สวัสดีค๊าาา
รีวิวเวียดนามพร้อมเสิร์ฟแล้วค่ะ
อิ้มจะพาไปเที่ยวเวียดนามกัน
เดิมทีอิ้มตั้งใจจะไปทั้งหมด 10 วัน
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้ทริปนี้
ต้องลดระยะเวลาลง เหลือเพียง 7 วัน
อิ้มจึงแบ่งเที่ยวอยู่เวียดนามกลาง 3 วัน
และเวียดนามเหนือ 4 วัน
ครั้นจะรีวิวทั้งหมดก็ดูจะเป็นทริปที่โหดเกินไป
อิ้มจะแยกเป็นสองรีวิวตามประสาคนพูดมากนะ 555
ซึ่งรีวิวแรกจะเริ่มที่เวียดนามกลาง
เที่ยวแบบฉบับกระทัดรัด 3วัน2 คืน
เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาน้อย
และอยากไปในสถานที่ สวยๆ ราคาสบายกระเป๋า
ซึ่งอิ้มไปเที่ยวบานาฮิลล์ ฮอยอัน ดานัง
ซึ่งเป็นเมืองสุดคลาสสิก
ที่ในยุคนี้ใครๆ ก็ต้องรู้จัก และอยากมาพักผ่อน
วันที่ 1 อิ้มเริ่มต้นด้วยการเดินทางกรุงเทพฯ – ดานัง
ถึงแล้วก็ไปทานเฝอ จากนั้นเดินทางไป
แลนด์มาร์กอันโดดเด่นอย่าง Bana Hills
หมู่บ้านฝรั่งเศสสสสส ที่ปังมาก
ต้องนั่งกระเช้าผ่านเขาประมาณ 3,856 ล้านลูก
อ่ะล้อเล่น ><
ส่วนตัวเคยมาที่นี่แล้วครั้งนึง
ก็ยังติดใจในความอลังการอยู่
เริ่มด้วยการนั่งกระเช้าข้ามเขาสูง
ระหว่างทางที่ขึ้นวิวอลังจริง
อิ้มเป็นคนกลัวความสูงนะ
แต่วิวแบบนี้สวยจนลืมความกลัวไปเลย
ระหว่างทางขึ้นก็ผ่านน้ำตกเอย น้ำตกใจ
แล้วก็นั่งกระเช้าทะลุเมฆขึ้นไป เรื่อยๆ จนมาถึง
ด้านบนคือสวยม๊าก สวยแบบตะโกน
ไฮไลท์ที่ต้องห้ามพลาด
นั่นก็คือ Golden Bridge
สะพานลอยฟ้า ในอุ้งมือยักษ์
แล้วเค้ายังมีทั้ง สวนสนุก
ร้านอาหาร โรงแรมอยู่บนเขา
จึงเปิดให้มาเที่ยวทั้งแบบ one day trip
และมาพักค้างคืนด้านบน
ที่ โรงแรม Mercure Banahills French Village
ส่วนตัวอิ้มแนะนำว่า
ใครมาที่นี่ต้องนอนพักอย่างน้อยหนึ่งคืนนะ
เพราะกลางวันคนเยอะอาจจะแชะภาพไม่สะดวก
แต่หลังจากที่นักท่องเที่ยวลงไปหมด
และยามเช้าที่นักท่องเที่ยวยังไม่ขึ้นมา
ด้านบนนี้แทบจะเป็นเมืองของเรา
มุมถ่ายภาพคือเยอะมากกกก
อัพลงโซเชี่ยลก็คิดว่าอยู่ยุโรปแล้วแหละ
วันที่ 2 อิ้มแวะไปเที่ยวคาเฟ่
LÒ GẠCH CŨ Farmstay
ความปังคือ เจ้าของเป็นคนไทยชื่อพี่บุญเลิศ
พี่เค้าน่ารัก ใจดีมาก แนะนำให้แวะมาเช็คอิน
จากนั้นไปเมืองเก่าฮอยอัน เมืองมรดกโลก
เป็นสถาปัตยกรรมผสมผสาน
ระหว่างจีน ญี่ปุ่น และเวียดนาม
ที่สวยงามสุดคลาสสิกช่วงเย็นลองเรือ
และลอยกระทงที่แม่น้ำ Thu Bon
และเข้าพักที่ Lion King Hotel
โรงแรมราคาดีงาม เจ้าของน่ารัก
ที่สำคัญอยู่ใกล้เมืองเก่ามาก
ใช้เวลาเดินเพียง 5 นาทีเท่านั้น
วันที่ 3 อิ้มตื่นเช้ามาเที่ยวคาเฟ่ในฮอยอัน
จัดไปจุกๆ กับ 3 ร้านดัง
แต่ละร้านคือวิวสวย ดูคลาสสิกเวอร์
จากนั้นก็มาเที่ยวในตัวเมืองดานังต่อ
บอกเลย ในดานังมีที่เที่ยวเยอะมาก
แต่ละจุดก็ไม่ไกลกัน
สามารถเก็บได้วันเดียวหมด
เที่ยวเพลินๆ ชิลๆ สบายๆ ได้เลยค่ะ
สำหรับการเที่ยว บานาฮิลล์ ฮอยอัน ดานัง ครั้งนี้
อิ้มใช้บริการรถเช่าพร้อมคนขับ
ซึ่งเป็นเสมือนไกด์ส่วนตัวให้เราด้วย
น้องเค้าชื่อวิน เป็นคนเวียดนาม
แต่พูดไทยชัดแจ๋ว พิมพ์ภาษาไทยได้
เค้ามาเรียนภาษาไทย เพื่อการนี้เลย
มาเที่ยวกับน้องวิน ดียังไง
1. สื่อสารกันรู้เรื่อง
2. สามารถเหมาทั้งทริปได้ เช่นของอิ้ม 3วัน2 คืน
3. มารับตั้งแต่สนามบิน
และมาส่งถึงสนามบินในวันกลับ
4. ระบุสถานที่ ที่เราอยากไปได้
หรือถ้าไม่รู้จะไปไหน อยากไปเที่ยวสไตล์ไหน
ก็สามารถบอกน้องได้ เช่น คาเฟ่ ร้านอาหาร
วัด โบสถ์ ตลาด
น้องจะจัดแจงว่าไปที่ไหนก่อนหลัง
ทำเวลาให้เหมาะสมกับทริปของเรา
5. สามารถแลกเงินเวียดนามในเรทที่โอเค
และซื้อซิมโทรศัพท์กับน้องได้
6. ถ้าอยากไปเที่ยวหลายๆ ที่
จะได้ไม่เสียเวลาเรียก Grab
7. ปลอดภัยมากกก ไว้ใจได้
เรียบร้อย พูดเพราะ และบริการดี
ถ้าวันไหนน้องวินไม่ว่าง
เค้าจะส่งน้องในทีมมาดูแล
ซึ่งทีมเค้าพูดภาษาอังกฤษได้ดี
ส่วนใครที่กลัวจะสื่อสารไม่ได้ ไม่ต้องกังวล
เค้าจะสร้างแชทกลุ่ม
น้องวินจะคอยอำนวยความสะดวกให้ตลอดเวลา
8. เหมาะสำหรับคนที่พาผู้สูงอายุ เด็กเล็ก
และครอบครัวมาเที่ยว
สำหรับราคาทริปนี้ 3วัน2 คืน
บานาฮิลล์ ฮอยอัน ดานัง
ค่าเสียหายอยู่ที่ 5,500 บาท
ได้ทั้ง รถเช่า พร้อมคนขับ ไกด์ส่วนตัว
ค่าน้ำมันทั้งทริป
ราคานี้ไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่มอีกแล้ว
แต่หากคำนวณราคาเทียบกับ Grab
ราคาจะสูงกว่า แต่ส่วนตัวอิ้มว่า
วิธีนี้สะดวก ปลอดภัย
และประหยัดเวลาไปได้เยอะ
ใครสนใจเดินทางแบบอิ้ม
ก็สามารถติดต่อน้องได้เลยที่ลิ้งค์นี้ค่ะ
>> https://www.facebook.com/thaibaointertaiment
การเดินทาง อิ้มบินกับสายการบินเวียตเจ็ต
ความเริ่ดก็คือเค้ามีไฟล์ทบินตรง
จากกรุงเทพฯ – ดานัง วันละหลายไฟล์ท
อิ้มเลือกไฟล์ท VZ960 ออกจาก
สนามบินสุวรรณภูมิ 10.50 น. ถึง ดานัง 12.30 น.
ใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ 1 ช.ม 40 นาที เท่านั้น
เดินทางสะดวกสบายและใกล้เพียงไม่กี่อึดใจ
เวลากำลังดี ไม่ต้องตื่นเช้ามาก
ถึงช่วงกลางวัน ได้หาอะไรอร่อยๆ ทานพอดี
ส่วนตัวชอบเรื่องความสะดวก ราคาดีงาม
ประหยัดสุด เหลือเงินไปเที่ยวอีกเพียบ
ไปจองได้ทางนี้เลย >> https://th.vietjetair.com
ไปเที่ยวเวียดนาม
แนะนำว่าควรซื้อประกันเดินทางต่างประเทศ ไว้ด้วย
สามารถซื้อออนไลน์ได้เลย กับ ชัวร์ครับ
>> https://surekrub.com/travel-insurance
ประกันเดินทางต่างประเทศ เวียดนาม
จ่ายแค่หลักร้อยบาทเท่านั้น
แต่คุ้มครองเราแบบคุ้มมากๆ
ประกันเดินทางต่างประเทศ
มีให้เราเลือกซื้อได้แบบตอบโจทย์ไลฟสไตล์การเดินทาง
ทั้งรายเที่ยว รายปี เดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ
มีประกันเดินทางไว้อุ่นใจกว่าเยอะ
เอาหล่ะ อย่ารอช้า
เพราะอิ้มพร้อมที่จะพาทุกคนไปแล้วกันแล้ว
ตามอ่านรายละเอียดต่างๆ ในรีวิวนี้เลยค๊าา
ช่องทางการติดต่อ Psstory
Facebook Page : https://www.facebook.com/psstorytrip
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDbovnzcEgLS-l5NFi1tj3Q
IG : https://www.instagram.com/psstorytrip/
E mail : amim_97@psstorytrip
Tik Tok : https://www.tiktok.com/@psstorytrip
สำหรับการเดินทางเข้าเวียดนาม ณ ปัจจุบัน
อิ้มไปในเดือน สิงหาคม ปี 65
เค้าได้มีการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ
โดยนักท่องเที่ยวไม่ต้องยื่นเอกสาร
เกี่ยวกับโควิดใดๆ ทั้งสิ้น
รวมถึงไม่มีการคัดกรองใดๆ
สามารถเข้าประเทศเวียดนามได้สบายๆ เลยค่ะ
ก่อนจะเดินทางไปเวียดนาม
มาดูสิ่งที่ควรรู้ และเตรียมตัวก่อนเดินทางกันดีกว่าค่ะ
1 . ประเทศเวียดนาม แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ
เวียดนามเหนือ
(ในกรุงฮานอย ซาปา ฮานอย ฮาลองเบย์ )
บริเวณเวียดนามกลาง
(เว้ ดานัง ฮอยอัน)
และเวียดนามใต้
(โฮจิมินห์ – ดาลัด – มุยเน่ )
2. เงิน
หน่วยเงินที่ใช้ในเวียดนามคือ “เวียดนามดง” (VND)
1 ดงเวียดนาม เท่ากับ 0.0016 บาท
(เรทเงินแล้วแต่ช่วงเวลา )
สามารถแลกได้ที่ Superrich ทุกสาข
หรือถ้ามาเที่ยวแบบอิ้มก็แลกกับน้องวินได้เลย
วิธีคิด อิ้มจะคิดง่ายๆ แบบไม่ต้องปวดหัว
10000 ดง เท่ากับ 15 บาท
100000 ดง เท่ากับ 150 บาท
1000000 ดง เท่ากับ 1500 บาท
10000000 ดง เท่ากับ 15000 บาท
3. ภาษา
หลักๆ เลยเค้าจะใช้ภาษาเวียดนาม
ซึ่งออกเสียงยากมาก
แต่ในการสื่อสาร
เค้าสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ดี
4. เวลา
เวลาที่ไทยและเวียดนามจะเท่ากัน
ไม่ต้องปรับเวลาค่ะ
5. เตรียมที่พักให้เหมาะกับการเดินทาง
ที่พักดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
เลือกที่พัก ที่ใกล้แหล่งท่องเที่ยว
จะได้ไม่เหนื่อยกับการเดินทาง
6. เสื้อผ้า
เราต้องดูสภาพอากาศให้ดีก่อนเดินทาง
อย่างอิ้มไปเวียดนามกลาง และไปบานาฮิล
ก็ต้องเอาเสื้อหนาๆ ติดไว้ เพราะบนบานาฮิล
อากาศเย็นตลอดทั้งปี
7. ยา
สามารถเตรียมยาพื้นฐานต่างๆ ไปได้
เช่นลดไข้ ลดน้ำมูก แก้แพ้ แก้ท้องเสีย
แก้ไอ แก้อักเสบ แก้ท้องอืด
8. อุปกรณ์ชาร์ตแบต ปลั๊ก
ที่เวียดนามจะใช้ปลั๊กแบบเดียวกับไทย
ใครอุปกรณ์เยอะแนะนำพกปลั๊กพ่วงมาด้วย
เพราะบางโรงแรมจะมีหัวเสียบปลั๊กค่อยข้างจำกัด
9. พาสปอร์ต (Passport)
นักท่องเที่ยวไทย
สามารถอาศัยอยู่ในประเทศเวียดนาม
ได้เป็นเวลา 30 วันโดยไม่จำเป็นต้องขอวีซ่า
แต่เอกสารที่สำคัญที่สุด
ที่ขาดไม่ได้อย่างเด็ดขาดเลย
ก็คือหนังสือเดินทาง หรือ พาสปอร์ต (Passport)
ที่อายุเดินทางควรมีมากกว่า 6 เดือนขึ้นไป
และที่สำคัญ
อย่าลืมตรวจสอบวันหมดอายุให้เรียบร้อย
ก่อนเดินทางด้วยนะคะ
10. แพลนการเดินทาง
สำหรับคนอื่นอาจจะไม่
แต่สำหรับอิ้มเรื่องแพลนก็ยังสำคัญนะ
จะเดินทางไปไหนอย่างไร
ควรเตรียมแพลนให้พร้อม
จะได้ไม่เสียเวลาเที่ยว
และจะเพิ่มอรรถรสในการท่องเที่ยวให้ได้มากยิ่งขึ้น
เช่น ศึกษาสถานที่ ที่จะไป ว่ามันคืออะไร
เจดีย์นี้คืออะไร สะพานนี้คืออะไร
แล้วชั้นจะถ่ายรูปไปทำไม
พอไปถึงจะได้ไม่ต้องยืนงง ในดง ต่างๆ จร้าาาา
11. Pocket Wifi และซิมการ์ด
ปัจจุบันหลายคนอาจจะไม่ได้ใช้
pocket wifi กันแล้ว
อิ้มเองก็เช่นกัน
อย่างไปเวียดนามรอบนี้
อิ้มใช้ซิมของเวียดนามเลย
ซึ่งซื้อกับน้องวิน ราคาประมาณ 150 บาท
ใช้ได้หลายวันมาก
ครอบคลุมทั้งทริป
ตั้งแต่เวียดนามกลาง ไปถึงเวียดนามเหนือ
ได้เน็ตเยอะกว่าที่ซื้อสนามบิน
ส่วนใครไม่ได้มาแบบอิ้ม ก็สามารถซื้อซิมที่ไทย
หรือจะมาซื้อซิมที่เวียดนามใส่ก็ได้ค่ะ
12. การเดินทางในเวียดนาม
มีทั้งรถประจำทาง และแท็กซี่
แท็กซี่ที่นี่ส่วนมากจะเหมา
กดมิเตอร์ก็มีแต่จะน้อย
แต่ราคาถูกและสะดวกกว่า
เมื่อเทียบกับรถโดยสารแบบอื่น
คนมาที่นี่จึงนิยมใช้บริการแท็กซี่ ซะส่วนใหญ่
แต่แท็กซี่เวียดนาม
ค่อนข้างขี้โกง บางคนถึงกับบอกว่า
” ไปเวียดนามไม่โดนโกงเหมือนมาไม่ถึง “
แต่แนะนำให้เรียก Grab จะชัวร์ที่สุด
หรือถ้าไม่เรียก Grab
ก็ควรตกลงราคา
พร้อมกับถ่ายวีดีโอตอนตกลงราคาไว้ทุกครั้ง
เพื่อจะได้ป้องกันไม่ให้ตุกติกทีหลัง
แต่ถ้ารู้สึกกังวลสามารถใช้บริการรถเช่า
พร้อมคนขับแบบอิ้ม
บอกเลยสะดวก ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ
13. ประกันการเดินทาง
ไปเที่ยวเวียดนาม
แนะนำว่าควรซื้อประกันเดินทางต่างประเทศ ไว้ด้วย
สามารถซื้อออนไลน์ได้เลย กับ ชัวร์ครับ
https://surekrub.com/travel-insurance
ประกันเดินทางต่างประเทศ เวียดนาม
จ่ายแค่หลักร้อยบาทเท่านั้น
แต่คุ้มครองเราแบบคุ้มมากๆ
ประกันเดินทางต่างประเทศ
มีให้เราเลือกซื้อได้แบบตอบโจทย์ไลฟสไตล์การเดินทาง
ทั้งรายเที่ยว รายปี เดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ
มีประกันเดินทางไว้อุ่นใจกว่าเยอะ
14. อาหารเวียดนาม
อาหารเวียดนามเป็นอาหารที่กินผักสด
หลากหลายชนิดในแทบทุกเมนู
และมีน้ำจิ้มที่หลากหลาย
เมนูที่ต้องทานก็คือ เฝอ
เหมือนก๋วยเตี๋ยวบ้านเราเลยค่ะ
นอกจากนั้นยังมี โซย ข้าวเหนียวหน้าต่างๆ
Banh Xeo (บั๊ญแส่ว) ขนมเบื้องญวณ
Goi Cuon (ก๋อย ก้วน) หรือ ปอเปี๊ยะสด
Bun Cha (บุ๋นจ่า) หมูสามชั้นย่างถ่าน
รับประทานพร้อมน้ำแกงใส
เส้นขนมจีน และผักสดชามใหญ่ๆ
Banh Mi (บั๋นหมี่)
แซนด์วิชเวียดนามแท้ๆ เมนูนี้อิ้มชอบมาก
Bahn Trang Noung (บั่นแจ๊งนึ๊ง)
พิซซ่าเวียดนาม
Ca phe trung (กาเฟจิ๋ง)
กาแฟร้อนใส่ไข่
ส่วนตัว อิ้มทานอาหารเวียดนามไม่เก่ง
ปกติเป็นคนทานผักเก่งนะ
แต่ว่า อาหารบางอย่างจะกลิ่นแปลกๆ
ทำให้เราเข้าไม่ถึง
เวียดนามไม่มีร้านสะดวกซื้อ
แต่จะมีร้านขายของชำ
ขนม เครื่องดื่มมีของไทยด้วย
ใครเบื่อๆ อาหารเวียดนามแล้วคิดถึงขนมไทย
ก็สามารถซื้อเข้าไปทานได้ค่ะ
น้ำเปล่า ถ้าร้านสะดวกซื้อจะอยู่ที่ 5000 ดง
ถ้าตามสถานที่ท่องเที่ยว 5000 – 15000 ดง
15. คำเตือน !!!
