปูดองซีอิ๊ว กุ้งดองซีอิ๊ว
– แนงมยอน บะหมี่เย็น
– รามยอน มาม่าเกาหลี
นี่แค่ส่วนนึงเท่านั้น อาหารเกาหลีมีเยอะมาก
ซึ่งอิ้มบอกเลยว่าถูกปากทุกอย่าง
ส่วนตัวไปเกาหลี คืออิ่มท้อง อิ่มใจตลอด ><
นี่ยังไม่รวมของหวาน ขนม นมเนยต่างๆ นะ 55555
ครั้งนี้อิ้มไปทั้งหมด 9 วัน
ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน 65 – 1 ตุลาคม 65
เที่ยวทั้งหมด 3 เมือง โซล โพฮัง และปูซาน
อิ้มจะแบ่งออกเป็น 3 รีวิว จะได้ตามรอยกันง่ายๆ
และข้อมูลไม่เยอะจนเกินไปนะคะ
รีวิวแรกนี้จะเริ่มต้นด้วยการเตรียมตัว
การเดินทางจากไทยไปเกาหลี
ไปสำรวจย่านฮงแดพักโซลหนึ่งคืน
ตื่นเช้าไปโพฮัง ไปบ้านหัวหน้าฮง
หรือ ฮงบันจางงง ที่รักยิ่งของดิฉัน
ตามรอย Home town cha cha cha
สำหรับการเดินทางเข้าเกาหลี ณ ปัจจุบัน
**สิ่งที่ต้องทำก่อนเดินทาง
– กรอก k-eta
https://www.k-eta.go.kr/portal/apply/index.do
กรอกผ่านจะมีอายุ 2 ปี เวลามาเที่ยวครั้งใหม่
สามารถปริ้นได้จากเว็บตลอด มีวันที่ระบุชัดเจน
ถ้ากรอกไม่ผ่าน
คือไม่สามารถเข้าประเทศได้
แต่สามารถกรอกซ้ำได้นะคะ
มีค่าใช้จ่าย 10,000 วอน/ คน
– จองตั๋วเครื่องบิน
https://www.airasia.com/th/th
– จองที่พัก ให้ครบทุกคืน
– กรอก q code ข้อนี้จำเป็นมาก
https://cov19ent.kdca.go.kr/cpassportal/
สามารถกรอกได้ก่อนการเดินทาง
เป็นเอกสารขอยกเว้นการการตัวก่อนเข้าประเทศ
เอกสารที่ต้องปริ้นพกติดตัวไป
มีไว้เผื่อ ตม. ตรวจเอกสาร
– K-ETA
– Q code
– ตั๋วเครื่องบิน ไป- กลับ
– ใบจองที่พักแบบครบทุกคืน
– แพลนการท่องเที่ยว ภาษาอังกฤษ
หรือถ้าไม่สะดวก ก็ทำเป็นภาษาไทย
และใส่ภาพสถานที่ท่องเที่ยวนั้นๆ ไปด้วยได้
ขอแนะนำว่าควรจำสถานที่
หรือชื่อโรงแรมที่พักให้ได้
เผื่อ ต.ม. ถามจะได้ไม่ติดขัด
– กรณีใช้พาสสปอตใหม่ ให้ติดเล่มเก่าไปด้วย
– เอกสารการทำงาน และ statement
วันที่ 1 อิ้มเริ่มต้นด้วยการเดินทางกรุงเทพฯ – เกาหลี
ด้วยสายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์
มีบินไปโซลวันละ 2 เที่ยวบิน
เลือกได้เลยว่า จะบินดึก หรือบินเช้า
ส่วนอิ้มเลือกบินดึก โดยไฟล์ท XJ 700
ออกจากกรุงเทพฯ 2:40 น.
ไปถึงสนามบินอินชอนในช่วงสาย 10:05 น.
เรียกว่าถึงปุ๊ปเที่ยวได้ปั๊ป สะดวกสบายมากดีใจมากกกที่ได้เกาหลีอีกครั้ง ก็เช็คอินมันไปทุกจุดเลยสิคะ 5555 สายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์
ราคาสบายประเป๋ามากกกกกกกก
ยิ่งจองล่วงหน้ายาวๆ ยิ่งราคาถูก
เค้ามีบริการหลากหลายน่าสนใจ
แถมภายในมีที่นั่งให้เลือกมากมายทั้ง
Business Class Flatbed ,
Quiet Zone และ Hot Seat
เลือกนั่งได้ตามสไตล์
ส่วนตัวอิ้มนั่ง Quiet Zone
เหมาะสำหรับคนที่ชอบความเงียบสงบ
โซนนี้หลับสบายเสียงรบกวนน้อยสุดๆ
Quiet Zone ซึ่งจะเป็นโซนด้านหน้าเครื่อง
อยู่หลังโซน Premium Flatbed
Quiet Zone แบ่งเป็นที่นั่งแบบ 3-3-3
ใครอยากนั่งโซนนี้จะต้องจ่ายเงินเพิ่ม 500 กว่าบาท
เพื่อแลกกับความสะดวกสบาย ซึ่งเอาจริงๆ
บินไฟล์ทดึกๆ แบบนี้ควรนั่งโซนนี้มาก
เพราะโซนนี้จะมีข้อกำหนด
ว่าต้องเป็นผู้โดยสารที่อายุ 12 ปีขึ้นไป
จึงจะโดยสารได้
ดังนั้นที่โซนนี้จึงไม่ต้องห่วงเรื่องเสียงเด็กร้อง
และโซนนี้ยังมีที่นั่งเพียง 63 ที่นั่ง
ทำให้ไม่ค่อยมีเสียงดังจากกรุ๊ป หรือกลุ่มใหญ่ๆ
รู้สึก สงบ และเป็นส่วนตัว
นอกจากนี้ไฟที่ใช้ในโซนนี้จะเป็นไฟสีน้ำเงิน
ซึ่งว่ากันว่าจะทำให้ผ่อนคลาย
และหลับได้ง่ายที่สุดด้วยค่ะ
ส่วนที่นั่งก็ประมาณนี้
นั่งสบาย ขนาดอิ้มตัวใหญ่นะ
เข่ายังไม่ติดด้านหน้าเลยค่ะอ้อ แล้วนั่งเครื่องนานๆ
ก็อย่าลืมสั่งอาหารทาน มาทานด้วยนะ
ไฟล์ทเกาหลีนี้เค้าจะเสิร์ฟตอนเช้าก่อนเราลงเครื่อง
ยิ่งสั่งล่วงหน้าจะยิ่งประหยัด
แถมมีเมนูให้เลือกเพียบ
ใครมีแพลนไปเกาหลี เช็คไฟลท์บินได้ที่นี่เลยยย
www.airasia.comไก่เทอริยากิคืออร่อยมากกก บินไฟล์ทดึกถึงเช้าก็จะดีแบบนี้
