สวัสดีค่ะ วันนี้อิ้มจะพาทุกท่านไปพักผ่อน
กับรีสอร์ต 5 ดาว บนเกาะพีพี
ที่นี่มีชื่อว่า Zeavola Resort ค่ะ
Zeavola Resort เป็นบูติครีสอร์ตระดับห้าดาว
ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะพีพี
ซึ่งอย่างที่เรารู้กันว่าเกาะพีพี ในช่วงนี้นั้น
สวยงามขนาดไหน การมาพักที่นี่ในช่วงนี้
ถือว่าเป็นไฮซีซั่น น้ำทะเลใส ฟ้าสวย ทรายนุ่ม ขาวละเอียด
เรียกว่าเราจะได้เที่ยวทะเลไทย
แต่ฟิลลิ่งคล้ายมัลดีฟส์เลยค่ะ
การเดินทางอิ้มแนะนำให้นั่งสปีดโบ๊ท
จะมาทางภูเก็ต หรือ กระบี่ก็ได้
ใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง
ส่วนตัวอิ้มเดินทางจากกระบี่ค่ะ
ขึ้นสปีดโบ๊ทที่ท่าเรือ Krabi Marina
นั่งเพลินๆ ไม่กี่อึดใจแป๊ปเดียวก็มาถึง
ช่วงที่เรือใกล้ถึงเกาะพีพี
จะบอกว่าหัวใจอิ้มเต้นแรงมากกกก น้ำใสมากกก
เหมือนใครเอาสีเทอร์ควอยซ์มาหยดลงไป
พอถึงฝั่งเค้าก็จะมีรถมารับ ไปยังรีสอร์ต
ซึ่งอยู่ติดทะเลเลย บรรยากาศคือสวยมากก ปังสุด
Zeavola Resort
เป็นที่พักที่ทำให้อิ้มเซอร์ไพร์สมาก
ที่นี่ตกแต่งสไตล์ไทยโมเดิร์น
หัวใจหลักของที่นี่
คือการให้ความสำคัญกับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม
และธรรมชาติโดยรอบมาก
วิลล่าของที่นี่จะสร้างขึ้นจากไม้สักทั้งหมด
อยู่ท่ามกลางต้นไม้และสวยสวย
เมื่อมาถึงปุ๊ป เค้าก็จะต้อนรับด้วยเครื่องดื่ม พร้อมผ้าเย็น
พอก้าวเข้ามาส่วนแรกบริเวณล็อบบี้
บอกเลยคือเกร๋มากก เป็นแบบ Open air
ลมพัดเย็นสบาย มีร่มไม้บังแดด
และสามารถมองวิวทะเลสวยๆ
สีฟ้าสดใสได้อย่างสบายตา
มีมุมที่นั่งรอเช็คอินเป็นศาลาไม้
ซึ่งจำลองพื้นหลังเป็นภาพโรงลิเก
ถ่ายภาพเช็คอินได้แบบน่ารักๆ
สิ่งนึงที่อิ้มแปลกใจก็คือว่าภายในรีสอร์ต
เป็นพื้นทรายทั้งหมด
พอถามพี่ๆ พนักงานก็ได้ใจความว่า
เค้าอยากให้แขกที่มาพักผ่อนที่นี่
ได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างแท้จริง
ที่นี่คือ Barefoot luxury resorts
เป็นความลักชัวรี่ที่สัมผัสได้ หรูหราในแบบพอดี
พักที่นี่ลูกค้าสามารถถอดรองเท้า
และเดินเท้าเปล่าบนทรายนุ่มๆ
ได้ในทุกๆ พื้นที่ของรีสอร์ต
ซึ่งตอนที่อิ้มเข้าพัก ก็ได้ลองถอดรองเท้าเดิน
จะบอกว่ารู้สึกผ่อนคลายสุดๆ
เหมือนได้รีเซตตัวเองใหม่
ย้อนเวลากลับไปเหมือนตอนเป็นเด็ก