คนเวียดนามอาจจะชอบแซงคิว
และไม่มีระเบียบไปบ้าง
แต่โดยรวมก็ยังเป็นคนใจดี และไม่ค่อยคิดมาก
เวลาเค้าบีบแตรกันบนท้องถนน
ไม่ต้องตกใจ นั่นถือเป็นเรื่องปกติ
โปรดอย่ามาเที่ยวตรงกับวันหยุด
เพราะคนจะเยอะมากอาจจะต้องต่อแถว
ตามจุดต่างๆ นาน และอาจจะโดนแซงคิว
ทำให้เสียความรู้สึกได้
ไม่ว่าจะทานอาหาร
หรือทำอะไร ต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ
ตรวจสอบบิลและใบเสร็จทุกครั้ง
หลังทานอาหารและซื้อของ
เพื่อความถูกต้องและความสบายใจ
ซื้อของและของฝาก ถ้าเค้าคิดราคามาโอเวอร์
อย่าไปตกใจ ต่อราคาให้สุด
ต่อให้เกินครึ่งก็ยังได้
แต่สุดท้าย ท้ายที่สุด ก็ขึ้นอยู่โชคชะตา
และบุญกรรมที่ทำมาเด้ออออ ><
รู้เรื่องการเตรียมตัวก่อนเดินทางแล้ว
ก็เตรียมแพ็คกระเป๋า ไปเที่ยวเวียดนามกันค่ะ
วันที่ 1 อิ้มเริ่มต้นด้วยการเดินทางกรุงเทพฯ – ดานัง
ถึงแล้วก็ไปทานเฝอ จากนั้นเดินทางไป
แลนด์มาร์กอันโดดเด่นอย่าง Bana Hills
หมู่บ้านฝรั่งเศสสสสส ที่ปังมาก
ต้องนั่งกระเช้าผ่านเขาประมาณ 3,856 ล้านลูก
อ่ะล้อเล่น ><
ส่วนตัวเคยมาที่นี่แล้วครั้งนึง
ก็ยังติดใจในความอลังการอยู่
เริ่มด้วยการนั่งกระเช้าข้ามเขาสูง
ระหว่างทางที่ขึ้นวิวอลังจริง
อิ้มเป็นคนกลัวความสูงนะ
แต่วิวแบบนี้สวยจนลืมความกลัวไปเลย
ระหว่างทางขึ้นก็ผ่านน้ำตกเอย น้ำตกใจ
แล้วก็นั่งกระเช้าทะลุเมฆขึ้นไป เรื่อยๆ จนมาถึง
ด้านบนคือสวยม๊าก สวยแบบตะโกน
ไฮไลท์ที่ต้องห้ามพลาด
นั่นก็คือ Golden Bridge
สะพานลอยฟ้า ในอุ้งมือยักษ์
แล้วเค้ายังมีทั้ง สวนสนุก
ร้านอาหาร โรงแรมอยู่บนเขา
จึงเปิดให้มาเที่ยวทั้งแบบ one day trip
และมาพักค้างคืนด้านบน
ที่ โรงแรม Mercure Banahills French Village
ส่วนตัวอิ้มแนะนำว่า
ใครมาที่นี่ต้องนอนพักอย่างน้อยหนึ่งคืนนะ
เพราะกลางวันคนเยอะอาจจะแชะภาพไม่สะดวก
แต่หลังจากที่นักท่องเที่ยวลงไปหมด
และยามเช้าที่นักท่องเที่ยวยังไม่ขึ้นมา
ด้านบนนี้แทบจะเป็นเมืองของเรา
มุมถ่ายภาพคือเยอะมากกกก
อัพลงโซเชี่ยลก็คิดว่าอยู่ยุโรปแล้วแหละ
การเดินทาง อิ้มบินกับสายการบินเวียตเจ็ต
ความเริ่ดก็คือเค้ามีไฟล์ทบินตรง
จากกรุงเทพฯ – ดานัง วันละหลายไฟล์ทอิ้มเลือกไฟล์ท VZ960 ออกจาก
สนามบินสุวรรณภูมิ 10.50 น. ถึง ดานัง 12.30 น.
ทริปนี้อิ้มเดินทาง
วันที่ 16 ส.ค 65 – 18 ส.ค 65 นะคะตื่นเต้นมากแม่
ไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศเกือบสามปี
ใจงี้เต้นระรัวมาแย้วววว เราจะนั่งเครื่องบินลำนี้ไปค่า
ใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ 1 ช.ม 40 นาที เท่านั้น
เดินทางสะดวกสบายและใกล้เพียงไม่กี่อึดใจ
เวลากำลังดี ไม่ต้องตื่นเช้ามาก
ถึงช่วงกลางวัน ได้หาอะไรอร่อยๆ ทานพอดี
ส่วนตัวชอบเรื่องความสะดวก ราคาดีงาม
ประหยัดสุด เหลือเงินไปเที่ยวอีกเพียบ
ไปจองได้ทางนี้เลย >> https://th.vietjetair.comสำหรับการเที่ยว บานาฮิลล์ ฮอยอัน ดานัง ครั้งนี้
อิ้มใช้บริการรถเช่าพร้อมคนขับ
ซึ่งเป็นเสมือนไกด์ส่วนตัวให้เราด้วย
น้องเค้าชื่อวิน เป็นคนเวียดนาม
แต่พูดไทยชัดแจ๋ว พิมพ์ภาษาไทยได้
เค้ามาเรียนภาษาไทย เพื่อการนี้เลย
มาเที่ยวกับน้องวิน ดียังไง
สื่อสารกันรู้เรื่อง
สามารถเหมาทั้งทริปได้ เช่นของอิ้ม 3วัน2 คืน
มารับตั้งแต่สนามบิน
และมาส่งถึงสนามบินในวันกลับ
ระบุสถานที่ ที่เราอยากไปได้
หรือถ้าไม่รู้จะไปไหน อยากไปเที่ยวสไตล์ไหน
ก็สามารถบอกน้องได้ เช่น คาเฟ่ ร้านอาหาร
วัด โบสถ์ ตลาด
น้องจะจัดแจงว่าไปที่ไหนก่อนหลัง
ทำเวลาให้เหมาะสมกับทริปของเรา
สามารถแลกเงินเวียดนามในเรทที่โอเค
และซื้อซิมโทรศัพท์กับน้องได้
ถ้าอยากไปเที่ยวหลายๆ ที่
จะได้ไม่เสียเวลาเรียก Grab
ปลอดภัยมากกก ไว้ใจได้
เรียบร้อย พูดเพราะ และบริการดี
ถ้าวันไหนน้องวินไม่ว่าง
เค้าจะส่งน้องในทีมมาดูแล
ซึ่งทีมเค้าพูดภาษาอังกฤษได้ดี
ส่วนใครที่กลัวจะสื่อสารไม่ได้ ไม่ต้องกังวล
เค้าจะสร้างแชทกลุ่ม
น้องวินจะคอยอำนวยความสะดวกให้ตลอดเวลา
เหมาะสำหรับคนที่พาผู้สูงอายุ เด็กเล็ก
และครอบครัวมาเที่ยว
สำหรับราคาทริปนี้ 3วัน2 คืน
บานาฮิลล์ ฮอยอัน ดานัง
ค่าเสียหายอยู่ที่ 5,500 บาท สำหรับ 2 คน
หารกันแล้วก็ตกคนละ 2,750 บาท
ราคาแต่ละเคสอาจไม่เท่ากัน
ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้โดยสาร รถที่ต้องใช้
และโปรแกรมทัวร์ที่จะไปในแต่ละวัน
ราคานี้
ได้ทั้ง รถเช่า พร้อมคนขับ ไกด์ส่วนตัว
ค่าน้ำมันทั้งทริป
ราคานี้ไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่มอีกแล้ว
แต่หากคำนวณราคาเทียบกับ Grab
ราคาจะสูงกว่า แต่ส่วนตัวอิ้มว่า
วิธีนี้สะดวก ปลอดภัย
และประหยัดเวลาไปได้เยอะ
ใครสนใจเดินทางแบบอิ้ม
ก็สามารถติดต่อน้องได้เลยที่ลิ้งค์นี้ค่ะ
https://www.facebook.com/thaibaointertaiment
วันนี้น้องวินไม่ได้มาด้วยตัวเอง
ส่งทีมมาแทน
น้องจะมารอรับที่สนามบินเลยค่ะรถที่มารับก็จะเป็นคันนี้เลย
สำหรับ 2 คนก็คือสะดวกสบายมากพอขึ้นรถปุ๊ป น้องก็ถามว่าหิวไหม
เหมือนรู้ใจ 55555
อิ้มตอบอย่างไม่รอช้า น้องก็พามาร้านเฝอร้านนี้เลย
Hong Pho Restaurantน้องบอกว่าเป็นร้านดังของที่นี่
ความดีงาม พนักงานพูดไทยได้แล้วหนึ่ง 555
ภายในร้านเค้ามีอาหารอื่นๆ
นอกจากเมนูเฝอด้วยนะ
อย่างจานนี้เป็นหมูกรอบ เสิร์ฟพร้อมเส้นหมี่
ราคา 100,000 ดง ประมาณ 150 บาทจานนี้คือปอเปี๊ยะกุ้ง
แกรร เอ๊ย จะบอกว่าจานนี้อร่อยมาก
ต้องสั่งนะ ราคาอยู่ที่ 200,000 ดง
ประมาณ 315 บาท
พอมาคิดเป็นเงินไทยราคาแรงอยู่เด้อ 5555จานนี้เป็นเฝอไก่ ราคา 55000 ดง
ประมาณ 90 บาทจานนี้เป็นเฝอเนื้อ ราคา 55000 ดง
ประมาณ 90 บาทเวลาทานเค้าจะเสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียง
นานาชนิด เน้นเป็นผักซะมาก มีกิมจิด้วยค่ะ
ส่วนตัวอิ้มว่า ปอเปี๊ยะอร่อย
ส่วนเฝอ แนะนำ เฝอเนื้อ ซุปหอมอร่อยกว่า
คนไม่ทานเนื้ออาจจะลองสั่งเป็นหมูน่าจะดี
เพราะเฝอไก่ของอิ้มจะรสชาติเฉยๆ
สำหรับมื้อนี้ราคา 420,000 ดง
เป็นเงินไทย ประมาณ 660 บาทหลังจากที่เราทานอิ่มแล้ว
น้องก็จะพาเรามาส่งที่ Ba Na Hills ค่ะ
การขึ้นมาเที่ยวบนบานาฮิลทำได้สองแบบคือ
One day trip
One day trip ในที่นี้
ก็จะหมายถึงการเที่ยวไปเช้าเย็นกลับ
ขึ้นมาเที่ยวได้ตั้งแต่ 08.00 – 17.00 น.