ตื่นเช้าได้เที่ยวต่อเลย
อ้อๆๆๆ มาถึงก็อย่าลืมปรับเวลากันใหม่นะ
เพราะเวลาที่เกาหลีเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมงจร้าพอถึงสนามบินใจตุ้มต่อมมาก เพราะกลัว ต.ม
แต่พอถึงปุ๊ป ต.ม. ไม่ถามสักคำ
ยื่นเอกสารให้ก็ไม่ดู ให้ผ่านแบบตัวปลิวไปเลยจ้า
จะบอกว่าถึงบินโลว์คอสต์ก็ผ่าน ต.ม. ได้
ไม่เกี่ยวกับสายการบินเลยสักนิดอันยองฮาเซโย ><
ถึงเกาหลีอย่างเป็นทางการแล้วค่าเราต้องนั่งรถไฟเข้าเมืองกันก่อนนะคะ
ซึ่งสนามบินนานาชาติอินชอน
(Incheon International Airport)
อยู่ห่างจากใจกลางเมืองโซล
ประมาณ 50 กิโลเมตร
วิธีการเดินทางจากสนามอินชอน
เข้าสู่กรุงโซลนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายวิธี
มีตามนี้เลยจ้า
1. วิธีการเดินทางจากสนามบินเข้าตัวเมืองโซล
ที่เร็วที่สุดและอิ้มเลือกวิธีนี้นั่นก็คือ
รถไฟด่วนของสนามบิน
หรือ AREX แบบ non-strop
(Airport Railroad Express
หรือเรียกสั้นๆว่า AREX)
จะตรงไปจอดที่สถานีปลายทาง
นั่นก็คือสถานีโซล หรือ Seoul Station
ซื้อตั๋วหน้าเคาท์เตอร์ราคา 9,500 วอน
2. รถไฟสนามบินแบบธรรมดา หรือ All-Stop
คือจะจอดที่สถานีรถไฟใต้ดินทั้งหมด 11 สถานีด้วยกัน
ก่อนจะไปจอดสถานีสุดท้ายที่ Seoul Station
วิธีนี้จะช้ากว่าหน่อยแต่ก็จะถูกกว่ากันค่อนข้างมาก
และสามารถใช้ T money ได้เลย
3. ใช้บริการรถบัสสนามบินหรือลิมูซีนบัส
ที่จะวิ่งไปผ่านตามดังๆ ต่างๆในกรุงโซล
เช่น Gangnam, Myeong-dong และ Yeouido
บนรถบัสสนามบินนี้จะมีที่นั่งขนาดค่อนข้างใหญ่
และเอนพิงนอนได้สบายกว่าแบบอื่นๆ
ราคาไม่แพงมาก
และยังไปส่งเราได้ถึงย่านที่เราพัก
สะดวกสบายเช่นกัน
4. ส่วนวิธีสุดท้ายจะเป็นแท๊กซี่
จะมีราคาแพงที่สุด
แต่ว่าสะดวกที่สุด
เพราะแท็กซี่จะไปส่งเราถึงหน้าโรงแรมเลย
ก็จะเหมาะกับคนที่ต้องเปลี่ยนรถ
หรือขบวนรถไฟไม่สะดวก และสัมภาระเยอะๆ ค่ะ
อันนี้เป็นหน้าตาตั๋วรถไฟแบบธรรมดา
จะจอดที่สถานีรถไฟใต้ดินทั้งหมด 11 สถานีด้วยกัน
ก่อนจะไปจอดสถานีสุดท้ายที่ Seoul Station
วิธีนี้จะช้ากว่าหน่อยแต่ก็จะถูกกว่ากันค่อนข้างมาก
และสามารถใช้ T money ได้เลยวิธีสังเกตุว่าจะนั่งรถไฟแบบไหน
ดูที่พื้นก็ง่ายค่ะ
สีน้ำเงิน
รถไฟสนามบินแบบธรรมดา หรือ All-Stop
สีส้ม
รถไฟด่วนของสนามบิน
หรือ AREX แบบ non-stropอิ้มเลือกวิธีนี้
รถไฟด่วนของสนามบิน
หรือ AREX แบบ non-strop
(Airport Railroad Express
หรือเรียกสั้นๆว่า AREX)
จะตรงไปจอดที่สถานีปลายทาง
นั่นก็คือสถานีโซล หรือ Seoul Station
ซื้อตั๋วหน้าเคาท์เตอร์ราคา 9,500 วอน
แต่จะใช้ T- Money ไม่ได้นะคะใครมาเที่ยวเกาหลีใต้
อิ้มแนะนำให้ซื้อบัตร บัตร T-Money
บัตร T-Money เป็นบัตรแบบเติมเงิน
ใช้ขึ้นรถไฟ รถบัสและซื้อของในสะดวกซื้อต่างๆ
บัตรนี้หาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วๆ ไป
ใครที่ไม่มีก็สามารถซื้อได้ที่สนามบิน
แต่ลายอาจจะไม่สวยเท่าไหร่
ส่วนตัวอิ้มมีลายสวยๆ เต็มไปหมด
มาหาซื้อได้ในโซล
และอิ้มมีบัตรลายนักแสดงที่ชอบด้วย
สามารถปริ้นต์จากตู้ได้เลยใครไป AREX แบบอิ้ม
ก็ลงมาขึ้นรถไฟได้เลยค่ะบรรยากาศภายในรถไฟประมาณนี้
ใครจะวางกระเป๋าใบใหญ่
มีพื้นที่ด้านหลังให้วางนะคะเกาหลีที่รัก คิดถึงเหลือเกิน วิวต่างๆ ทำเอาใจฟูไปหมด พอมาถึง Seoul Station สิ่งแรกที่ทำคือ
เข้ามินิมาร์ท ซื้อนมกล้วยทาน
ละมุนที่สุด รสชาติที่คิดถึงอันนี้เป็นไอศกรีมรสพีช ออกจะแข็งๆ
ไปทางแข็งมาก 5555 ไม่แนะนำอิ้มพักที่โซล 1 คืน
ที่โรงแรม K-POP HOTEL Seoul Station
ราคาคืนละ 2,900 บาท จองที่นี่เพราะอยู่ใกล้สถานี
เดินทางสะดวกมากกกแต่ห้องจะเล็กมาก
ฟิลคือเอาไว้นอนอย่างเดียวภายในห้องน้ำ หลังจากนั้นก็รีบแต่งตัว
เดินทางต่อไปฮงแดเลยจ้า
ตอนนั้นคือดีใจมากกกกกกกก
ย่านฮงแด
หรือบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยฮงอิกนี้
