ช่วงเวลาที่มักจะทำให้เรา
เผลอตกหลุมรักได้ง่ายสุด
คือ ตอนออกเดินทาง ไปพบกับสิ่งที่ใช่
สวัสดีค่ะ วันนี้อิ้มจะพาทุกท่าน
ไปพักผ่อนที่ Le Méridien Chiang Mai
โรงแรมหรู 5 ดาว ใจกลางเมืองเชียงใหม่
อิ้มมาพักผ่อนที่นี่เป็นครั้งที่ 2
จะบอกว่า อิ้มตกหลุ่มรักที่นี่ตั้งแต่แรกเห็น
จึงประทับใจ และกลับมาพักผ่อนอีกครั้ง
ภายนอกโรงแรมาอาจจะดูเฉยๆ
เหมือนโรงแรม 5 ดาวปกติ
แต่พอมาได้พัก เรียกว่า ตกหลุมรัก เลยค่ะ
ข้อดีของ Le Méridien Chiang Mai
อยู่ใจกลางเมือง ทำเลคือดีมาก
ไฮไลท์ก็จะอยู่ที่ห้องพัก
ห้องพักของ Le Méridien Chiang Mai
ได้ถูกออกแบบให้แขกผู้เข้าพัก
ได้สัมผัสถึงทัศนียภาพอันสวยงาม
ของดอยสุเทพและเมืองเชียงใหม่โดยตรงจากห้องพัก
ตั้งแต่ room type เริ่มต้น จนไปถึง type สูงสุด
คราวที่แล้วอิ้มพักห้อง Executive Suite
และติดใจมาก
คราวนี้จึงเลือกพักแบบเดิม แต่คนละฝั่ง
ชอบที่ มองเห็นวิวดอยสุเทพ
และเมืองเชียงใหม่แบบ 180 องศา
ชอบที่ ตื่นมามองเห็นวิวภูเขา
บางวันหมอกไหลเอื่อยๆ
เป็นภาพที่สวยงาม
มองเห็นวิวได้แบบเต็มตาไม่มีเบื่อ
อิ้มสามารถนั่งมองวิวภูเขาแบบนี้ได้ทั้งวันเลย
และยิ่งมาพักกับแฟนคือโรแมนติกสุดๆ
นั่งจับมือกันมองวิวสวยๆ
กลางคืนแช่อ่างอาบน้ำ ชมวิวเมือง
ดีต่อใจเป็นที่สุด
และการมาพักผ่อนที่นี่
ไม่ได้มีดีเฉพาะห้องพัก
เรื่องบริการ อันนี้ให้สิบเต็มสิบ
พนักงานทุกคน น่ารัก
และไม่ว่าเดินไปทางไหน
จะได้รับรอยยิ้มทักทายตลอดการเข้าพัก
facility ก็ครบเครื่องมาก
มีสระว่ายน้ำ ขนาดใหญ่ วิวเมือง
และเห็นวิวดอยสุเทพแบบพาโนราม่า
มีฟิตเนส และสปา
อาหารอร่อยและราคาไม่แรง
สปาชั้นเลิศ ที่เดอะสปา
ให้บริการทรีทเมนต์หลากหลาย
ตอบโจทย์ทุกความต้องการ
ไม่ว่าจะเป็นนวดแผนไทย นวดน้ำมัน
สครับผิว ทรีทเมนต์บำรุงผิวหน้า
อิ้มเลือกทำ เป็น Signature ทรีตเม้นท์
Chakra Ritual เป็นทรีตเม้นท์
ที่จะเพิ่มพลังให้ร่างกาย
ด้วยศาสตร์และหินต่างๆ ทั้งหมด 120 นาที
โดยจะมีสครับด้วยเกลือหิมาลายัน 30 นาที
หลังจากนั้นจะเป็นการนวดด้วยน้ำมัน
และใช้หินต่างๆ วางบนร่างกาย
เพื่อช่วยในด้านต่างๆ เช่นคลายกล้ามเนื้อ
ลดความเครียด ปลดปล่อยพลังงานด้านลบ
และอื่นๆ อีกมากมาย
เป็นทรีตเม้นท์ที่เพลินมาก
อยากให้ทุกคนได้ลอง
ปิดท้ายด้วย ห้องอาหารอิตาเลียน “ฟาโวล่า” (Favola)
ดื่มด่ำกับอาหารอิตาเลียน