ที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก กลับไปอยู่กับธรรมชาติ
เข้าถึงและได้ดื่มด่ำกับความเรียบง่ายในบรรยากาศหรูหรา
เป็นฟิลลิ่งที่ทำให้อิ้มรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก
ห้องพักที่นี่จะเป็นวิลล่าทั้งหมดค่ะ
ความเกร๋ก็คือทำด้วยไม้สักทั้งหมด
มีต้นไม้ต่างๆ เป็นรั้วกั้น
และมีอ่างล้างเท้าอยู่ก่อนขึ้นบันได
เหมือนบ้านสมัยก่อน
ตัวบ้านแบ่งเป็น 3 โซน คือตรงกลางเป็นห้องนั่งเล่น
ขวามือคือห้องน้ำ
มีโซน อาบน้ำแบบ indoor และ outdoor
ฝั่งซ้ายมือจะเป็นห้องนอน
เหมือนบ้านพักตากอากาศสมัยก่อน
ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกที่นี่ก็มีครบครันค่ะ
มีสระว่ายน้ำส่วนกลาง ฟิตเนส สปา
จะบอกว่าสปาที่นี่ดีมาก
therapist นวดดี ผ่อนคลาย อิ้มนี่หลับเพลินเลย
พอตื่นมา เค้าถักเปียสวยๆ ให้อิ้มด้วย ประทับใจสุดๆ
ส่วนห้องอาหาร ที่นี่ก็ได้เชฟมากฝีมือ
อย่างเชฟ Satya Beeknoo เป็น Executive Chef มาดูแล
ซึ่งเชฟได้รับรางวัลการันตี ชนะเชฟเอียน
ในรายการ Iron Chef Thailand
เชฟน่ารักและใจดี คุยเก่ง เป็นกันเอง
และใส่ใจในการทำอาหารสุดๆ
เชฟ Satya เกิดและเติบโตที่มอริเชียส
ประเทศแถบแอฟริกาตะวันออก
เป็นเมืองที่มีวัฒนธรรมการกินที่หลากหลาย
เชฟจึงนำวัฒนธรรมการกินนั้นมาผสมผสาน
กับความชำนาญและประสบการณ์ส่วนตัว
ทั้งด้านอาหารฝรั่งเศส อาหารยุโรปสมัยใหม่
รวมถึงอาหารเอเชีย
มาผสมผสานกับความเป็นท้องถิ่น
ผ่านวัตถุดิบซึ่งจะเป็นตัวเล่าเรื่องราว
และเชฟจะชูรสชาติวัตถุดิบให้มากที่สุด
เพราะนั่นคือเสน่ห์ที่แท้จริงของการทำอาหาร
เราจะได้ชิมอาหารอร่อยๆ เมนูพิเศษ
ตลอดการเข้าพัก
ส่วนกิจกรรม ก็มีทั้งพายคายัค และดำน้ำดูปะการัง
หรือจะแค่นอนเล่น นั่งเล่น
ชมวิวชิลทะเลสวยๆ น้ำใสๆ หน้าหาด
เท่านี้ก็ดีต่อใจ เป็นการพักผ่อนที่สมบูรณ์แบบมากค่ะ
ปล. แต่จะบอกว่า ที่นี่อาจจะยุงเยอะนิดนึง
ซึ่งเค้าจะมีพวกสเปรย์และยาฉีดยุงไว้ให้อยู่แล้ว
แต่ถ้าใครแพ้มาก
จะเตรียมยาทาหรือยาแก้แพ้ไปเองก็ได้เช่นกันค่ะ
เอาหล่ะเดี๋ยวตามอิ้มไปพักผ่อนกันต่อ ในรีวิวนี้นะคะ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://th-th.facebook.com/Zeavolaresort/
ช่องทางการติดต่อ Psstory