เป็นแหล่งสำหรับวัยรุ่นอย่างเราสุดดด
เพราะมีทั้งย่านช็อปปิ้ง มีลานกิจกรรม
สามารถมาเต้น ร้องเพลง แสดง ต่างๆ คือได้หมด
นอกจากนั้นยังมาคาเฟ่น่ารักๆ
รวมถึงร้านอาหารอร่อยๆ เพียบบบบ
การเดินทางด้วยตัวเอง
ก็สามารถมาเองได้ง่าย ๆ ไม่ยาก
เดินทางโดยรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีเขียว (Line 2)
มาลงที่ Hongik University Station
ทางออก 9 จ้า
อ้อ แล้วเวลาใครบอกว่าไป ฮงอิก กับ ฮงแด
ก็ไม่ต้องงงนะ มันคือที่เดียวกันจ้าสาวที่ฮงแดคือคนเยอะมากกกกกก คึกคักสุด
ส่วนดิฉันและผองเพื่อนผู้หิวโหย
ก็ขอเติมเต็มสิ่งที่ขาด ด้วยปิ้งย่างต่างๆ
ที่คิดถึง เริ่มต้นด้วย
ฮงซึจูกุมิ (Hong’s Jjukkumi : 홍스쭈꾸미)
ปลาหมึกผัดเผ็ด
ตอนนี้เค้าทำร้านใหม่
ที่นั่งเยอะขึ้น มี 2 ชั้นเหมือนเดิมสามารถเลือกใส่หมูสามชั้นหรือเนื้อก็ได้ ทางเราเลือกเป็นหมูสามชั้น และปลาหมึก
แกตอนเค้าผัดคือหอมมากระหว่างรอเค้าผัด ไข่ตุ๋นก็มาเสิร์ฟจ้า ความดีงามของร้านนี้คือ เครื่องเคียง
ตักเพิ่มเองได้ ทั้งใบงา กิมจิ หัวไชเท้าดอง
และพอทุกอย่างเริ่มสุก อิ้มก็เอาทุกอย่าง
จัดการวางลงบนใบงาคำโตๆ แล้วก่อเข้าปากไปเลยแบบนี้
หืมมมม รสชาติเข้มข้นจัดจ้านถูกปาก
มีความเผ็ดร้อน หวานนิดๆ กลมกล่อม
ปลาหมึกนี่คือไม่เหนียวเลย
มีความเปรี้ยวจากหัวไชเท้าดอง และใบงา
บอกเลยว่าดีต่อใจมากกกและเมื่อทานปลาหมึกผัดเผ็ดใกล้หมด
ทางร้านก็จะใส่ข้าว
ลงไปผัดกับน้ำซอสที่เหลือก้นกระทะ
โรยด้วยไข่กุ้ง กลายผัด
ข้าวผัดไข่กุ้งและสาหร่าย คือฟินหนักมากเพิ่มเข้าวไปเลยสิคะ
อร่อยแบบน้ำตาจะไหลลลทานเสร็จก็มาเดินเล่นกันต่อ คึกคักสุดอะไรสุด
คิดถึงบรรยากาศแบบนี้มากนานมากมีการสะดงแสดง เอาจริงอยากกินร้านนี้มาก
รอบหน้าจะไปใหม่ 5555คาเฟ่นี้คือน่าร้ากกกก มีแต่ร้านน่านั่งน่าเข้าเต็มไปหมด ตอนนี้ที่เกาหลีฮิตตู้สติ๊กเกอร์ม๊าก
ใครมาต้องจัดเลยค่า
แต่อิ้มไม่ได้จัดเพราะมัวแต่ห่วงของกิน 5555ซอยเล็ก ซอยน้อย พวกเราเดินเตร่ไปหมด มุมนี้น่ารักอีกแล้ว เดินไปเรื่อยๆ ก็จะเจอขนมต่างๆ มากมาย
อย่างอันนี้คือขนมไข่ Gyeranppangชิ้นนี้อร่อยมาก มาแล้วต้องทานนะ ขนมน้ำตาล Dalgona Candy ขนมน้ำตาลแผ่นเกาหลี
มาฮิตมากๆ จาก ซีรีส์ squid game ค่ะ
แหมน่าเสียดายร้านที่อิ้มซื้อไม่มีเข็มให้
จะนั่งเจาะสักหน่อย
ถ้าไม่มีก็กินเลยแล้วกัน 55555กินเสร็จถ่ายรูปต่อ 55555 ใดๆ คือย่านนี้ มีแต่ของน่ารัก
อย่างเคสโทรศัพท์นี่คือ ซื้อเปลี่ยนได้ทุกวันเลยตู้ติ๊กเกอร์อีกแย้ว เดินมาเรื่อยๆ จะเจอซอยนี้
พุ่งตัวเข้าไปเลยค่ะเป็นซอยเล็กๆ น่ารักๆ ร้านดังในย่านนี้ก็คือ
ซอฟท์ครีมสู้ชีวิตที่ร้าน 32 Parfaitแล้วราคาคือ 3,000 วอน ตก 90 บาท
มีหลากหลายรสให้เลือกทานด้วยอลังไปไหมมมมมม
อิ้มทานหมดรึเปล่าให้ทาย ><มาร์ชเมลโล่ย่างสอดไส้ไอศกรีมวนิลา
อันนี้ก็เป็นเมนูสุดฮิตในช่วงนี้ค่าก่อนจะกลับที่พักเราแวะทาน
แซมาอึล ชิกตัง
(Saemaeul Sikdang : 새마을식당)
ร้านดังที่ได้รับการแนะนำ
ว่าอร่อยเด็ดมาอย่างยาวนาน
ซึ่งตอนนี้ที่ไทยก็มีสาขาแล้วนะ
แต่ส่วนตัวอิ้มว่าที่เกาหลีอร่อยกว่า
ราคาถูกกว่า
แต่ที่ไทย บริการดีกว่า เมนูหลากหลาย
เครื่องเคียงเยอะมาก สามารถแก้ขัดให้หายคิดถึงได้เนื้อหมูอะไรต่างๆ เค้าดีไปหมด
แต่ที่ห้ามพลาดคือ แกงกิมจิ 7 นาที
เข้มข้นอร่อยมาก
แล้วร้านคือมีเมนูภาษาไทย สั่งง่ายไปอีกตอนย่างหมูคือหอมไม่ไหว อันนี้คือซอสเผ็ด สามชงสามชั้น คอมงคอหมูมาหมดดด
เราสั่งกันแบบเหมือนไม่ได้ทานอะไรมา 5555
อ้อ ร้านที่ฮงแดเค้าจะเปิด 24 ชั่วโมงเลยนะ
หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา
เรียกว่าเป็นแลนด์มาร์กของฮงแดเลยค่ะ
จบวันแรกฟินๆ อิ่มพุงตึงก่อนนอนวันที่ 2 อิ้มเช็คเอาท์ไป Seoul Station
จากโรงแรมเดินแค่ประมาณ 10 นาที
เพื่อนั่ง KTX ไปที่เมืองโพฮัง
จากโซลจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชม.