รถจะมาส่งอีกที่นึง
ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายในการขึ้นไปด้านบน
ผู้ใหญ่คนละ 750,000 ดง
เด็กความสูง 100 เซ็นต์ -140 เซ็นต์
คนละ 600,000 ดง
เด็กความสูงต่ำกว่า 100 เซ็นต์ ฟรี
– ราคานี้รวมค่ากระเช้าไฟฟ้าไป-กลับ
– ค่าเข้าสวนสนุก Fantasy Park
และเล่นเครื่องเล่นได้ฟรี
(ส่วนใหญ่ฟรี มีบางส่วนที่เสียเงินเพิ่ม
ที่เสียเงินเพิ่มจะมีพวกหยอดเหรียญและเกมส์ตู้ต่างๆ )
– สามารถนั่งกระเช้าที่ Gare Morin
ไปเที่ยวสวนดอกไม้ LE JARDIN D’AMOUR
และชมโรงไวน์ DEBAY WINE CELLAR ฟรี
– นั่งกระเช้าไป-กลับ Gloden Bridge
อีกแบบคือมาพักที่โรงแรม 1 คืน ที่โรงแรม
Mercure Danang French Village Bana Hills
ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายในการขึ้นกระเช้าไปด้านบน
ผู้ใหญ่คนละ 550,000 ดง
เด็กความสูง 100 เซ็นต์ -140 เซ็นต์
คนละ 450,000 ดง
– ราคานี้รวมค่ากระเช้าไฟฟ้าไป-กลับ
– ค่าเข้าสวนสนุก Fantasy Park
และเล่นเครื่องเล่นได้ฟรี
(ส่วนใหญ่ฟรี มีบางส่วนที่เสียเงินเพิ่ม
ที่เสียเงินเพิ่มจะมีพวกหยอดเหรียญและเกมส์ตู้ต่างๆ )
– สามารถนั่งกระเช้าที่ Gare Morin
ไปเที่ยวสวนดอกไม้ LE JARDIN D’AMOUR
และชมโรงไวน์ DEBAY WINE CELLAR ฟรี
– นั่งกระเช้าไป-กลับ Gloden Bridge
ซึ่งถ้าใครพักโซนโรงแรม รถเค้าส่งมาส่งตรงนี้
ให้เรากดลิฟท์มาด้านบน ก็จะเจอกับล็อบบี้
ให้เราเดินเข้าไปเช็คอินได้เลย
หลังจากเซ็นต์เอกสารเรียบร้อยแล้ว
ต่อมาเราจะต้องจ่ายค่ากระเช้า
เพื่อขึ้นไปบนโรงแรม
ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายในการขึ้นกระเช้าไปด้านบน
ผู้ใหญ่คนละ 550,000 ดง
และเด็กความสูง 1 M-1.40 M คนละ 450,000 ดง
ค่ากระเช้าไม่รวมกับค่าโรงแรมจ้า
รายละเอียดเพิ่มเติมของโรงแรม
Website https://www.accorhotels.com/th/thailand/index.shtml
Facebook : https://www.facebook.com/MercureBanahills/
และข้อมูลท่องเที่ยว เทศกาลต่างๆบน Ba Na Hills
ได้ที่ http://banahills.sunworld.vn/en/
ความดีงามของผู้ที่เข้าพักโรงแรม
จะมีพนักงานช่วยลากกระเป๋า
และพาเข้าช่องทางพิเศษ
ไม่ต้องไปต่อคิวขึ้นกระเช้าให้เสียเวลา
และเค้าจะให้เรานั่งแค่ตามจำนวนคนที่เช็คอินมา
เพื่อความเป็นส่วนตัว
เราแค่เดินสวยๆ ไปนั่งกระเช้าได้เลยค๊าไฮไลท์อีกอย่างของการมาเที่ยวบานาฮิล
ก็คือการมานั่ง กระเช้าไฟฟ้าหรือ Cable car
Cable Car ของที่นี่
ที่ได้รับการบันทึกสถิติโลกโดยกินเนสส์
เอาไว้ถึง 4 หมวดความเป็นที่สุดเลยนะคะ
– กระเช้าไฟฟ้าประเภทไม่มีการหยุดแวะ (แบบเคเบิลเดี่ยว)
ระยะทางยาวที่สุดในโลก 5,801 เมตร
– กระเช้าไฟฟ้าประเภทไม่มีการหยุดแวะ (แบบเคเบิลเดี่ยว)
ระยะจากฐานสู่ยอดสูงที่สุดในโลก 1,368 เมตร
– กระเช้าไฟฟ้าที่สายเคเบิลยาวที่สุดในโลก 11,587 เมตร
กระเช้าไฟฟ้าที่สายเคเบิลหนักที่สุดในโลก 141.24 ตัน
เป็นการขึ้นกระเช้าที่น่าตื่นเต้นมากกกกกส่วนตัวเคยมาที่นี่แล้วครั้งนึง
ก็ยังติดใจในความอลังการอยู่
เริ่มด้วยการนั่งกระเช้าข้ามเขาสูง
ระหว่างทางที่ขึ้นวิวอลังจริง
อิ้มเป็นคนกลัวความสูงนะ
แต่วิวแบบนี้สวยจนลืมความกลัวไปเลยขอเล่าประวัติของ
บานาฮิลให้ฟังกันแบบคร่าวๆ ก่อนนะคะ
บานาฮิลล์ เป็นเมืองตากอากาศชื่อดัง
ของเวียดนามตอนกลาง
มานานกว่าร้อยปี
ตั้งแต่สมัยที่เวียดนาม
ยังเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส
ตอนที่เวียดนามอยู่ในอาณานิคมของฝรั่งเศส
ทหารมีแนวคิดริเริ่ม
ที่จะสร้างสถานที่พักผ่อนบนเขา
จึงค้นพบหาและพบภูเขาอันสวยงามแห่งนี้
ที่นี่อากาศเย็นสบายตลอดปี
โดยรวมสิบองศากว่าๆ นิดๆ
บรรยากาศดี วิวสวย
สามารถมองเห็นวิวเมืองดานังได้ทั้งเมือง
ทหารฝรั่งเศสเห็นดีงาม
จึงตกลงปลงใจ
สร้างบ้านพักตากอากาศบนภูเขาบานาฮิลแห่งนี้
เค้าจึงเริ่มมีการพัฒนาตัดถนนขึ้นสู่ยอดเขา
เพื่อก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างทั้งหลาย
เนื่องจากขณะนั้น
เป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ชาวฝรั่งเศส
ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศตนเองได้
จึงสร้างวิลล่า โรงแรม รีสอร์ต
และสาธารณูปโภคที่ทันสมัย
จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในสมัยนั้น
พอทหารฝรั่งเศสพ่ายแพ้สงคราม
และถอนตัวออกจากเวียดนาม
ชาวท้องถิ่นเวียดนาม
ที่เคยทำงานตามรีสอร์ตและโรงแรมบนเขา
ต่างอพยพกลับภูมิลำเนา
ทำให้เมืองท่องเที่ยวแห่งนี้
ถูกทิ้งร้างไปอย่างน่าเสียดาย
หลังจากนั้น ผ่านไปหลายสิบปี
เวียดนามเฟื่องฟูมากขึ้น
จึงกลับมาสร้างบานาฮิลล์ อีกครั้ง
และยิ่งใหญ่กว่าเดิม
โดยกลุ่มทุนอสังหาริมทรัพย์
ยักษ์ใหญ่ของเวียดนามอย่าง Sun World
จากเดิมมีถนนขึ้นเขาเส้นเล็กๆ
ใช้เวลาเดินทางราวๆ ชั่วโมง ก็เปลี่ยนเป็น
สร้างกระเช้าไฟฟ้า
ซึ่งใช้เวลาจากตีนเขาสู่ยอดเขาเพียง 15 นาที
Bà Nà Hills Cable Car
สร้างขึ้นตามมาตราฐานยุโรป
โดยบริษัทที่มีชื่อเสียงจากออสเตรเลีย
เครื่องมือและเครื่องจักรนำเข้าจากยุโรป
แต่ละเคเบิ้ลจะบรรทุกผู้โดยสารได้ 10 คน
และภายในหนึ่งชั่วโมง
สามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 1,500 คนระหว่างทางขึ้นก็ผ่านน้ำตกเอย น้ำตกใจ สวยเน๊อะ ธรรมชาติเวียดนามคือที่สุด ระหว่างทางจะผ่านน้ำตกหลายเส้นมาก ตอนที่อิ้มนั่งคือมีฝนตกปรอยๆ
ยิ่งทำให้บรรยากาศดี แถมอากาศเย็นสบาย
นั่งกระเช้ามาเรื่อยๆ
เราก็จะเริ่มเห็นยอดปราสาทลิบๆแล้วก็นั่งกระเช้าทะลุเมฆขึ้นไป เรื่อยๆ จนมาถึง
ด้านบนคือสวยม๊าก สวยแบบตะโกน
โอ้ยยยยย นี่มัน เมืองในจิตนาการชัดๆ
สภาพภูมิอากาศ อิ้มไปวันที่
วันที่ 16 – 17 ส.ค 65 อากาศเย็นสบาย
กลางวันยี่สิบต้นๆ กลางคืนสิบกว่าองศา
มีฝนตกน้อยมาก แต่ลมแรง
อุณหภูมิสูงสุด ช่วงเดือนมิถุนายน – สิงหาคม
อุณหภูมิเฉลี่ย 28-30 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิตำสุด ช่วงเดือนธัวาคม – กุมภาพันธ์
อุณหภูมิเฉลี่ย 18-23 องศาเซลเซียส
ฝนตกค่อนข้างหนัก
ช่วงเดือนตุลาคม – พฤศจิกายนด้านบนเค้าจะแบ่งออกเป็นหลากหลายโซนมาก
ทั้ง ที่พัก ร้านอาหาร สวนสนุก Fantasy Park
สวนดอกไม้ Le Jardin d’ Amour ,
โรงไวน์ Debay Wine Cellar,
The Linh Ung Pagoda ,
และจุดยอดฮิต Golden Bridge
สะพานลอยฟ้า ในอุ้งมือยักษ์
และจาก 3 ปีที่ไม่ได้มาที่นี่ อิ้มเห็นเค้ากำลังสร้าง
อะไรต่อมิอะไรอีกเต็มไปหมด
แต่ละจุดคืออลังการงานสร้างมาก
ได้ข่าวว่า จะมีโรงแรมขึ้นอีก 4 แห่ง
ตั้งแต่ 3-5 ดาว รวมไปถึง คาสิโนด้วยจร้า
นี่มันไม่ใช่ที่ท่องเที่ยวธรรมดาแล้ว
แทบจะเป็นเมืองๆ นึงแล้วนะมาถึงแล้วเราก็จะต้องเข้าไปเช็คอิน
ที่ล็อบบี้หลักอีกครั้ง
เพื่อทำการรับกุญแจห้องนะคะ
โรงแรมที่อยู่ด้านบนนี้ มีอยู่แห่งเดียวคือ
Mercure Danang French Village Bana Hills
สมัยก่อนอิ้มจองมา
ห้องเริ่มต้นเพียงแค่ 2000 ++ เท่านั้น
แต่ตอนนี้จองมาล่าสุด 4,900 บาทจร้าา
ราคาแร้งค์ขึ้นได้อีก ><
ราคานี้สำหรับสองคน รวมอาหารเช้า
ในส่วนของห้องพักที่
Mercure Danang French Village Bana Hills
เค้าก็จะแบ่งเป็นอาคารๆ หลักอยู่ 7 หลัง
อาคาร Hotel De Paris
อาคารนี้เป็นอาคารหลัก
ล็อบบี้จะอยู่ที่ตึกนี้
มีห้องพัก No. 2101-2408
2 . อาคาร Hotel De Lyon
มีห้องพัก No. 3101-3212
3 . อาคาร Hotel De Toulouse
มีห้องพัก No. 4101-4416
4 . อาคาร Hotel De Nice
มีห้องพัก No. 5201-5522
5 . อาคาร Hotel De Strasbourg
มีห้องพัก No. 7101-7408
6 . อาคาร Hotel De Bordeaux
มีห้องพัก No. 6101-6517
7 . อาคาร Hotel De Marseille
มีห้องพัก No. 8101-8606ซึ่งอิ้มพักใน
Room type Deluxe King
อยู่ในอาคาร Hotel De Paris อาคารหลัก
เวลาเช็กอินจะอยู่ที่ 14.00 น
และเช็กเอาท์ 10.00 น
ตรงล็อบบี้อิ้มไม่ได้ถ่ายภาพบรรยากาศให้ชมนะคะ
เพราะว่าวุ่นวายและคนเยอะมาก
ข้อข้ามมาชมห้องพักเลยแล้วกัน
ภายในห้องพักค่ะ ราคาสี่พันเก้า แรงอยู่ ><แต่ห้องที่อิ้มพักก็ยังดี
มีหน้าต่างมองเห็นวิวสวยๆ
ส่วนตัวอิ้มเห็นที่นี่มีห้องพักสวยๆ
เยอะมากเลยนะ
แต่ห้องเหล่านั้นไม่ขึ้นในอโกด้า และ บุคกิ้ง
อิ้มว่าถ้าอยากได้ห้องสวยๆ
แนะนำจองตรงกับโรงแรม
น่าจะได้ Type ที่ถูกใจกว่า
และจองล่วงหน้ายาวๆ ราคาจะถูกกว่านี้ค่ะพอประมาณ 5 โมงเย็น
ผู้คนที่มาเที่ยว day trip หมด ดิฉันก็ไม่รอช้า
เปลี่ยนเสื้อผ้า อาภรณ์ เครื่องนุ่มห่ม
แล้วนั่งกระเช้าลงไป
Golden Bridge สะพานลอยฟ้า ในอุ้งมือยักษ์สำหรับนักท่องเที่ยวเดย์ทริป
จะขึ้นมาได้ตั้งแต่ 08.00 น. – 17.00 น.