Facebook Page : https://www.facebook.com/psstorytrip
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDbovnzcEgLS-l5NFi1tj3Q
IG : https://www.instagram.com/psstorytrip/
E mail : amim_97@psstorytrip
Tik Tok : https://www.tiktok.com/@psstorytrip
มาเริ่มที่การเดินทางก่อนนะคะ
การเดินทางอิ้มแนะนำให้นั่งสปีดโบ๊ท
จะมาทางภูเก็ต หรือ กระบี่ก็ได้
ใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง
ข้อดีของการมาจากภูเก็ต
เค้าจะมีสปีดโบ๊ทของทางรีสอร์ต
รับส่งในเวลาที่แน่นอน
จะไปจอดหน้ารีสอร์ตพอดีไม่ต้องต่อรถ
ส่วนถ้ามาจากทางกระบี่แบบอิ้ม
ต้องขึ้นสปีดโบ๊ทที่ท่าเรือ Krabi Marina
ซึ่งตรงนี้จะไม่ใช่เรือของรีสอร์ตนะคะ
แต่ก็จะเดินทางได้เหมือนกัน
ความดีงามก็คือ
จะประหยัดเวลามากกว่ามาจากภูเก็ต
แต่เรือจะไม่ได้ไปจอดพอดีที่หน้ารีสอร์ต
ซึ่งพอไปถึงจะมีรถมารับอีกที
พูดง่ายๆ ก็คือ
ถ้าขึ้นจากภูเก็ตก็จะสะดวกกว่า
แต่มาจากกระบี่ประหยัดเวลากว่า
แต่ถ้าไม่สะดวกมาจากภูเก็ตแบบอิ้ม
ก็สามารถมาจากทางกระบี่ได้เช่นกันใครมาจากกระบี่ก็มาขึ้นเรือที่
ท่าเรือ Krabi Marina แบบอิ้มได้เลย
ใครนำรถมาก็สามารถจอดรถไว้ที่ลานจอด
ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
จากนั้นก็เตรียมลงสปีดโบ๊ท มายังรีสอร์ต
การเดินทาง ถ้าอากาศดีๆ
จะใช้เวลาประมาณ 45 นาที ค่ะนั่งเพลินๆ ไม่กี่อึดใจแป๊ปเดียวก็มาถึง
ช่วงที่เรือใกล้ถึงเกาะพีพี
จะบอกว่าหัวใจอิ้มเต้นแรงมากกกก
น้ำใสมากกก
เหมือนใครเอาสีเทอร์ควอยซ์มาหยดลงไป
เอาจริงๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มาพีพีนะ
แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
เวลาที่เราเจออะไรสวยๆ
ก็มักจะตื่นเต้นกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเสมอพอถึงฝั่งเค้าก็จะมีรถมารับ ไปยังรีสอร์ต
ซึ่งรถจะเป็นคันนี้เลยค่ะ
รถที่ว่านี้เค้าจะวิ่งบนหาดทรายเลยนะ
เพราะด้านบนนี้ไม่มีถนน
ตอนนั่งก็มีความโยกเยกนิดหน่อย
แต่ก็รู้สึกว่าเปิดประสบการณ์ สนุกดีค่ะ
เรานั่งรถคันนี้มาไม่เกิน 5 นาที
ก็มาถึง Zeavola Resort แล้ว
ที่พักอยู่ติดทะเลเลย
บรรยากาศคือสวยมากก ปังสุดส่วนตัวอิ้มว่าคนไทยรู้จักที่นี่น้อยมาก
อาจจะด้วยราคาสมัยก่อน