ตัวพาส Korea Rail Pass (KR Pass)
ที่ใช้นั่ง KTX เราสามารถจองจากที่ไทยมาได้เลยนะ
ส่วนตัวอิ้มจองผ่าน Klook
ที่ลิงค์นี้เลย https://bit.ly/3VOvvOA
เค้าจะมีให้เลือกสำหรับการใช้งาน 2, 3, 4 หรือ 5 วัน
ไม่ว่าจะเป็นแบบใช้ติดต่อกัน 3 หรือ 5 วัน
หรือแบบยืดหยุ่น 2 หรือ 4 วัน
อิ้มจองแบบยืดหยุ่น 4 วัน ราคาคนละ 4,887 บาทวิธีใช้ก็คือ ปริ้น Voucher ที่ได้รับตอนจอง
มายื่นที่เคาท์เตอร์ได้เลย
แต่ย้ำว่าต้องปริ้น Voucher มาด้วยห้ามลืม !!!!
เพราะจะต้องใช้ VC ใบนี้
ในการจองทุกครั้งที่เดินทาง
หลังจากนั้นก็แจ้งเคาเตอร์ได้เลย
ว่าจะเดินทางไปไหน
อย่างไปอิ้มไปโพฮัง ก็แจ้งเค้าตามนั้น
จากโซลจะไปโพฮังมี KTX วันละประมาณ 15 เที่ยว
เที่ยวแรกจากโซล 05:05 ถึง โพฮัง 07:22
เที่ยวสุดท้ายจากโซล 22:20 ถึง โพฮัง 00:43
อิ้มตื่นสายไปนิด
เลยได้ออกจากโซล 10:45 ถึง โพฮัง 13:12เส้นทางของ KTX ว่าไปไหนได้บ้าง
เราได้ตั๋วมาแล้วก็หาอะไรรองท้องกันก่อน
ที่ Seoul Station
เค้ามีร้านอาหารเยอะนะ แต่เราสะดุดกับร้านนี้
อยู่ตรงประตู 1 เลยค่ะเป็นเหมือนร้านเต้นท์ต่างๆ
มีพวก ออมุก ต๊อกบกกี คอร์นด็อก ให้ทานวิธีทานก็สั่งเลยค่ะว่าเราจะทานอะไรบ้าง และที่อิ้มสั่งมาจะเป็นออมุก
เราจะใส่ซอสเพิ่มก็ได้
ส่วนน้ำซุปเค้าจะมีถ้วยกระดาษ
เราสามารถตักทานเองได้เลยคอร์นด็อก ต็อกกับไส้กรอกเสียบไม้
เป็นมื้อเช้าสไตล์โคเรียที่สุดดดด
ออมุกอร่อยมาก เด้งมาก น้ำซุปคือดีย์
คอร์นด็อก ชีสน้อยไปนิด
เวลาเราทานเสร็จก็ให้เค้าคิดเงิน
พวกนี้ราคาไม่แพง เริ่มตั้งแต่ 2,000 วอนขึ้นไป
ที่อิ้มทานไปทั้งหมดตอนเช้า 9,000 วอน
เป็นเงินไทยก็ 200 กว่าบาทค่ะอิ่มจนพุงตึง
แต่ก็มีแอบแวะซื้อขนมไปทานเพิ่มด้วยนะรับบทสาวรอรถไฟหนึ่งกรุบ ได้เวลารถไฟก็มาถึง
และพร้อมพาเราออกเดินทางไปยังโพฮัง
เที่ยวที่อิ้มนั่งคือจากโซล
10:45 น. ถึง โพฮัง 13:12 น.ตอนขึ้นรถไฟ สามารถซื้อขนม
ไปทานได้ด้วยนะ ชมวิวเพลินๆ แป๊ปเดียวก็ถึง
จะบอกว่าที่ทานนี่ก็ไม่นิดนะ 5555พอถึงสถานีโพฮัง ความปังก็เริ่มบังเกิด 5555
สถานีเงียบมากค่ะสาว แอบเคว้งในใจ
พอเข้าไปด้านในก็พอมีคนอยู่
จากสถานีเรานั่งแท็กซี่มาที่โรงแรมค่ะ
ตอนนั่งแท็กซี่ ต้องย้ำให้เค้ากดมิเตอร์นะ
เพราะบางคันจะให้เราเหมาราคาคือแรงเวอร์
และความยากคือคนที่โพฮัง
สื่อสารภาษาอังกฤษได้น้อยมาก
ตอนพูดชื่อโรงแรมคือเค้าฟังไม่ออก
ต้องเอาภาพจากมือถือให้เค้าดู
อ้อ แล้วที่เกาหลีจะใช้ Google Map ไม่ได้นะ
แอพที่ใช้งานแทนจะเป็น Naver Map
และ Kakao Map
เราสามารถดูเส้นทางจากแอพนี้แทนได้เลย
อิ้มนั่งมาที่โรงแรม Pohang Hotel View
ประมาณไม่เกิน 15 นาที
ค่าแท็กซี่ประมาณ 7,300 วอน
ที่พักคืนที่ 2 ในโพฮังของอิ้ม
อยู่หน้าหาด Yeongildae Beachหน้าหาดก็จะมีที่เที่ยวหลายจุด
อย่างเดินไปเรื่อยๆ ก็จะเจอ
Yeongildae traditional pavilion
and beach in Pohang, Korea
เป็นศาลาสไตล์เกาหลีแบบดั้งเดิม
ตั้งอยู่กลางทะเล
มาช่วงเช้าหรือเย็น แสงจะสวยมากคืนนี้อิ้มพักที่นี่ค่ะ
โรงแรม Pohang Hotel View
อยู่หน้าหาด Yeongildae Beachอิ้มจองมาคืนละประมาณ 2,800 บาท
สำหรับ 2 คน
แต่พอมาถึง เค้ามีห้อง Seaview ว่าง
เลยอัพเกรดไปอีก 600 บาท
เป็น 3,400 บาท
ที่นี่จะให้เช็คอิน 4 โมงเย็นค่ะ
ถ้าเราจะไปเที่ยวต่อก็สามารถฝากกระเป๋าไว้ได้
พนักงานสื่อสารอังกฤษได้น้อย
อาจจะให้ข้อมูลการเที่ยวได้ไม่เต็มที่
ห้องที่อิ้มพักจะเป็น Seaview