หากอยากจะลงมาถ่ายสะพานมือ
อิ้มแนะนำลงมาช่วงเย็นก่อนหนึ่งรอบช่วงเย็นภาพที่ได้จะฟิลหนาวๆ มีหมอกรายล้อม มาที่นี่บอกเลยชุดต้องพร้อม พร้อบต้องแน่น ไม่งั้นเดี๋ยวเพื่อนไม่เชื่อว่าอยู่เมืองนอก >< ที่เห็นแบบนี้ พออีกสักแป๊ป หมอกมาเต็ม
มองไม่เห็นอะไรเลยจ้าหลังจากเก็ยสะพานมือได้เล็กน้อย
เราก็ขึ้นมาถ่ายภาพต่อด้านบน
แต่ละมุมคือสวยไม่ไหวเจ้าหญิงท่านนึง >< ฟิลไลค์ ฟิลใจ ฝรั่งเศสมากเวอร์ ชอบทุกมุม ถ่ายภาพเพลินมากกก สำหรับมื้อค่ำ
อิ้มทานบุฟเฟ่ต์ห้องอาหารโรงแรมเมอเคียว
La Crique & Café Postal
เป็นบุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติ
มีอาหารทะเล เนื้อย่าง
อาหารเวียดนาม ขนม ต่างๆ
ทานตั้งแต่ 6 โมงยัน 3 ทุ่มไปเลย ยาวไป
ราคาตกคนละ 800 บาท (499,900 ดง )
อิ้มไม่ได้ถ่ายไลน์มาเพราะคนเยอะ
แต่มีภาพในคลิป Vlog
ส่วนตัวว่าอาหารไม่ได้หลากหลายขนาดนั้น
รสชาติกลางๆ พอทานได้ ไม่ได้หวือหวา
ทานเสร็จก็แทบคลานขึ้นเตียง
อาจเพราะเหนื่อยกับการเดินทางสรุปค่าใช้จ่าย
วันแรก
ค่าที่พัก
Mercure Bana Hills Franch Village
4,900 บาท (3,100,000 ดง )
ค่าซิมโทรศัพท์ 2 ซิม 600 บาท (377,848 ดง )
ค่าเฝอ 650 บาท (420,000 ดง )
ค่าอาหารเย็นบุฟเฟ่ต์ 1,600 บาท (999,800 ดง )
ค่าทริปน้องวิน 5,500 บาท
(3,463,607ดง )
รวม 13,250 บาท (8,361,255 ดง)วันที่ 2 อิ้มตื่นเช้า เที่ยวบนบานาฮิลอีกหน่อย
แวะไปเที่ยวคาเฟ่
LÒ GẠCH CŨ Farmstay
ความปังคือ เจ้าของเป็นคนไทยชื่อพี่บุญเลิศ
พี่เค้าน่ารัก ใจดีมาก แนะนำให้แวะมาเช็คอิน
จากนั้นไปเมืองเก่าฮอยอัน เมืองมรดกโลก
เป็นสถาปัตยกรรมผสมผสาน
ระหว่างจีน ญี่ปุ่น และเวียดนาม
ที่สวยงามสุดคลาสสิกช่วงเย็นลองเรือ
และลอยกระทงที่แม่น้ำ Thu Bon
และเข้าพักที่ Lion King Hotel
โรงแรมราคาดีงาม เจ้าของน่ารัก
ที่สำคัญอยู่ใกล้เมืองเก่ามาก
ใช้เวลาเดินเพียง 5 นาทีเท่านั้น
เริ่มวันที่สองด้วยการตื่นเช้ามาก
เวลาอยู่บ้านหรือไปทำงาน
ตื่นเวลานี้ไม่ได้เลยนะ 55555
ภาพที่ทุกคนเห็นคือ 6 โมงเช้าจร้า
นั่นหมายความว่า
ดิฉันต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 ค่ะ คุณกิตติข๋า
สายตาอาจจะปรือๆ หน่อย ><นี่สินะ บรรยากาศที่เจ้าหญิงในนิยาย
ได้เห็นในทุกๆ เช้าจากด้านบนนี้เราจะมองเห็นเมืองดานัง
ทะเลดานัง ทั้งหมดอยู่ในสายหมอก
สวยงามมาก เป็นรางวัลของคนตื่นเช้าจริงๆตาหลับ หรือ หลับตา ให้ทาย 55555 อ่ะ ที่ดิฉันตื่นเช้าขนาดนี้ก็มีเป้าหมายในชีวิตนะคะ
อิ้มตั้งใจว่าจะตื่นมา Golden Bridge
ชมบรรยากาศในช่วงเช้า
ซึ่ง !!!! ช่วงที่อิ้มมานั้น เค้ามี Golden Time
เป็นรางวัลสำหรับคนที่พักด้านบน
และนกที่ตื่นเช้า อุ้ยไม่ใช้ และคนที่ตื่นเช้า
Golden Time ที่ว่านี้ก็คือ
เค้าจะเปิด cable car รอบพิเศษ
เริ่มตั้งแต่ 06.00 น. และ 06.30 น.
รอบสุดท้าย 07.30 น.
ตื่นทันเวลาไหนก็เลือกเอาเลยค่ะหญิง
ก่อนจะเปิดอีกรอบให้แขกเดย์ทริปขึ้นมา
คือ 08.00 น. ไปจนถึง 17.00 น.
ส่วนดิฉัน มาไม่ทันรอบ 06.00 น.
เลยได้ขึ้นรอบ 06.30 น.
และภาพที่ได้ยามเช้า คือแบบนี้เลย
ไม่มีคนจ้า สวยมากกก
แต่แสงก็เริ่มแรงแล้วนะ 5555เป็น Golden Bridge ที่ต้องการ
ไม่มีคน เหมือนหลุดมาจาก Pinterestพร้อมแล้วเริ่มมม
โพสต์ไป 5,683 ล้าน รัวชัตเตอร์ไปค่ะที่ต้องรัวไม่ใช่อะไรนะ
คนเริ่มมากันอีกแล้ว 5555เอาจริงๆ เวลามาตอนที่ไม่มีคน
บรรยากาศยิ่งสวยยิ่งปังกว่าเดิม
แล้ววิวคือแบบจึ้งมากกกแฮปปี้สุดๆ ค่ะ จากนันก็มาเก็บภาพบรรยากาศ
ด้านบนกันต่อเค้าสร้างได้อลังการจริงๆ
อยากให้บ้านเรามีอะไรแบบนี้บ้างตรงนี้จะมีโบสถ์ Saint Danis
จําลองแบบมาจากโบสถ์ Notre-Dame ที่ปารีสเป็นมุมถ่ายภาพที่สวยงาม
ต้องมาแชะภาพเช็คอินที่นี่สร้างโดย
กลุ่มทุนอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่
ของเวียดนามอย่าง Sunworld
และเค้าไม่ได้สร้างแค่นี้นะ ยังมี cable car
ที่ฟานซิปัน เกาะฟู้โกว๊ก
เค้าทำได้ดี ทำได้อลังการ
และอีกสามสี่ปีข้างหน้า
บานาฮิลล์จะใหญ่โตกว่าเดิม
จะมีทั้งโรงแรมขึ้นอีก 4 ที่ ร้านอาหาร
รวมถึงคาสิโน จะปังไปถึงไหนก๊อนนนและเรื่องมุมถ่ายภาพบอกเลยว่าที่สุด ตามตรอก ซอก ซอย
เข้าไปถ่ายได้หมดเลยนะเราอาจจะเจอมุมสวยๆ เกร๋ๆ ซ่อนอยู่ ตรงนี้เป็นมุมใหม่ค่ะ อลังมากกกกกกกกกกกกก เดินเล่นเสร็จก็มาทานมื้อเช้า
อาหารเช้าจะทานได้แค่ถึง 09.30 น.
ต้องทำเวลากันหน่อยนะอิ้มมาทานตอนประมาณ 09.00 น.
เค้าจะมีไลน์บุฟเฟ่ต์ไว้ให้บริการ
อาหารมีไม่มาก พอทานได้ค่ะใดๆ คือกิมจิ กิมใจ อร่อยมาก หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ
ก็ต้องรีบไปเก็บกระเป๋า
เพราะเค้าจะให้เราเช็คเอาท์ตอน 10.00 น.