และเรื่องของการเดินทาง
แต่สำหรับชาวต่างชาติ
ที่นี่คือ destination ที่ต้องมาสักครั้ง
ซึ่งตอนนี้ อิ้มแนะนำอยากให้มาเที่ยวกันนะ
ราคาเค้าลดลงมาก
เป็นโอกาสของนักท่องเที่ยวชาวไทย
ที่จะได้มาสัมผัสพักผ่อนในรีสอร์ตหรู 5 ดาว
ในราคาที่จับต้องได้
ให้ดูภาพบริเวณหน้ารีสอร์ตค่ะ
น้ำทะเลไม่สวยใสตรงไหนให้เอาปากกามาวงเกาะพีพี ในช่วงกุมภาพันธ์ ที่อิ้มมานี้
ถือว่าเป็นไฮซีซั่น
น้ำทะเลใส ฟ้าสวย ทรายนุ่ม ขาวละเอียด
เรียกว่าเราจะได้เที่ยวทะเลไทย
แต่ฟิลลิ่งคล้ายมัลดีฟส์เลย
ทะเลไทยไม่แพ้ชาติในโลกจริงๆถ้าใครชอบทะเลสวยๆ
แนะนำให้มาพักผ่อนบนเกาะพีพี
แบบนี้สักครั้งในชีวิตเมื่อมาถึงปุ๊ป เค้าก็จะต้อนรับด้วยผ้าเย็น
กลิ่นหอมๆ ชื่นใจพอก้าวเข้ามาส่วนแรกบริเวณล็อบบี้
บอกเลยคือเกร๋มากก เป็นแบบ Open air
ลมพัดเย็นสบาย มีร่มไม้บังแดด
และสามารถมองวิวทะเลสวยๆ
สีฟ้าสดใสได้อย่างสบายตาจากนั้นเราก็จะเข้ามาเช็คอินที่มุมนี้ค่ะ ระหว่างที่นั่งรอ
ก็มีมุมที่นั่งรอเช็คอินเป็นศาลาไม้
ซึ่งจำลองพื้นหลังเป็นภาพโรงลิเก
ถ่ายภาพเช็คอินได้แบบน่ารักๆแนะนำให้แต่งตัวสวยๆ มานะคะ
เพราะเค้าจะถ่ายภาพเราตอนเช็คอิน
เพื่อนำมาปริ้นต์เป็นของขวัญเล็กๆ น้อยๆ
แต่ชุดสีขาวที่เห็นด้านล่าง
อิ้มมาถ่ายอีกวันนึงนะคะZeavola Resort
เป็นบูติครีสอร์ตระดับห้าดาว
เป็นที่พักที่ทำให้อิ้มเซอร์ไพร์สมาก
ที่นี่ตกแต่งสไตล์ไทยโมเดิร์น
หัวใจหลักของที่นี่
คือการให้ความสำคัญกับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม
และธรรมชาติโดยรอบมาก
วิลล่าของที่นี่จะสร้างขึ้นจากไม้สักทั้งหมด
อยู่ท่ามกลางต้นไม้และสวยสวย
เค้าแบ่งห้องพักออกเป็น 4 ประเภท
– Village Suite
– Garden Suite
– Beachfront Suite
– Pool Villa Suiteสิ่งนึงที่อิ้มแปลกใจก็คือว่าภายในรีสอร์ต
เป็นพื้นทรายทั้งหมด
พอถามพี่ๆ พนักงานก็ได้ใจความว่า
เค้าอยากให้แขกที่มาพักผ่อนที่นี่
ได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างแท้จริง
ที่นี่คือ Barefoot luxury resorts
เป็นความลักชัวรี่ที่สัมผัสได้
ในแบบพอดี
พักที่นี่ลูกค้าสามารถถอดรองเท้า
และเดินเท้าเปล่าบนทรายนุ่มๆ
ได้ในทุกๆ พื้นที่ของรีสอร์ต
ซึ่งตอนที่อิ้มเข้าพัก
ก็ได้ลองถอดรองเท้าเดิน
จะบอกว่ารู้สึกผ่อนคลายสุดๆ