ห้องกว้างมากกกกกเห็นวิวทะเลสวยๆ จากห้องนอนเลย มีมุมเก้าอี้นวดริมทะเลด้วย
มุมนี้คือเพลินสุดดดดมีมุมเตียงนอน อ่างล้างหน้า กระจก ไม่มีตู้เสื้อผ้า แต่มีราวแขวนผ้าเล็กๆ ไว้ให้ ใดๆ คือทีวีจอใหญ่อลังการมากสาว ภายในห้องน้ำจ้าาา แล้วก็ได้เวลาที่จะเป็นตามหาหัวหน้าฮงของเราแล้ว
แต่การเที่ยวโพฮัง และตามรอยซีรีส์
จะค่อนข้างยากนิดนึง
เนื่องจากแต่ละสถานที่จะอยู่คนละจุด
และค่อนข้างไกลพอสมควร
วิธีการเดินทางอิ้มแนะนำดังนี้
1. เช่ารถขับได้เลยค่ะ อิ้มว่าวิธีนี้สะดวกที่สุด
และประหยัด แวะได้หลายจุด ทำเวลาได้ดี
แต่อิ้มและเพื่อนๆ ไม่มีใครขับพวงมาลัยซ้ายเป็น
จึงเลือกที่จะไม่เสี่ยงเช่ารถเพื่อความปลอดภัย
(แต่คราวหน้าถ้ามาจะใช้วิธีนี้ค่ะ)
2. สามารถนั่งรถประจำทางได้
แต่ค่อนข้างเสียเวลา และรถแต่ละรอบมาช้า
บางจุดอาจจะต้องเดินเข้าไปไกล
3. เช่ารถพร้อมคนขับ
หรือ เหมาแท็กซี่พร้อมคนขับ
อิ้มเลือกวิธีนี้ค่ะ
ตอนแรกมั่นใจว่าง่าย
อิ้มไปยืนโบกรถแท็กซี่จากหน้าโรงแรม
เรียก 3 คัน ไม่มีใครไปเลยค่ะ 5555
ต้องตั้งต้นใหม่ ให้เพื่อนที่อยู่เกาหลี
คุยกับโรงแรมเรียกแท็กซี่เพื่อจะเหมา
พอแท็กซี่มาถึง
เป็นคุณลุงที่หน้าตาไม่ค่อยยิ้มแย้ม
เค้าให้ราคาเหมาเรา ชั่วโมงละ 25,000 วอน
เราเลือกเหมา 6 ชั่วโมง ราคา 150,000 วอน
พวกเราต่อราคาเหลือ 140,000 วอน ไปกัน 4 คน
หารกันเหลือคนละ 35,000 วอน ก็โอเค
ตอนนั่งรถเราก็เอาที่อยู่ให้คุณลุง
เราเริ่มที่ตลาดกงจิน หรือ Cheongha market
แกไม่จอยกับพวกเราเลย เงียบตลอดทาง
เหมือนแกยังไม่รู้ว่าเรามาตามรอยซีรีส์
แต่พอไปถึงเท่านั้นแหละ
ลงรถได้แกวิ่งสุดชีวิต ไปถ่ายภาพก่อนอิ้มอีกจ้า
จากนั้นแกก็แฮปปี้น่ารัก ยิ้มแย้มตลอด
เพราะรู้ว่าเรามาเที่ยว
พยายามสื่อสารภาษามือ
และจอดให้ถ่ายภาพในจุดสวยๆ
แต่อิ้มแนะนำ
ถ้าอยากเที่ยวให้ครบภายในวันเดียว
ต้องออกแต่เช้า จะเป็น One Day Trip สุดฟิน
ตามรอยหัวหน้าฮงได้อย่างแท้จริง
สถานที่ตามรอย Home town cha cha แบบครบๆ
ก็จะมีดังนี้ แต่บางที่อิ้มไม่ได้ไปเพราะเวลาไม่ทัน
และอิ้มแบ่งเที่ยว 2 วันเพราะไปถึงบ่าย
วันแรกที่มาถึงโพฮัง
– Cheongha market หรือหนึ่งในสถานที่
เมืองกงจินที่มีอยู่จริง ในซีรีส์
Hometown Cha Cha Cha
หมู่บ้านกงจิน’ เมืองติดทะเลน่ารักๆ
ที่มีชาวบ้าน และผู้คนดำรงชีวิตด้วยความเรียบง่าย
เป็นซีรีส์ที่อบอุ่นหัวใจ
และเต็มไปด้วยความสุข
พอเราไปถึง Cheongha market
เค้าเปิดเพลงในซีรีย์บอกเลยยิ่งฟิน
เดินฉีกยิ้มตลอด ดิฉันใจเต้นตึกตัก
ราวกับจะได้เจอหัวหน้าฮง
เดินสวนกันที่ตลาดแห่งนี้
และส่วนตัวอิ้มชื่นชอบคุณนักแสดง คิมซอนโฮ
หรือหัวหน้าฮงมาก บอกเลยคือยิ่งอิน
โปรดเรียกดิฉันว่า ซอนโฮฮาดาตัวจริงนะ ><
พิกัด ตลาดชองฮา
http://kko.to/TCufoZn4jมีแผนที่ตามรอยซีรีส์
แต่น่าเสียดายไม่มีภาษาอังกฤษซึ่งจุด Cheongha market นี้จะมี 5 ที่หลักๆ
– ร้านคุณโอยุนพ่อของจูรี ชื่อยาวๆ ว่า
คาเฟ่ในตอนกลางวันและเบียร์ในคืนเดือนหงาย
– ร้านซุปเปอร์โบรา Bora Supermarket
– ร้านขายวัสดุก่อสร้างของคุณพ่อโบรา
– อนุสาวรีย์ปลาหมึก
– ร้านจาจังเหมี่ยนคุณนัมซุก
แต่ๆๆ ตลาดนี้อิ้มเห็นอีกสองจุด
เสียดายไม่ได้ถ่ายมาเพราะตอนขึ้นรถมาแล้ว
– ธนาคารที่หมอยุนไปถอนเงินจ่ายค่ากาแฟ
– หน้าร้านที่หมอยุนเจอโบรา
และอีจุนฟันหลุด– ร้านคุณโอยุนพ่อของจูรี ชื่อยาวๆ ว่า
คาเฟ่ในตอนกลางวันและเบียร์ในคืนเดือนหงายด้านนี้เป็นม็อกอัพเฉยๆ น๊าาา