รีบตาลีตาเหลือกมาก
ใครพอมีเวลาพัก 2 คืนน่าจะฟิน
แต่ถ้าเราเช็คเอาท์เสร็จอยากเที่ยวต่อ
ก็สามารถฝากกระเป๋าไว้ที่ล็อบบี้ได้เลย
เค้ามีห้องเก็บกระเป๋าสำหรับลูกค้าโดยเฉพาะต่อมาอิ้มจะพาไป Fantasy Park
เริ่มที่ Alpine Coaster
เป็นรถไฟเหาะแบบเล็กๆ
เค้าเสริมรางเพิ่มด้วยนะ
แต่อิ้มเห็นคนต่อแถวยาว ขอตัวไม่เล่นดีกว่า 555ตรงนู้นนนนคือรางใหม่ จากนั้นก็ได้เวลาเข้ามาตะลุย Fantasy Park
สวนสนุกในร่ม ซื้อเราสามารถเล่นเครื่องเล่นได้ฟรี
จะมีที่ไม่ฟรี ก็คือ พวกตู้เกมส์หยอดต่างๆ
อิ้มว่าจองห้องมานี่คุ้มราคามากพูดเลยรถบั๊มก็อยากเล่น แต่คิวคือแบบบ อ้าว บัมเบิ้ลบี ก็มาเที่ยวบานาฮิลล์ด้วย >< มีพวกเครื่องเล่น 4D และ 5D ด้วยนะ
เวลาเล่นก็มีการใส่แว่นตา
อันนี้อิ้มเล่นห้อง 4D ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มนะเล่นได้สักพักก็ออกมาชิลด้านนอกต่อ
มีไอศกรีมขายด้วย
อันนี้จำราคาไม่ได้จร้าแล้วด้านบนนี้เค้าสตาร์บัคด้วยนะ สั่งเครื่องดื่มมาทานพร้อมบรรยากาศแบบนี้ง
เพิ่มความฟินไปอีกเท่าตัวจากนั้นอิ้มก็เดินทางกลับ
นั่ง cable car ลงมาด้านล่าง
แล้วก็โทรให้น้องวินมารับที่โรงแรม
คือสะดวกสบายมาก
น้องวินแนะนำให้ไปเที่ยวคาเฟ่
LÒ GẠCH CŨ Farmstay
ความปังคือ เจ้าของเป็นคนไทยชื่อพี่บุญเลิศ
พี่เค้าน่ารัก ใจดีมาก แนะนำให้แวะมาเช็คอินที่นี่นอกจากจะเป็นคาเฟ่แล้ว
ยังเป็นฟาร์มสเตย์สุดน่ารักอีกด้วยไฮไลท์ของร้านนี้ก็คือ เตาเผาเก่า
ที่ถูกทิ้งร้างอยู่บนทุ่งนา
จนพี่บุญเลิศเห็นแล้วรู้สึกชอบ
จริงๆ เค้ามีเรื่องเล่าด้วยนะ แต่ดีเทลอิ้มจำไม่ได้
เอาจริงๆ กลัวเล่าไม่เหมือน
แล้วเนื้อเรื่องจะผิดเพี้ยนไป
เอาเป็นว่าหากจะมาเที่ยวเมืองเก่าฮอยอัน
ต้องลองแวะมา เพราะอยู่ห่างกันไม่ถึง 5 กิโลเครื่องดื่มที่นี่
เค้าไม่ได้มีกาแฟ เครื่องดื่มเหมือนที่อื่นๆ
พี่เค้าเน้นเมนูสุขภาพ ออแกนิก เช่น
นมข้าวมันม่วง น้ําปั่นข้าวมันม่วง
ชาโคล ชาข้าวสีม่วง ข้าว มะม่วงชาโคล
และอาหารและเครื่องดื่มอีกมากมาย
จากฟาร์มถึงโต๊ะอาหาร
ซึ่งในส่วนของวัตถุดิบ
พี่บุญเลิศจะใช้ของในฟาร์มทั้งหมด
อย่างข้าวก็จะปลูกเอง ไร้สารพิษ
ดีต่อคนทาน
อ้อ และยังสามารถซื้อไปเป็นของฝากได้ด้วย
แล้วอนาคต พี่บุญเลิศจะค่อยๆ พัฒนาที่นี่
ให้กลายเป็น farm stay อย่างจริงจัง
จะมีห้องพัก และให้ความรู้
เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ออแกนิกต่างๆ
ใครสนใจด้านนี้แวะมาที่นี่ได้นะคะได้ดื่มเครื่องดื่มดีๆ ท่ามกลางวิวแบบนี้คือฟิน ทานเสร็จก็สามารถลงมาถ่ายภาพสวยๆ ได้อีก เตาเผาเก่า นี่มีความคลาสสิกจริงๆ ถ่ายมุมย้อนกลับไปที่ร้านก็สวยเช่นกัน
แวะมาถ่ายภาพเช็กอินกันนะคะเสร็จจากคาเฟ่ เราก็มุ่งหน้าสู่ฮอยอัน
ซึ่งคืนนี้เราจะนอนที่นี่ 1 คืน
ที่โรงแรม Lion King Hotel
อิ้มจองมา ห้อง Deluxe King Pool View
ราคาคืนละ 1,500 บาท (899999 ดง)โรงแรมนี้ขนาดกำลังดี
มีความบูทิกนิดๆสระส่วนกลางสวย น่าเล่นมากค่ะ ส่วนห้องที่อิ้มจองมา คือห้องนี้
ห้องไม่ได้กว้างมาก แต่ถ้าเทียบกับราคา
ถือว่าโอเคมากเลยค่ะมีมุมทีวี มุมนั่งเล่น ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง ติดตรงห้องน้ำนี่แหละค่ะ
ที่ประตูมีบานเดียว สลับฝั่งกันผิด 55555และที่ชอบโรงแรมนี้มากๆ
เพราะอยู่ใกล้เมืองเก่าฮอยอัน
เดินมาเพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้นฮอยอัน (Hoian)
เป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยว
ย่านเมืองเก่าฮอยอัน สวยงามมากกก
เป็นสถาปัตยกรรมผสมผสาน
ระหว่างจีน ญี่ปุ่น และเวียดนาม
มีบ้านไม้ทรงเตี้ยเรียงเป็นแถวสองฝั่งทาง
มีร้านค้า และ ร้านกาแฟ เก๋ๆ ให้นั่งชิล
เพราะชื่อเสียงของเมืองมรดกโลก
ที่ยังคงมีลมหายใจทำให้ที่นี่ยังคง
เสน่ห์ของตึกเก่าสีเหลืองสวยสไตล์โคโลเนียล
ที่อนุรักษ์เอาไว้ให้คงเอกลักษณ์ดังเช่นอดีต
เราสามารถชมวิถีชีวิตที่เรียบง่าย
และสวยงามของชาวเมืองฮอยอันเนื่องจากฮอยอันเป็นเมืองเล็กๆ
มีถนนสายหลักเพียงไม่กี่เส้น
จะเลือกเดินเท้าเข้าชมเมือง
เช่าจักรยาน หรือใช้บริการของสามล้อถีบก็ได้เช่นกัน
ใช้เวลาเพียงวันเดียวก็เที่ยวครบแล้วค่ะเสน่ห์ของเมืองเก่าฮอยอัน
เราสามารถมาเที่ยวได้ทั้งวัน
แต่ช่วงกลางวันจะร้อนหน่อย
อาจจะมาช่วงเช้า หรือจะเป็นช่วงเย็น
ที่คนจะนิยมมาเที่ยวกันมาก
เพราะช่วงเย็นที่นี่สวยมากกทีเดียว
บรรยากาศคลาสสิกในถนนเส้นนี้ จะมีร้านค้ามากมาย
ร้านเสื้อผ้า ขายของที่ระลึก ของชำ
ร้านอาหาร รวมไปถึงคาเฟ่พวกสตรีทฟู้ดก็หลากหลายค่ะ อีกไฮไลท์นึงที่ห้ามพลาด นั่นก็คือ
สะพานญี่ปุ่น (Japanese Covered Bridge)
สัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเมืองฮอยอัน
ที่นี่ได้รับการก่อสร้างโดยชุมชนชาวญี่ปุ่น
เมื่อ 400 กว่าปีที่แล้ว
รูปทรงโค้งของสะพานหลังคามุงกระเบื้องสีเขียว
และเหลืองเป็นคลื่น
ตรงกลางสะพานมีเจดีย์ทรงจัตุรัส
ที่สร้างอุทิศให้แก่ดั๊กเดและตรันหวู
ก่อนเดินข้ามสะพานด้านซ้ายมือ
จะมีรูปปั้นสุนัขกำลังนั่ง
และเมื่อข้ามไปแล้วก็จะเจอกับลิงอีกตัว
นับเป็นสิ่งที่ช่างสมัยก่อน
แสดงให้เห็นถึงระยะเวลาในการก่อสร้าง
สะพานแห่งนี้
เมื่อข้ามสะพานมายังอีกฟากหนึ่งของเมือง
คุณจะพบเห็นบ้านเรือนเก่าสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ
ตลอดจนร้านสไตล์อาร์ตแกลอรี่
ริมถนนคนเดินสองฟากฝั่งถนน
แต่วันที่อิ้มไปคนเยอะมาก
เลยได้แค่ยืนมองมุมนี้และกิจกรรมที่ต้องห้ามพลาด นั่นก็คือ
การล่องเรือในแม่น้ำทูโบน
และลอยกระทงกระดาษ
ถ้าเราจะนั่งเรือก็สามารถติดต่อได้เลย
จะมีมุมขายตั๋ว ถ้าจะให้ดี อย่าให้ราคาเกิน 120,000 ดง
อิ้มโดนไป 150,000 ดงจร้าาา
โดนโกงไปประมาณ 45-50 บาท 55555อิ้มซื้อตั๋วเก็บไว้แต่ยังไม่ได้ไปล่อง
รอให้แสงลงกว่านี้ค่อยนั่งเรือรอหว่างรอก็มาภ่ายภาพรอบๆ
ส่วนตัวอิ้มว่าที่ฮอยอัน อากาศร้อนนะ
ขนาดตอนเย็นยังร้อนมากเลย
ไม่ต้องเตรียมเสื้อหนาวมาน๊าจะเห็นได้ว่า ฮอยอัน คึกคัก ขึ้นมาก
มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาอย่างไม่ขาดสายความคลาสสิกที่นี่คงทำให้หลายๆ คนหลงรัก
รวมถึงตัวอิ้มด้วยเช่นกันและแล้วก็ได้เวลาลงเรือค่ะ
จะบอกว่าฟิลลิ่งตอนที่นั่งเรือคือดีมากเลยนะ
ลืมเรื่องโดนโกง 45 บาทไปเลย 55555แต่ความพีคยังไม่จบสิ้นนะ
ลุงคนพายเรือ เค้าถามเราว่าจะลอยกระทงไหม
2 กระทง เค้าคิด 50,000 ดง
เราก็แบบ มาแล้วต้องลอยอ่ะ
แล้วลุงเค้าดูใจดี เราก็เลยจัดดดด
ลอยกระทงในแบบเวียดนาม
ลอยกันทุกวัน แต่จะคึกคักมาก
ในทุกคืนที่พระจันทร์เต็มดวง
การลอยกระทงก็จะมีสองอย่าง