เหมือนได้รีเซตตัวเองใหม่
ย้อนเวลากลับไปเหมือนตอนเป็นเด็ก
ที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก
กลับไปอยู่กับธรรมชาติ
เข้าถึงและได้ดื่มด่ำกับความเรียบง่าย
ในบรรยากาศหรูหรา
เป็นฟิลลิ่งที่ทำให้อิ้มรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมากห้องพักที่นี่จะเป็นวิลล่าทั้งหมดค่ะ
ความเกร๋ก็คือทำด้วยไม้สักทั้งหมด
มีต้นไม้ต่างๆ เป็นรั้วกั้น
ก่อนเข้าบ้าน
จะมีอ่างล้างเท้าอยู่ก่อนขึ้นบันได
เหมือนบ้านสมัยก่อนอิ้มพัก Garden Suite
วิลล่าหลังสวย
มาด้วยขนาดที่กว้างขวางถึง 60 ตารางเมตร
ตัวบ้านแบ่งเป็น 3 โซน
คือตรงกลางเป็นห้องนั่งเล่น
ขวามือคือห้องน้ำ
มีโซน อาบน้ำแบบ indoor และ outdoor
ฝั่งซ้ายมือจะเป็นห้องนอน
เหมือนบ้านพักตากอากาศสมัยก่อน
ส่วนแรกของบ้าน
จะเป็นตู้เก็บของอารมณ์เหมือนตู้มินิบาร์
มีน้ำเปล่า ชากาแฟให้บริการฟรี
แต่พวกขนม เครื่องดื่มอื่นๆ
จะมีค่าใช้จ่ายระบุไว้ชัดเจน
แต่จะบอกว่า ที่นี่อาจจะยุงเยอะนิดนึง
ซึ่งเค้าจะมีพวกสเปรย์
และยาฉีดยุงไว้ให้อยู่แล้ว
รวมถึงมี ก.ย. 15 เอาไว้ให้ทา และขอเพิ่มได้
แต่ถ้าใครแพ้มาก
จะเตรียมยาทาหรือยาแก้แพ้ไปเองก็ได้เช่นกันค่ะ
และความใส่ใจในสิ่งแวดล้อม
อีกอย่างนึงที่เห็นได้ชัดเจน
พวกขวดน้ำ ขวดแชมพู
จะเป็นขวดแก้วและเซรามิก
ซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมส่วนกลางของบ้านจะเป็นที่นั่งเล่น ฝั่งขวามือจะเป็นห้องน้ำ
ด้านนอกจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้งส่วนนี้จะเป็น open air ทั้งหมด
แนบชิดกับธรรมชาติสุดๆส่วนห้องน้ำก็จะมีทั้งโซน indoor และมีโซน outdoor
อาบน้ำได้อย่างใกล้ชิดธรรมชาติและเป็นส่วนตัวในส่วนของห้องนอนค่ะ
ถ้าใครชอบงานไม้ บอกเลยว่าต้องถูกใจสิ่งนี้มีโต๊ะทำงานให้ มีโซฟาให้นอนเอนกาย และนี่ค่าาา ชุดจริงที่อิ้มใส่ตอนเช็คอิน 555
พอได้รับกรอบรูปนี้ มาวางที่ห้อง พร้อมขนม
คือประทับใจมาก
(ที่ได้ขนมหลายชิ้น อิอิ ล้อเล่นค่ะ)
เค้าใส่ใจในรายละเอียดจริงๆต่อมาเดี๋ยวขอพาไปชมอีกหนึ่ง Type
นั่นก็คือ Pool Villa Suite
ซึ่งจะอยู่ด้านหลังบนเขา
เดินขึ้นไปนิดเดียวก็ถึงค่ะ
ระหว่างทาง เราก็จได้เพลิดเพลินกับธรรมชาติ
สีเขียวของต้นไม้ ทำให้เพลินตา เพลินใจPool Villa แต่ละหลัง