ที่คงไว้ซึ่งรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์
ปรุงสดใหม่อย่างพิถีพิถันโดยเชฟชาวอิตาเลียน
เมนูมีหลากหลายมากๆ
ใครชอบทานอาหารอิตาเลี่ยน
แนะนำเลยค่ะ
และช่วงนี้ เค้าได้นำเมนูซิกเนเจอร์
จากห้องอาหารอื่น
มารวมไว้ที่นี่ด้วย
เผื่อใครไม่ทานอาหารอิตาเลี่ยน
ก็มีเมนูอื่นให้ลิ้มลอง
และในยุค New Normal แบบนี้
ที่ Le Méridien Chiang Mai
เค้าก็มีมาตราการป้องกัน Covid-19 อย่างเข้มงวด
สบายใจเมื่อเข้าพักแน่นอนค่ะ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.facebook.com/lemeridienchiangmai/
ช่องทางการติดต่อ Psstory
Facebook Page : https://www.facebook.com/psstorytrip
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDbovnzcEgLS-l5NFi1tj3Q
IG : https://www.instagram.com/psstorytrip/
E mail : amim_97@hotmail.com
โรงแรมเลอ เมอริเดียน เชียงใหม่
เป็นโรงแรม 5 ดาวสุดหรู
ทำเลดีงามมาก
เพราะตั้งอยู่ใจกลางเมืองบนถนนช้างคลาน
ใกล้เชียงใหม่ไนท์ บาซาร์
และร้านอาหารชื่อดังต่างๆ มากมาย
นอกจากนั้นยังเดินทางสะดวก
เพราะห่างจากสนามบินเชียงใหม่
จากการขับรถเพียง 10 นาที
ใครมาพักที่นี่ หากไม่เช่ารถขับ
ก็สามารถใช้บริการรถรับส่งของโรงแรมได้ค่ะ
โรงแรมเลอ เมอริเดียน เชียงใหม่
มีห้องพักทั้งหมด 383 ห้อง
ตกแต่งในสไตล์ทันสมัยผสาน กับ ศิลปะ
ที่แสดงถึงความงดงามอ่อนช้อย
ในแบบฉบับเมืองเชียงใหม่
ไฮไลท์ของที่นี่ก็คือห้องพักแต่ละห้อง
ได้ถูกออกแบบให้แขกผู้เข้าพัก
ได้สัมผัสถึงทัศนียภาพอันสวยงามของดอยสุเทพ
และเมืองเชียงใหม่โดยตรงจากห้องพัก
นอกจากนั้นห้องสวีททุกห้อง
ยังได้รับการตกแต่งอย่างมีสไตล์
และมีห้องน้ากว้างขว้าง
มีอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่
ฝักบัวแบบเรนชาวเวอร์
และแขกผู้เข้าพักจะได้พักผ่อนอย่างสบาย
กับเตียงนอนหนานุ่มเป็นพิเศษ
ในแบบเฉพาะของเลอ เมอริเดียน
เป็นเตียงดูดวิญญาณ
นอนแล้วไม่อยากลุกไปไหนเลยค่ะมาถึงโรงแรมก็มาเช็คอินที่ล็อบบี้กันก่อนนะคะ
และแน่นอนใครจะออกมาเที่ยวพักผ่อน
ในโรงแรม รีสอร์ต ช่วงนี้
ก็ต้องเลือกที่ ที่ปลอดภัย
และไว้ใจในการป้องกันโรค Covid-19
ซึ่งที่ เลอ เมอริเดียน เชียงใหม่
เค้าก็มีมาตราการป้องกัน Covid-19 อย่างเข้มงวด
สบายใจเมื่อเข้าพักแน่นอนค่ะ
พอเข้ามาเช็คอินปุ๊ป
เค้าก็เริ่มกระบวนการ
มาตรการป้องกันโควิดเลยค่ะ
แน่นอนสิ่งที่ทุกคนต้องมีคือ Mask นะคะ