เข้าไปด้านในไม่ได้ค่ะเอาจริงๆ อิ้มอินกัยซีรีส์เรื่องนี้มาก ใจฟูไปหมด ให้คะแนนความฟินแบบ 10 10 10 ติดกันเป็น อนุสาวรีย์ปลาหมึก ด้านหลังร้านคุณโอยุน จะเป็นแบบนี้ค่ะ
มีพวกโพสอิทเขียนความประทับใจเดินมาอีกนิดก็ะเจอ
ร้านซุปเปอร์โบรา Bora Supermarketร้านขายวัสดุก่อสร้างของคุณพ่อโบรา ร้านจาจังเหมี่ยนคุณนัมซุก
ความน่ารักก็คือทุกอย่างยังอยู่สภาพเดิม
ดูแล้วยิ่งคิดถึงซีรีส์ …. เปล่า คิดถึงหัวหน้าฮง 5555จากนั้นก็ให้คุณลุงขับรถต่อไปยังอีกจุดค่ะ
ระหว่างทางคือวิวสวย
อิ้มว่าบางมุมตรงนี้อาจจะอยู่ในซีรีส์นะWolpo beach
หาดนี้เรียกว่าเป็นความทรงจำ
ของหัวหน้าฮงและหมอยุนเลยค่ะ
เพราะเจอกันครั้งแรก
และยังเป็นหาดที่หัวหน้าฮงชอบมาเล่นเซิร์ฟ
ปัจจุบันเค้ามีร้านสอนเล่นเซิร์ฟ
มีคนไปเรียนเยอะเลยค่ะอันนี้เป็นรถคุณลุงแท็กซี่ที่เราเหมามา พิกัด หาดวอลโพ
คลิ๊กตรงนี้นะคะ >> 상세보기นอกจากนั้นรอบๆ หาด
ยังเป็นที่พักผ่อนบรรยากาศดี
และยังมีมุมน่ารักๆ ให้ถ่ายภาพด้วยคนมาเรียนเซิร์ฟเยอะเลย
คิดถึงหัวหน้าฮงอีกแล้วและเดินมาอีกนิดจะเจอมุมนี้ค่า แนะนำว่าต้องถ่ายภาพน๊า คือน่ารักจริงๆ อยากให้ป้ายต่างๆ
ของบ้านเราเป็นแบบนี้บ้าง
นอกจากน่ารักแล้ว อิ้มว่ายังเป็นจุดสนใจ
ยังไงคนก็ต้องแวะมาถ่ายภาพดูความชิลของคนเกาหลี คือดีย์ Igari Anchor Observatory
บางคนก็บอกว่าที่นี่เป็นฉากหนึ่งในซีรีส์
ในเฉพาะฉากกลางคืน
จะเป็นแสงไฟระยิบระยับ แต่อิ้มไม่เห็นนะ
สงสัยต้องกลับไปดูใหม่ รอบที่ 6 5555
แต่ถึงจะอยู่หรือไม่อยู่ซีรีส์ก็ควรแวะ
ที่นี่เป็นสะพานที่ยื่นไปในทะเลคือน่ารักมาก
มองเห็นวิวทะเลได้แบบเต็มตาถ้าอากาศดีๆ
อิ้มว่าวิวจากตรงนี้ต้องสวยมากแน่ๆน้ำใสเวอร์ ยิ่งยามเย็นแบบนี้อากาศคือดีย์ ต่อมาคุณลุงพาเรามาจุดนี้ค่ะ
ตอนแรกเราก็ไม่รู้ว่าคืออะไร
นึกว่าแค่ประภาคาร น่ารักดี ก็เลยถ่ายภาพไว้มีความพาสเทลเวอร์ มโนว่าเป็นหมอยุนกับหัวหน้าฮง ถ่ายภาพกันเพลินมากกพูดเลย ทุกคนจำโค้งตรงนี้ไว้นะ
จริงๆ มันจะเป็นทางเดินไปร้านหมอฟันจ้า
แต่พวกเราไม่เดิน คิดว่าไม่มีอะไรก็เลยกลับเลยให้คุณลุงขับพาไปที่
Sanbang memorial park
สวนอนุสรณ์สถานซาบัง-ยอดเขามูกึนบง
เรือบนยอดเขา
จุดนี้คือสำคัญมากกกก
เพราะจะมีเรือของปู่หัวหน้าฮงตั้งอยู่นั่นเอง
ซึ่งในซีรีส์เราจะเห็นหัวหน้าฮง
ไปที่นี่อยู่บ่อยครั้ง
และถูกใช้เป็นที่ถ่ายรูปแต่งงาน
ในตอนจบของเรื่องด้วย
แน่นอนค่ะ อิ้มไปถึงค่ำ
เลยไม่ได้ขึ้นไปชมด้านบน
และมองเห็นเรือจากด้านล่างไกลๆ
หากจะวางแผนมาเที่ยว
แนะนำมาถึงที่นี่สัก 5 โมงเย็น
จะได้ชมวิวพระอาทิตย์ตกได้อย่างสวยงามนี่ค่ะทางขึ้น เห็นเรือไกลๆ นั่นไหมมม 555 อ่ะ ซูมมาฝากทุกคนแล้ววนะ หลังจากนั้นก็เจรจากับคุณลุง
ว่ายังไม่ได้ไปร้านหมอฟันเลย
ลุงแกก็งงว่าอะไร เจรจากันอยู่พักนึง
พอลุงเข้าใจ แกก็อารมณ์แบบชั้นไปพาแล้ว
ทำไมพวกเธอไม่เดินไปอีกนิดล่ะ 55555ถึงบางอ้อเลยค่ะ
ร้านหมอฟันอยู่ตรงโค้งเมื่อกี้ 5555
มาถึงอีกทีก็มืดแล้ว
พิกัด 청진3리어민복지회관ขึ้นมาด้านบนเลยค่ะ
กริ๊ดดดดด ฮงบันจางงงงร้านจะมีโซนด้านนอกด้วยนะ
อิ้มว่ากลางวันคงจะฟินมากHyejin’s clinic
คลินิกทำฟันของหมอยุนฮเยจิน
ซึ่งปัจจุบันด้านบนเป็นคาเฟ่
สามารถขึ้นมาทานอาหารและเครื่องดื่มได้
ตอนขึ้นไปจะบอกว่าอิ้มฟินจิกหมอน
ตัวร้านยังมีกลิ่นอายของคลินิก
มีรูปภาพหัวหน้าฮง หมอยุน
และร้านยังเปิดซีรีส์วนไปตลอดน่ารักมากกกก ส่วนมุมต่างๆ เรามโนภาพได้เลยว่า
ในฉากอะไรอยู่ตรงไหน
อิ้มเลือกที่นั่งตรงที่คิดว่าเป็นโต๊ะหมอยุน