จะมีบันไดส่วนตัวขึ้นมาเลยค่ะPool Villa Suite
มีพื้นที่ใช้สอยถึง 120 ตารางเมตร
และแบ่งออกเป็น 2 ชั้น
ชั้นล่างจะเป็นสระว่ายน้ำ มีห้องนั่งเล่นว่ายน้ำในสระได้อย่างเป็นส่วนตัว บรรยากาศภายในห้องนั่งเล่น ขึ้นบันไดมายังชั้นสอง จะเห็นวิวทะเลไกลๆ พื้นที่ของชั้นบน จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนด้วยกัน
เริ่มตั้งแต่ตรงกลางเป็นโถงนั่งเล่นขวามือเป็นห้องนอน มองเห็นวิวทะเลด้วยค่ะ อีกฝั่งจะเป็นห้องน้ำ มีโซน indoor และ outdoor ชมห้องพักเสร็จแล้ว
ไปชมส่วนอื่นๆ กันต่อนะคะ
ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวก
ที่นี่ก็มีครบครันค่ะตั้งแต่ฟิตเนสและสปา
จะบอกว่าสปาที่นี่ดีมากบรรยากาศเงียบสงบ ร่มรื่น มาถึงแล้วเค้าจะให้ทานน้ำกระเจี๊ยบ
พร้อมเสิร์ฟผ้าเย็นอิ้มเลือกนวดเป็นอโรม่า 1 ชั่วโมง
เค้าก็จะนำน้ำมันกลิ่นต่างๆ มาให้เลือกเสร็จแล้วก็จะพาไปห้องเก็บของ
เปลี่ยนเสื้อผ้า และพามายังห้องทรีตเม้นท์การตกแต่งก็ยังจะใช้ไม้เป็นหลัก
ผสมผสานกับวัสดุตกแต่งในแบบไทยๆก่อนเริ่มก็จะต้องมีการล้างเท้า
หลังจากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการทำทรีตเม้นท์therapist นวดดี ผ่อนคลาย
อิ้มนี่หลับเพลินเลย
พอตื่นมา เค้าถักเปียสวยๆ
ให้อิ้มด้วย ประทับใจสุดๆ
นวดเสร็จก็ได้ชาร้อน มาจิบ
เพื่อปรับสมดุลของร่างกายสำหรับใครชอบว่ายน้ำ
ก็มาที่สระส่วนกลางได้เลยค่ะสระขนาดกำลังพอดี มี Sun Bed ให้นอนอาบแดดหลายจุด จะเห็นได้ว่าแต่ละมุมของที่นี่
เงียบสงบ เหมาะกับการพักผ่อนจริงๆหากใครไม่อยากว่ายน้ำ
อิ้มก็มีกิจกรรมอย่างอื่นแนะนำ
ก็มีทั้งพายคายัค และดำน้ำดูปะการังใครอยากออกไปเที่ยวเกาะต่างๆ
ก็เช็คสภาพอากาศดีๆ
เพราะจากรีสอร์ต
ไปเที่ยว มาหยา ปิเล๊ะ ลากูนได้
โดยใช้เวลาไม่ถึง 15 นาทีเท่านั้น
แต่จะเป็นการนั่งเรือหางยาวแบบนี้นะคะหรือใครไม่อยากไปไหนไกล
จะแค่นอนเล่น นั่งเล่น
ชมวิวชิลทะเลสวยๆ น้ำใสๆ หน้าหาด
เท่านี้ก็ดีต่อใจ
เป็นการพักผ่อนที่สมบูรณ์แบบมากค่ะคือไม่รู้จะอธิบายความสวยของทะเลที่นี่ยังไง มองทางไหนก็สวยไปหมด
ในภาพบอกเลยว่า สวยได้ไม่ถึงครึ่ง
ของสถานที่จริงก็นั่งชิลไปเลยสิคะ แดดแบบนี้ ทะเลสวยแบบนี้