ถ้าไม่มี Mask เค้าไม่ให้เค้าพักนะคะ
ส่วนของพนักงาน
ทุกคนที่นี่จะใส่ Mask หมด
และมีการตรวจวัดไข้ ก่อนเข้ามาปฏิบัติงานทุกครั้ง
ส่วนของลูกค้า
ก่อนเช็คอิน
จะมีจุดคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิผู้เข้าพัก
ทั้งการวัดไข้,
มีเจลแอลกอฮอล์ให้ตามจุดต่างๆ
เช็คอินไทยชนะ
และ CM ชนะ ก็เสร็จเรียบร้อยภายในล็อบบี้ของโรงแรมตกแต่งสวยงามมาก
อลังการด้วย Chandelier ขนาดใหญ่
อยู่ใจกลางของโรงแรม ดูหรูหราพื้นที่เช็คอิน จะแบ่งออกเป็นหลายเคาน์เตอร์
เพื่อรักษาระยะห่าง ของลูกค้าในช่วงนี้พวกปากกาต่างๆ ก็ได้รับการฆ่าเชื้อมาทั้งหมดค่ะ และในพื้นที่ด้านล่างของล็อบบี้
ก็ยังแบ่งเป็นพื้นที่อื่นๆ เช่น
“ละติจูด”บาร์ (Latitude 18) บาร์หรูเก๋ๆ
ตั้งอยู่ชั้นล่าง ตรงข้ามกับเคาเตอร์เช็คอิน
มีบริการกาแฟอิลลี่
เบเกอรี่ และไอศกรีมเจลาโต
รวมถึงเมนูทานเล่นและเครื่องดื่ม
ให้ชวนลิ้มลองพร้อมเสิร์ฟตั้งแต่เช้าจรดเที่ยงคืน
และสายดริ๊งค์ห้ามพลาด
กับชั่วโมง ‘Happy Hour’ ทุกวันที่ละติจูด18
เพียงสั่งเครื่องดื่มในเมนู 1 แก้ว แถมฟรี 1 แก้ว
ตั้งแต่เวลา 18.00 – 20.00 น.
ราคาค็อกเทลเริ่มต้น
เพียงแก้วละ 350 บาทสุทธิ
⏰ละติจูด 18 เปิดบริการทุกวัน
ตั้งแต่เวลา 06:00 – 23:00 น.ทานเวลคัมดริ้งค์เย็นๆ ชื่นใจๆ กันก่อนค่ะ อ้อๆ ตอนนี้ที่ เลอ เมริเดียน เชียงใหม่
มีครัวซองค์จำหน่ายด้วยน๊า
ชิ้นใหญ่และอร่อยมากกกก
ใครมาพัก ต้องห้ามพลาดครัวซองค์ที่นี่น๊าา
จะซื้อทานเองหรือเป็นของฝากก็ได้
ไม่ได้พัก ก็แวะมาซื้อครัวซองค์ได้จ้าชมบรรยากาศล็อบบี้ไปแล้ว
มาเริ่มชมห้องพักกันนะคะ
เลอ เมริเดียน เชียงใหม่
มีห้องพักทั้งหมด 383 ห้อง
ตกแต่งในสไตล์ทันสมัย
จุดเด่นของแต่ละห้องก็คือ
มองเห็นวิวดอยสุเทพ
และเมืองเชียงใหม่โดยตรงจากห้องพัก
ชมวิวได้อย่างเต็มตา
นอกจากนั้นแต่ละห้องยังมีอ่างอาบน้ำ
ตั้งแต่ห้องเริ่มต้น
ไปถึง Room type สูงสุด
อิ้มจะพามาชมแบบแรก
ซึ่งเป็นห้องเริ่มต้นนะคะ
ห้องนี้เป็น Deluxe Room
ขนาด 36 ตรม. เป็นห้องเริ่มต้นของที่นี่ถึงแม้จะเป็นห้องเริ่มต้น
แต่ขนาดห้องและวิว อิ้มว่าเกินเรื่องมาก
สิ่งอำนวยความสะดวกก็มีให้ครบครันเตียงน่านอนมาก ภายในห้องน้ำแยกสัดส่วนได้ดี ข้อดีอีกอย่างของที่ เลอเมอริเดียน เชียงใหม่
คือทุกห้องจะมีอ่างอาบน้ำให้ด้วย
ดีงามมากกกและห้องที่อิ้มพักก็คือ