สามารถลงไปนั่งเรือแล้วลอยกระทง
หรือจะลอยจากฝั่งก็ได้
ด้านบนฝั่งการขายกระทงก็จะฮาร์ดเซลหนักมาก
ราคาเริ่มต้นถึงกับสะดุ้ง
แนะนำว่าควรต่อให้ถึงที่สุด
และราคาห้ามเกิน 30000 ดง
แต่ถ้าล่องเรือในความเป็นจริงแบบอิ้ม
เค้าจะแถมกระทงให้
เราไม่ต้องไปจ่ายให้คนขับเรือแล้วนะ
สรุปว่า อิ้มโดนไปอีก 50000 ดงสนนราคาไทย 75 บาท
เท่ากับโดนโกงไปแล้ว 120 บาท
ตอนนี้ใบหน้าสวยๆ
คือยังไม่รู้นะว่าโดนโกงค่ากระทง 5555มารู้ตัวอีกทีก็คือขึ้นฝั่งแล้ว
และโทรคุยกับน้องวิน
ว่าเราจ่ายราคาไปเท่านี้ๆ โอเคไหม
น้องบอก ไม่โอเคเลยพี่อิ้ม 55555ไม่มีอะไรจะพูด เอาจริงๆ ไม่ได้เสียดายเงินนะ
เพราะจำนวนคือน้อยนิดมาก
แต่มันเสียความรู้สึกมากกว่าแต่บรรยากาศอันสวยงาม
ก็ทำให้เราอารมณ์ดีขึ้น
โดยรอบคือสวยมากกกกเสร็จแล้วก็เดินมาฝั่งตรงข้าม
เดินชมโคมไฟสวยๆแล้วอย่าลืมมาถ่ายภาพกับโคมไฟนะคะ
สมัยก่อนเค้าไม่ได้คิดเงิน
แต่เนื่องจากนักท่องเที่ยวไปถ่ายภาพ
กับโคมของแต่ละร้านเป็นจำนวนมาก
แล้วไม่ได้อุดหนุน ทางร้านจึงเริ่มคิดเป็นค่าถ่ายภาพ
อยู่ที่คนละ 10000 ดง
หรือราวๆ 15 บาทไทยเท่านั้นส่วนตัวอิ้มว่าคุ้มนะ ได้ภาพสวยๆ เพียบ นี่ถ่ายไปถ่ายมา วนไปสามร้าน
จ่ายค่าถ่ายภาพไป ร้านละ 10,000 ดง
3 ร้าน 30,000 ดง ประมาณ 45 บาทไทยแต่ถ้าใครอยากซื้อโคมเป็นของฝากอยู่แล้ว
ลองบอกเค้าก็ได้นะคะ
เผื่อเค้าไม่คิดค่าถ่ายภาพ 😀บริเวณนี้ก็มีสตรีทฟู้ดให้ทานอีกเพียบเลย ปิดท้ายค่ำคืนด้วยมื้อเย็น
อิ้มเลือกทานร้านนี้ อยู่ฝั่งเดียวกับ สะพานญี่ปุ่นร้านจะคล้ายๆ อาหารไทย
มีต้มจืด ผัดผักต่างๆ ฟิลไลค์อาหารไทยต้มจืดอร่อย ผักผักบุ้งดีงาม มื้อนี้หมดไป 750 บาท
เห็นจะได้ค่ะ ราคาแรงงงงวันที่สอง
ค่าสตาร์บัค 316 บาท (200000 ดง)
ค่าคาเฟ่ที่บุญเลิศ
160 บาท (100,000 ดง)
ค่าที่พักฮอยอัน
The Lion King 1,500 บาท (899999 ดง)
ค่าอาหารเย็น 800 บาท (500,000 ดง)
ค่าถ่ายภาพโคม 3 ร้าน
50 บาท (30000 ดง)
ค่านั่งเรือกระด้ง + กระทง 320 บาท (200000 ดง)
รวม 3,146 บาท (1,929,999 ดง)เช้าวันที่ 3 อิ้มพยายามตื่นเช้า
แต่ก็ไม่เช้า กว่าจะออกมาอีกทีก็ 07.30 น.
ฟ้าสว่างแล้วจ้าแม่ 55555
โชคดีที่ ที่พักเราอยู่ใกล้เดินแป๊ปเดียวก็ถึงเดินมาถึง จุดแรกเราจะแวะที่
The Ba Mu Temple Gate
บริเวณกำแพงวัดย่านเมืองเก่าฮอยอัน
เรื่องประวัติอิ้มไม่ทราบแน่ชัด
แต่ส่วนตัวมองแล้วดูสวยและมีความคลาสสิกมากใครจะมาถ่ายภาพแนะนำช่วงเช้าหรือเย็น
ช่วงเช้า ย้อนแสง แต่คนน้อย
ช่วงเย็นไม่ย้อนแสง แต่คนเป็นแสน ><อิ้มว่าสุดท้ายช่วงเช้าคือดีสุดค่ะ 5555 เสร็จแล้วก็เดินเข้ามาในย่านเมืองเก่ากัน
จะบอกว่าเที่ยวตอนเช้า กลางวัน และเย็น
บรรยากาศจะคนละฟิลเลย
อย่างช่วงเช้านี้ จะเงียบสงบ
ถ่ายภาพได้สะดวกหน่อยค่ะมาเริ่มเข้าคาเฟ่กันค่ะ
ร้านแรก Faifo Coffeeร้านนี้จะมีมุมถ่ายภาพสวยๆ
ตั้งแต่ชั้นล่างเลยค่ะมาถึงแล้วให้เราสั่งออเดอร์ข้างล่างก่อน
ส่วนที่นั่งจะมีตั้งแต่ชั้น 1 ชั้น 2 และชั้น 3อิ้มเลือกมานั่งชั้น 2 ก่อนค่ะ
ภายในร้านจะไม่มีแอร์นะ
กลางวันมีความร้อนอบอ้าว
แต่เค้าก็มีพัดลมให้อยู่ค่ะ
ต้องนั่งมุมที่พัดลมเป่าถึงส่วนเครื่องดื่ม ที่นี่จะนิยมทานกาแฟมะพร้าว และกาแฟใส่ไข่ รสชาติกาแฟที่นี่จะออกหวาน
ใครทานหวานน้อยแจ้งเค้าได้นะคะทานเสร็จแล้วก็ขึ้นไปถ่ายภาพสวยๆ
บนดาดฟ้าด้านบน
วิวเค้าสวยอลังการ
มองเห็นเมืองเก่าแบบสุดลูกหูลูกตาแต่การจะมาถ่ายภาพด้านบน
จะต้องต่อคิว ถ้ามาเกิน 8 โมงจะร้อนมาก
อิ้มแนะนำให้มาเช้าๆ คนจะน้อย แสงจะสวย
ร้านนี้เปิดตั้งแต่ 7 โมงเลยค่ะจริงๆ มุมที่ฮิตคือมุมนี้น๊าาา แนะนำชุดสีขาวก็จะสวยละมุน สนนราคาร้านแรก อยู่ที่ 160 บาท
ประมาณ 100,000 ดงค่ะมาต่อกันกับร้านที่ 2 ค่ะ
92 station restaurant & cafeร้านนี้ต้องสั่งเครื่องดื่มด้านล่างเช่นกัน
ในร้านไม่มีแอร์
ที่นั่งจะมีตั้งแต่ชั้น 1,2 และ 3
ส่วนตัวอิ้มชอบมุมชั้นที่ 3 มุมนี้ค่ะมุมนี้สวยมากกก ชอบสุด ร้านนี้ก็มี rooftop นะ
เห็นวิวเมืองเช่นกันเหมือนคาเฟ่ย่านนี้เค้ามี rooftop
ขายวิวเมืองแบบนี้กันหมดเลย
ร้านนี้ค่ากาแฟอยู่ที่ 170 บาท
ประมาณ 105,000 ดงก่อนจะไปร้านที่ 3 ก็แวะถ่ายภาพไปเรื่อยๆ
บ้านเรือนแต่ละหลังของเค้าช่างดูคลาสสิกใครชอบปั่นจักรยานก็สามารถเช่าขับได่นะคะ ร้านที่ 3 จะเป็น
Tamy Coffee – The Rooftop Hoian
ร้านนี้จะเป็นตึก 3 ชั้น ตกแต้งไสตล์เมืองเก่า
มีมุมให้ถ่ายภาพเยอะ
อย่างที่ชั้น 2 มีมุมโคมไฟสวยๆ ให้ถ่ายภาพด้วยค่ะเนื่องจากเราทานกาแฟไปสองร้าน
ร่างกายเริ่มไม่สู้ 5555
ร้านนี้เลยลองชาเขียวด้านบนจะมี rooftop bar เช่นกัน
มีมุมน่ารักๆ กว่าร้านอื่นอิ้มชอบมุมนี้ อาจจะได้เห็นวิวเมืองไม่มากนัก
แต่เป็น signature ไม่ซ้ำร้านอื่น
ค่าใช้จ่ายร้านนี้ 215 บาท 134,000 ดงค่ะเสร็จแล้วก็แว้บมาชมสะพานญี่ปุ่น
ในช่วงกลางวันบ้างคนจะไม่เยอะมากค่ะ
แต่บอกเลยว่าร้อนมาก ><เสร็จจากฮอยอันแล้ว
เราก็ให้น้องวินมารับจากที่พัก
แล้วเดินทางเที่ยวต่อในตัวเมืองดานัง
ถ้าเป็นคนอื่น อาจจะไปนั่งเรือกระด้ง
แต่อิ้มเคยไปแล้วเลยก็ผ่านกิจกรรมนั้น
เลือกมาเที่ยวที่ดานังแทน
เริ่มกันที่คาเฟ่ CONG
ร้านกาแฟชื่อดังของเวียดนาม ที่มีสาขาทั่วประเทศเห็นสีเขียวมาแต่ไกล
ก็คงพอจะเดาได้แล้ว
ว่าร้านจะเป็นสไตล์ทหารเวียดนาม
บรรยากาศมีความวินเทจ คลาสสิก
พนักงานทุกคนก็จะแต่งกาย
คล้ายเครื่องแบบทหารในสมัยก่อน
ตามชื่อร้าน Cong Caphe
ที่แปลว่าทหารคอมมิวนิสต์เมนูแนะนำของที่นี่ก็คือ กาแฟมะพร้าว
ส่วนตัวอิ้มว่าก็ละมุนดี แต่ติดหวานค่ะต่อมาจะเป็นโบสถ์คริสต์ ดานัง
(Da Nang Cathedral)
โบสถ์คริสต์สชมพู หรือ โบสถ์ลูกไก่
โบสถ์สีชมพูสดใสตั้งอยู่ใจกลางเมืองดานัง
โบสถ์นี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2466
สมัยที่ตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส
เป็นจุดเริ่มต้นของศาสนาคริสต์
ในประเทศเวียดนาม
เริ่มจากมิชชันนารีตะวันตกพวกแรก
ได้เดินทางเข้ามาในอ่าวตังเกี๋ย
ทางภาคเหนือของเวียดนามในปี พ.ศ. 2076
และเผยแผ่ศาสนาจุดเด่นของโบสถ์ดานังแห่งนี้คือ
ตึกสไตล์กอธิคสีชมพู ที่
สร้างขึ้นให้เหมาะสม
กับสภาพภูมิอากาศของเมืองดานัง
ภายนอกตกแต่งอย่างสวยงาม
ด้วยลวดลายอันประณีต
ถัดเข้าไปด้านในเป็นห้องโถงอันกว้างขวาง
ตกแต่งด้วยกระจกสีสันสวยงาม
นับเป็นศูนย์รวมของชาวคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกอิ้มชอบสีสันของโบสถ์นี้มากดูแล้วละมุน เสร็จแล้วก็มาต่อที่ APEC Park
สวนเอเปค สถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่
ครอบคลุมพื้นที่ 8,668 ตร.ม.
ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำฮัน เมืองดานัง เ
บริเวณสวนมีสนามหญ้าขนาดใหญ่
ทางเดินปูด้วยหิน สวนหย่อมและยังสามารถมองเห็นแม่น้ำฮัน
มีพื้นที่พักผ่อนมากมาย ร้านขายของที่ระลึก
ร้านอาหาร ร้านกาแฟ
รวมถึงศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวเค้าทำได้อลังการมากอีกแล้วว ไฮไลท์ของสวน APEC แห่งนี้คือ
โดมขนาดยักษ์ที่สร้างจากเหล็ก 200 ตัน
มีลักษณะเหมือน “ว่าวยักษ์”อยากให้บ้านเรามีที่เที่ยวสวยๆ แบบนี้บ้าง
ฟิลสวนสาธารณะสวยๆ ดีไซน์ดีๆ
เปิดให้เข้าชมฟรีApec Park จะอยู่ติดกับแม่น้ำฮาน
เดินข้ามถนนมาได้เลยค่ะจากจุดนี้ จะมองเห็นสะพานมังกร
( Dragon Bridge )
แต่จะเป็นในส่วนหางนะคะสะพานมังกร (Dragon Bridge)
คือ สะพานข้ามแม่น้ำฮาน (Han River)
เมืองดานัง เป็นแลนด์มาร์กที่สุดปัง ต้องมาเช็คอินจุดเด่นของสะพานมังกร คือ
มังกรสีทองตัวยัก
ษ์ที่เป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรือง
ในทุกๆ คืนวันเสาร์และอาทิตย์
จะมีการแสดงมังกรจะพ่นไฟและน้ำและเมื่อมาดานังแล้วก็ต้องห้ามพลาด
ไปชมวิว ชิลทะเล
ซึ่งเค้าจะมีหาดหมีเคว
เป็นหาดที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองดานัง
เนื่องจากมีหาดทรายขาวทอดยาว
และน้ำทะเลสวยใส
แล้วเค้ามีเรือกระด้ง มาวางอยู่ริมทะเลแบบนี้ด้วย
ยิ่งดูน่ารัก ผ่อนคลาย
ท้องทะเลที่เงียบสงบประกอบกับสายลมอ่อนๆ
ดีต่อใจจริงๆ ค่ะทะเลดานังก็สวยงามไม่ใช่เล่นเลย ก็มีซุ้มปิกนิกต่างๆ ให้นั่ง
ฟิลคล้ายๆ พัทยาบ้านเราแต่เก้าอี้ ร่ม สีจะสวยกว่า
และอิ้มมองว่าสะอาดสะอ้านด้วยค่ะแล้วเราก็มาแวะอีกหนึ่งคาเฟ่
Sơn Trà Marina
ภายในเค้าจะตกแต่งสไตล์ Santorini
เวลาอากาศดีๆ ฟ้าสวยๆ ฟิลคือใช่
Vibes ดีมากกกสีฟ้าขาวอยู่ริมทะเลแบบนี้คือละมุน ด้านในก็น่ารัก มีมุมที่นั่งหลากหลาย
แต่ร้านจะไม่ติดแอร์นะคะเราไม่อยากดื่มกาแฟ เลยสั่งน้ำผลไม้มาทาน 2 แก้วนี้ 210 บาท 130,000 ดง
ราคาแรงงงง >,<
แต่อิ้มว่าถ้าได้วิวแบบนี้ก็โอเคค่ะต่อมาเราจะไป วัดหลินอึ๋ง (Linh Ứng)
อยู่บนเกาะเซินตร่า (Son Tra)
ทางเหนือของเมืองดานัง
เป็นวัดใหญ่ที่สุดของที่นี่วัดนี้จะมีรูปปั้นปูนขาว
ของเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่
สวยงาม สร้างด้วยหินอ่อนสูง 67 เมตร
ขนาดคือสูงที่สุดในเวียดนาม
ยืนหันหลังให้ภูเขา หันหน้าออกสู่ทะเล
เชื่อกันว่าจะปกปักรักษาผู้คนที่ดานัง
ให้พ้นภัยภิบัติจากท้องทะเลสถานที่จริงอลังการมาก
ใครมาดานังต้องแวะมาสักการะเจ้าแม่กวนอิม
ที่วัด Linh Ung นะคะมาต่อกันที่ Ca Chep Hoa Rong
คาร์ฟดราก้อน เจ้าสัตว์ตัวเป็นปลาหัวเป็นมังกรนี้
เรียกว่าเป็นอนุเสาวรีย์
ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองของดานัง
บางวันเค้าก็จะมีการแสดงพ่นน้ำด้วยนะคะจากจุดนี้เราสามารถมองเห็นสะพานมังกร
แม่น้ำฮาน และ คาร์ฟ ดราก้อน เรียกว่ามาที่เดียว
เก็บได้พร้อมกัน 3 แลนด์มาร์กและยังไม่หมดนะคะ
ตรงนี้ยังมี สะพานแห่งความรัก ดานัง
(Love Bridge Da Nang)หนุ่มสาวคู่รักที่จะมาซื้อกุญแจใสคล้องใส่สะพาน ตรงนี้เค้าจะประดับตกแต่งด้วยเสารูปหัวใจ
และจากสะพานแห่งนี้ทางด้านหลัง
ก็สามารถมองเห็นวิวของสะพานมังกรแบบเต็มๆ
นักท่องเที่ยวสามารถมาเดินเล่น
ถ่ายรูปถนนเลียบแม่น้ำ
ที่ประดับประดาสวยงาม
ด้วยดวงไฟรูปหัวใจตลอดช่วงค่ำ
เสร็จแล้วเราก็เตรียมตัวเดินทางกลับไปที่สนามบิน
ค่าใช้จ่ายวันที่สาม
หมวกเวียดนาม 65 บาท (40,000 ดง)
Faifo Coffee 160 บาท (100,000 ดง)
ร้าน 92 Coffee 170 บาท (105,000 ดง)
Tammy Coffee 215 บาท
(134,000 ดง)
เฝอร้านเดิม 685 บาท (430,000 ดง)
Cong coffee 145 บาท (90,000 ดง)
คาเฟ่ ริมทะเล 210 บาท (130,000 ดง)
น้ำเปล่า 25 บาท (15,000 ดง)
คาเฟ่สนามบิน 200 บาท (120,000 ดง)
ข้าวสนามบิน 333 บาท (210,000 ดง)
รวม 2,208 บาท (1,374,000 ดง)สรุปค่าใช้จ่าย
วันแรก
ค่าที่พัก
Mercure Bana Hills Franch Village
4,900 บาท (3,100,000 ดง )
ค่าซิมโทรศัพท์ 2 ซิม 600 บาท (377,848 ดง )
ค่าเฝอ 650 บาท (420,000 ดง )
ค่าอาหารเย็นบุฟเฟ่ต์ 1,600 บาท (999,800 ดง )
ค่าทริปน้องวิน 5,500 บาท
(3,463,607ดง )
รวม 13,250 บาท (8,361,255 ดง)
วันที่สอง
ค่าสตาร์บัค 316 บาท (200000 ดง)
ค่าคาเฟ่ที่บุญเลิศ
160 บาท (100,000 ดง)
ค่าที่พักฮอยอัน
The Lion King 1,500 บาท (899999 ดง)
ค่าอาหารเย็น 800 บาท (500,000 ดง)
ค่าถ่ายภาพโคม 3 ร้าน
50 บาท (30000 ดง)
ค่านั่งเรือกระด้ง + กระทง 320 บาท (200000 ดง)
รวม 3,146 บาท (1,929,999 ดง)
วันที่ 3
หมวกเวียดนาม 65 บาท (40,000 ดง)
Faifo Coffee 160 บาท (100,000 ดง)
ร้าน 92 Coffee 170 บาท (105,000 ดง)
Tammy Coffee 215 บาท
(134,000 ดง)
เฝอร้านเดิม 685 บาท (430,000 ดง)
Cong coffee 145 บาท (90,000 ดง)
คาเฟ่ ริมทะเล 210 บาท (130,000 ดง)
น้ำเปล่า 25 บาท (15,000 ดง)
คาเฟ่สนามบิน 200 บาท (120,000 ดง)
ข้าวสนามบิน 333 บาท (210,000 ดง)
รวม 2,208 บาท (1,374,000 ดง)
รวม 3 วัน 11,665,254 ดง
เป็นเงินไทย 18,604 บาท
หาร 2 จ่ายคนละ 9302 บาท
(ราคานี้ไม่รวมตั๋วนะคะ)
และไม่รวมขนมกรุบกริบ และค่า Shopping
เป็นยังไงบ้างคะกับทริป บานาฮิล ฮอยอัน ดานัง
หวังว่าเพื่อนๆ น่าจะถูกใจ
และตามรอยไปเที่ยวกันได้นะคะ
สุดท้ายขอบคุณน้องวินสุดหล่อ
น่ารักใจดี ที่พาเราเที่ยว
ทำให้ทริปดานัง ฮอยอัน
ของเราสะดวกสบายขึ้นเยอะเลยค่ะ
ส่งท้ายความสุขในรีวิวด้วยภาพนี้นะคะ
ก่อนรีวิวนี้จะจบลง
ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามจนมาถึงบรรทัดนี้
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์
ขอบคุณทุกไลค์ ขอบคุณทุกแชร์
เป็นกำลังใจที่ดีในการทำรีวิวมากๆ
ถ้าชอบก็ฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะคะ
อัพเดทเรื่องกิน เช็กอินเรื่องเที่ยว ได้ที่นี่
psstory เรื่องราวดีๆในการเดินทาง
แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้านะคะ สวัสดีค่ะ
ช่องทางติดต่อเรา
http://www.psstorytrip.com
http://www.facebook.com/psstorytrip
http://www.instagram.com/psstorytrip
http://www.youtube.com/psstorytrip
https://www.tiktok.com/@psstorytrip