มโนว่าตัวเองกำลังรอหัวหน้าฮง 555
แต่เรามาถึงตอนเกือบค่ำ
จึงไม่เห็นวิวทะเลสวยๆ
แบบที่หมอยุนมองเห็น
เสียดายมาก เอาไว้จะมาใหม่แน่นอนมุมนี้จะเป็นตรงเคาเตอร์ อิ้มนั่งมุมนี้ค่ะ เป็นโต๊ะทำงานของหมอยุน
โอ้ยยย เมื่อไหร่ฮงบันจางจะมารับนะมโนไปมากกก 5555
มาสั่งเครื่องดื่มทานกันค่ะเครื่องดื่มรสชาติดี แถมตกแต่งมาน่ารัก ใดๆ คือมีอาหารด้วย
เราสั่งจุกุมิ หรือปลาหมึกผัดเผ็ด
ให้มาจานใหญ่มากกกกก อร่อยมากกกก
อิ้มทานไปมีเครื่องดื่ม 2 แก้ว
ข้าวหนึ่งจานราคาประมาณ 23,000 วอน
หกร้อยกว่าบาท ราคาไม่แรงเลยค่ะและถ้าจะเพิ่มความฟิน
อิ้มแนะนำให้ไปร้าน “Villa De Wave”
เป็นร้านที่นักแสดงไปทานอาหาร
พิซอนของเราสั่งเมนูปลาหมึกสไปซี่น๊า
เสียดายอิ้มเองมารู้ทีหลังก็ไม่ได้แวะเช่นกัน
เสร็จจากการตามรอยก็ค่ำ
อิ้มก็กลับมาเที่ยวต่อที่
Pohang Space Walk
เป็นเที่ยวใหม่ๆ ของเกาหลี
กับสกายวอร์คที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ
เพิ่งเปิดใหม่ๆ สดๆ ร้อนๆ
จะบอกว่าที่นี่คือดีไซน์ล้ำ และสวยมาก
สามารถมาเที่ยวได้ทั้งวัน
ความสวยงามก็คนละแบบ
เช้าก็ได้ฟิลนึง เย็นก็ได้ฟิลนึง กลางคืนก็ได้ฟิลนึง
อิ้มมากลางคืน เค้าเปิดไฟสว่างไสว
อลังการงานสร้าง
เป็นแลนด์มาร์กใหม่
ที่ห้ามพลาดเมื่อมาเที่ยวเกาหลีเลยค่ะเห็นแว้บแรกคือแบบ เห้ยยย เราจะขึ้นไหวไหมเนี่ย สูงมาก ขาสั่นมากพูดเลย เอาว่าอิ้มทำใจไปพักนึงเลยค่ะ 5555 และนาทีระทึกใจก็เริ่มขึ้น
ค่อยๆ เกาะราวไปแล้วกันที่เราเห็นว่าเป็นโค้งๆ นั้น
จริงๆ จะขึ้นไม่ได้นะคะ
เค้าจะมีที่กั้นเอาไว้พอเริ่มสูง มันจะมีความสั่นๆ นะ ดิฉันไปได้แค่นี้ค่ะ 55555 แต่ก็ยังยิ้มสู้กล้อง ในใจคือสั่นมากก ได้เวลากลับค่ะ
คุณลุงก็มาส่งเราถึงที่หมายอย่างปลอดภัยปิดท้ายด้วยการทานอาหารเย็น
กับร้าน Madangjib สาระพัดเมนูหอยย่าง
เครื่องเคียงจัดเต็ม ต้องมาลองน๊าอลังการงานหอยมากก ที่ชอบอีกอย่างร้านนี้เครื่องเดียงดี
เต็มได้ไม่อั้นส่วนมากเค้าจะนิยมทานกับชีสค่ะ เราสั่งราเมงเพิ่มความซี๊ดซ๊าด
ซดน้ำซุปให้คล่องคอและปิดท้ายกับกิจกรรมยามดึก
เชื่อว่าไหมว่าเที่ยงคืน ตีหนึ่ง
คนที่นี่เค้ายังไม่นอนจ้า
เค้ามานั่งร้องเพลงริมหาด
บางคนก็พาแฟนมาสวีท
และที่พีคคือ บางคนเค้าจุดพลุกันริมหาดจ้า
มีร้านขายพลุอยู่ตรงนั้น
หรือจะหาซื้อจากมินิมาร์ทก็ได้เหมือนกัน
เค้าจริงจังกับการจุดพลุมาก
แต่ไม่ใช่แรงๆ แบบพวกกระจับนะ
จะเป็นพลุเล็กๆ ไฟยงไฟเย็นไฟใจ
เอาฟิลเน้นโรแมนติก
ซึ่งเราก็เอาด้วย จะบอกว่ามันดีมาก 5555วันที่ 3 อิ้มเช็คเอาท์ออกจากโรงแรม
และฝากกระเป๋าไว้เดินเที่ยว
หน้าหาด Yeongildae Beach นิดหน่อย
แล้วก็เรียกคุณลุงคนเดิมมารับ
วันนี้เราเหมาแก 4 ชั่วโมง
ราคาชั่วโมงละ 25,000 วอนเหมือนเดิม
แต่แกขอนำเสนอจุดท่องเที่ยวเพิ่มด้วย
เราก็ให้แกพาไป
จุดแรก เป็นเหมือนอนุสาวรีย์
อิ้มหาชื่อไม่เจอแต่จากมุมนี้ก็สวย
มองเห็นวิวทะเลสุดลูกหูลูกตาระหว่างทางแกจอดให้ถ่าย
ก็ถ่ายตามแกสักหน่อยมาต่อกับอีกทีนึง
ซึ่งเป็นแลนด์มาร์กของเมืองโพฮังค่ะที่นี่คือ Homigot Sunrise square จะมีอุ้งมืออยู่ทั้งบนฝั่ง และ ในทะเล Homigot Sunrise square
มีรูปปั้นมือยักษ์อยู่ในทะเล
เป็นสถานที่สำคัญของเมืองโพฮัง
เพราะในวันปีใหม่
จุดนี้จะเห็นพระอาทิตย์ขึ้นเป็นที่แรก
ของประเทศเกาหลีใต้
คนเกาหลีจะนิยมมาในวันขึ้นปีใหม่
เพื่อมาดูแสงแรกของปีเสียดายฟ้าหม่นไปนิด