ก็ต้องถ่ายภาพเช็คอิน ลงโซเชี่ยลแบบรัวๆอิ้มถูกใจสิ่งนี้ รักทะเลพีพี รัก Zeavola จัง จะดีแค่ไหน
ที่เราตื่นนอนในทุกๆ เช้าแล้วเจอวิวแบบนี้เป็นความสุขที่ล้นหัวใจ
ใครรักทะเลบอกเลยว่าห้ามพลาดอ้อ แล้วพวกกิจกรรมพายคายัค
snorkeling เค้าก็มีให้บริการฟรีนะคะพี่บรีสแฮปปี้ พายทั้งเช้า กลางวัน เย็น ทะเลสวยแบบนี้ แดดแรงแค่ไหนก็ไม่กลัว ใครสายดำน้ำ ก็มา snorkeling ได้เลย
หน้ารีสอร์ตมีแนวปะการังสวยๆ
และน้องปลาหลายชนิดให้ได้ชมพูดถึงกิจกรรมไปแล้ว
มาต่อที่ห้องอาหารค่ะ
ในส่วนของอาหารเช้า
วันที่แขกเยอะก็จะจัดเป็นไลน์บุฟเฟ่ต์แบบนี้
แต่ถ้าแขกไม่เยอะ
เค้าก็จะเสิร์ฟเป็นเมนู a la carte สั่งได้ไม่อั้นในไลน์เค้ามีอาหารหลากหลาย อาหารเค้าคุณภาพดีทั้งนั้น มีเมนูอาหารไทย
สลับสับเปลี่ยนไปในทุกๆ วันผลไม้ตามฤดูกาล มาดูเมนูที่อิ้มทานตอนเช้าค่ะ
มีก๋วยเตี๋ยว ซึ่งเราจะสั่งแบบน้ำหรือแห้งก็ได้เลือกทานได้ตามใจชอบ Eggs Benedict ซอสอร่อย ละมุน อันนี้เป็นเซตข้าวต้ม
จะเป็น เมนูอาหารในวันที่ไม่เสิร์ฟบุฟเฟ่ต์ค่ะในเซ็ตข้าวต้มคือดีย์ เครื่องเยอะมาก มื้อเช้าได้ทานแบบนี้ อิ่มจุกไปถึงเที่ยงเลย ส่วนห้องอาหารหลัก
ก็จะอยู่ด้านหน้ารีสอร์ตเลยค่ะ
บรรยากาศคือดีย์มากกกช่วงกลางวันก็สั่งเครื่องดื่มแก้วโปรด
มาทานให้ชื่นใจยามเย็นก็สั่งเครื่องดื่มมาทานเคล้าบรรยากาศ ได้ทานดินเนอร์ในบรรยากาศแบบนี้
เรียกว่าโรแมนติกสุดๆส่วนห้องอาหาร ที่นี่ก็ได้เชฟมากฝีมือ
อย่างเชฟ Satya Beeknoo
เป็น Executive Chef มาดูแล
ซึ่งเชฟได้รับรางวัลการันตี ชนะเชฟเอียน
ในรายการ Iron Chef Thailand
เชฟน่ารักและใจดี คุยเก่ง เป็นกันเอง
และใส่ใจในการทำอาหารสุดๆ
เชฟ Satya เกิดและเติบโตที่มอริเชียส
ประเทศแถบแอฟริกาตะวันออก
เป็นเมืองที่มีวัฒนธรรมการกินที่หลากหลาย
เชฟจึงนำวัฒนธรรมการกินนั้นมาผสมผสาน
กับความชำนาญและประสบการณ์ส่วนตัว
ทั้งด้านอาหารฝรั่งเศส อาหารยุโรปสมัยใหม่
รวมถึงอาหารเอเชีย
มาผสมผสานกับความเป็นท้องถิ่น
ผ่านวัตถุดิบซึ่งจะเป็นตัวเล่าเรื่องราว
และเชฟจะชูรสชาติวัตถุดิบให้มากที่สุด
เพราะนั่นคือเสน่ห์ที่แท้จริงของการทำอาหาร
เราจะได้ชิมอาหารอร่อยๆ เมนูพิเศษ
ตลอดการเข้าพัก
วันแรกอิ้มลองทานเป็นอาหารไทย
ซึ่งรสชาติดีทีเดียวค่ะ