ไม่งั้นเราคงได้เห็นวิวสวยๆรอบๆ ของที่นี่ก็จะมีร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ
ซึ่งคุณลุงคงดูแล้วว่าเราหิว
มีซื้อขนมเลี้ยงด้วยนะ
ฟิลเหมือนคุณลุงพาหลานๆ เที่ยวสุดอันนี้อิ้มลองซื้อทานเอง
ดูออกไหมว่าเป็นรูปมือ
Homigot Sunrise squareหลังจากนั้นก็ตามรอยซีรีส์ต่อ
เวลาที่อิ้มรอคอยก็มาถึง
ก็มาบ้านแฟนจะไม่ให้ตื่นเต้นได้ยังไง 5555
จุดนี้จะมีบ้านของตัวละครใน Hometown cha cha cha
บ้านหัวหน้าฮง บ้านคุณยายกัมรี
บ้านหมอฟัน ประภาคารสีแดง
ซึ่ง 4 ที่นี้จะอยู่ที่เดียวกันค่ะ
ตามพิกัดนี้มาได้เลยค่ะ 석병1리 방파제ตรงนี้จะเป็นบัานหัวหน้าฮง อยู่ด้านล่าง
ฟินไม่ไหวววบ้านคุณยายกัมรี ยังไม่รื้อแต่ติดป้ายห้ามเข้า ส่วน ประภาคารสีแดง
สามารถเดินถ่ายภาพได้ชิลๆ
แต่อาจจะไม่ส่งเสียงดังนะคะ
เพราะตรงนั้นจะเป็นชุมชม
อ้อ และจะบอกว่า
ประภาคารสีแดงที่โพฮังมีเยอะมาก
แต่อันที่ถูกต้องจะอยู่ที่เดียวกับบ้านหัวหน้าฮงฟินใจที่สุดดดด ฮงบันจางงงง อิ้มมาแล้ววว ส่วนบ้านหมอยุนจะอยู่แถวบนค่ะ
เดินขึ้นไปได้เลยถ่ายภาพได้แค่เฉพาะด้านหน้า
เพราะเป็นบ้านที่มีคนอาศัยอยู่จริง
อิ้มอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน
เวลาของความสุขก็ค่อยๆ ลดน้อยลงไป
จนได้เวลากลับสุดท้ายเราแวะ Auspice café
เป็นคาเฟ่บรรยากาศดีติดริมทะเล
มีมุมถ่ายภาพสวยๆ เยอะมากร้านเค้าฟิลดีสุด โทนดี มู้ดดี มีโซนที่นั่งเยอะมาก กาแฟมีตัวเลือกไม่มากเหมือนบ้านเรา
เพราะเค้าจะเน้นกินกาแฟแบบจริงจัง
ส่วนขนม พวกครอฟเฟิลคือดีหมดส่วนมุมถ่ายภาพยอดฮิต
ต้องขึ้นมาที่ชั้นบนสุดเลยค่ะจะเป็นวิวกระจกแบบนี้ น่าร้าก ละมุน
วิวคือจึ้งมากกกกกเอาจริงๆ ในโพฮังเอง มีคาเฟ่อีกหลายที่
ที่น่ามาเช็คอิน ไว้จะมาใหม่แน่นอน
จากนั้นคุณลุงก็กลับมาส่งเราที่โรงแรม
และไปส่งที่สถานีโพฮัง
อิ้มมารู้ทีหลังว่าจริงๆ ก็มีแท็กซี่นำเที่ยว
สามารถเรียกได้ตั้งแต่สถานีโพฮัง
ราคาเหมา 5 ชั่วโมง 90,000 วอน
เช่าเพิ่มคิดชั่วโมงละ 20,000 วอน
ราคาถูกกว่าที่เราไปกับคุณลุง
ที่เราเหมาไปจ้า 55555
ซึ่งเพื่อนๆ สามารถจองจากสถานีโพฮังได้เลยค่ะ)
แต่ส่วนตัวถามว่าไปกับลุงก็แฮปปี้นะ
คุยภาษามือกันสนุกมาก
และพอคุณลุงแกรู้จุดประสงค์ของเรา
แกเต็มที่มาก ตื่นเต้นทุกที่ที่พาเราไป
ถึงปุ๊ปวิ่งไปสำรวจว่าต้องถ่ายภาพจุดไหน
รอเราทุกจุด จะถ่ายภาพให้
และแนะนำสถานที่เที่ยวเพิ่มให้ด้วย
แถมซื้อขนมเลี้ยงเราอีก
แกใจดีและน่ารักในแบบของแก
ซึ่งพวกเราประทับใจ
ใครอยากเจอคุณลุง และให้แกนำเที่ยว
ก็สามารถให้โรงแรมโทรเรียกได้
ที่เบอร์นี้นะคะ 010-8939-9617
ไว้รอติดตามรีวิวถัดไป ปูซาน และโซลค่ะ
ส่งท้ายความสุขในรีวิวด้วยภาพนี้
ก่อนรีวิวนี้จะจบลง
ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามจนมาถึงบรรทัดนี้
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์
ขอบคุณทุกไลค์ ขอบคุณทุกแชร์
เป็นกำลังใจที่ดีในการทำรีวิวมากๆ
ถ้าชอบก็ฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะคะ
อัพเดทเรื่องกิน เช็กอินเรื่องเที่ยว ได้ที่นี่
psstory เรื่องราวดีๆในการเดินทาง
แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้านะคะ สวัสดีค่ะ
ช่องทางติดต่อเรา
http://www.psstorytrip.com
http://www.facebook.com/psstorytrip
http://www.instagram.com/psstorytrip
http://www.youtube.com/psstorytrip
https://www.tiktok.com/@psstorytrip
ซื้อ flight+hotel อยากถามค่ะเพิ่มโหลดสัมภาระได้ที่ไหนคะ
ถูกใจถูกใจ