ไม่จัดจ้านมาก แต่เครื่องครบครัน รสชาติถูกปากเมนูนี้คืออยากให้ลอง
เป็นเมนูที่เชฟพรีเซ้นต์มาก
เพราะเป็นการทำเครื่องแกงในแบบฉบับ
ของวัฒนธรรมทางบ้านเชฟ
อารมร์เหมือนแกงกะทิบ้านเรา
แต่ใส่มะพร้าวอ่อน
เครื่องแกงไม่แรงเท่า
แต่มีความกลมกล่อมกว่า
เวลาทานตักราดบนข้าวสวยร้อนๆ ฟินสุดดเมนูวันแรกที่ทาน อาหารถูกปาก
อิ้มถูกใจสิ่งนี้ส่วนวันที่สองอิ้มลองเป็นเมนูอินเตอร์
ซึ่ง เป็นเมนู recommend by chef
ดูแต่ละเมนู การเสิร์ฟ การจัดจาน
ใส่ใจในรายละเอียดสุดๆScallop คำนี้ชิ้นโตเต็มคำมาก Sea bass จานนี้เชฟทำออกมาได้ดีมาก
เราจะเห็นได้ว่า เชฟจะปรุงอาหาร
โดยใช้เครื่องปรุงไม่มาก จะเน้นชูวัตถุดิบ
อย่างจานนี้ Sea bass สดหวาน
ตัวหนังเชฟกริลมาอย่างดี มีความกรอบ
แค่บีบเลมอนเบาๆ ก็อร่อย ถูกใจอิ้มมาก
จานนี้เหมาะสำหรับสายเฮลตี้สุดๆสปาเกตตี้จานนี้ ก็อร่อยมาก
ตัวซอสมีความเข้มข้น
ทานคู่กับปู คือลงตัวจานนี้คล้ายๆ ราวิโอลีค่ะ
ทานคู่กับเป็ด และซอส อร่อยมากชอบเชฟที่นี่มากพูดเลย
ใส่ใจในรายละเอียดของอาหารสุดๆก่อนกลับอิ้มแนะนำให้แวะมาช็อป
ซื้อของฝากเล็กๆ น้อยๆ ติดมือกลับบ้าน
ที่ shop ของรีสอร์ต
อ้อจะมีเจ้าเหมียวตัวนี้นั่งเฝ้าอยู่ด้านหน้า
เสมือนเป็นเจ้าของร้าน 5555จะบอกว่าเดรสที่นี่สวย
ถูกใจสาวๆ แน่นอนค่ะได้เวลาเดินทางกลับค่ะ
พนักงานที่นี่น่ารักมากๆ
ตอนกลับ
ทั้ง GM และพนักงาน จะมาโบกมืออำลา
และส่งขึ้นเรือกลับ เป็นอะไรที่อบอุ่นหัวใจ
เติมเต็มการพักผ่อนได้อย่างสมบูรณ์
อิ้มขอส่งท้ายความสุขในรีวิวด้วยภาพนี้นะคะ
ก่อนรีวิวนี้จะจบลง
ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามจนมาถึงบรรทัดนี้
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์
ขอบคุณทุกไลค์ ขอบคุณทุกแชร์
เป็นกำลังใจที่ดีในการทำรีวิวมากๆ
ถ้าชอบก็ฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะคะ
อัพเดทเรื่องกิน เช็กอินเรื่องเที่ยว ได้ที่นี่
psstory เรื่องราวดีๆในการเดินทาง
แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้านะคะ สวัสดีค่ะ
ช่องทางติดต่อเรา
http://www.psstorytrip.com
http://www.facebook.com/psstorytrip
http://www.instagram.com/psstorytrip
http://www.youtube.com/psstorytrip
https://www.tiktok.com/@psstorytrip