Executive Suite มาด้วยขนาด 76 ตรม
คราวที่แล้วอิ้มพักห้อง Type Executive Suite
และติดใจมาก
คราวนี้จึงเลือกพักแบบเดิม แต่คนละฝั่ง
ชอบที่ มองเห็นวิวดอยสุเทพ
และเมืองเชียงใหม่แบบ 180 องศา
ชอบที่ ตื่นมามองเห็นวิวภูเขา
บางวันหมอกไหลเอื่อยๆ
เป็นภาพที่สวยงาม
มองเห็นวิวได้แบบเต็มตาไม่มีเบื่อ
อิ้มสามารถนั่งมองวิวภูเขาแบบนี้ได้ทั้งวันเลย
และยิ่งมาพักกับแฟนคือโรแมนติกสุดๆ
นั่งจับมือกันมองวิวสวยๆ
กลางคืนแช่อ่างอาบน้ำ ชมวิวเมือง
ดีต่อใจเป็นที่สุด
ส่วนแรกของห้องจะเป็นมุมนั่งเล่น
มีมุมตู้เย็น และมุมมินิบาร์มีโต๊ะทานข้าวสำหรับ 2 m่าน
พร้อมโต๊ะนั่งทำงาน
ริมหน้าต่างบานกระจก
ที่มองเห็นวิวดอยสุเทพได้แบบ 180 องศาเห็นวิวเต็มตามาก
ยิ่งสถานที่จริง วิวยิ่งอลังการค่ะต่อมาจะเป็นห้องนอนค่ะ วิวคือสวยงามเช่นกัน
ชอบที่เห็นวิวแบบนี้ รู้สึกสบายตาสุดๆติดกับห้องนอนจะมีบานประตูสไลด์
ซึ่งเป็นพื้นที่ของห้องน้ำ
ต้องบอกเลยว่าห้องน้ำเค้ากว้างขวาง
แบ่งสัดส่วนต่างๆ ได้อย่างดีเยี่ยมส่วนแรกจะเป็นอ่างล้างหน้าแบบ His And Her
และดูความน่ารักเอาใจใส่
เค้ารู้ว่าอิ้มเพิ่งถูกขอแต่งงาน
ทางโรงแรมจึงแจ้งพี่แม่บ้าน
แล้วเค้าก็วาดรูปน่ารักๆ บนกระจกให้
ใส่ใจในรายละเอียดมาก
เจอแบบนี้ประทับใจที่สุดเลยค่ะถัดมาจะเป็นห้องแต่งตัวแบบ Walk in Closet
มีชุดคลุมอาบน้ำ สลิปเปอร์
ตู้เซฟ เตารีด และที่รีดผ้า
จุดนี้เรียกว่าครบครันมากถัดมาอีกนิดจะเป็นห้องสุขภัณพ์ ส่วน Shower จะอยู่ด้านซ้าย
และมี Bathtub ขนาดใหญ่ให้แช่ตัวชมวิวเมืองผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในห้องน้ำมีให้ครบครัน บนโต๊ะจะมีเวลคัมดริ้งค์ให้อีกค่ะ
อันนี้เฉพาะแขกสมาชิก หรือ VIP นะคะส่วนครัวซองค์นี้ ใครอยากทาน
สามารถสั่งจากข้างล่าง
หรือรีเควสก่อนเข้าไปเช็คอินได้เลย
ว่าอยากทานกี่ชิ้น และทานตอนเช็คอินขึ้นห้อง
ครัวซองค์ที่นี่ชิ้นใหญ่ ไส้แน่นๆ เลยค่ะต้าวครัวซองค์ที่แท้ทรู >< เลิ้บบบบ ครัวซองค์ที่นี่มาก แฮปพรี้ ทานเสร็จก็นั่งชมวิวเมืองเพลินๆ วิวจากห้องพักของเราบอกเลยว่าอลังการมาก สวยจนไม่อยากละสายตาไปทางไหน อิ้มใช้เวลานั่งมองวิวที่นี่นานมาก
สวยทุกมุม ยิ่งเวลาฝนตกใหม่ๆ
จะมีหมอกค่อยๆ ไหลลอยผ่าน
มันรู้สึกชุ่มชื่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูกชมห้องพักเสร็จ
ก็มาชมส่วนอื่นๆ กันต่อนะคะ
มาต่อกันชั้น 4
ชั้น 4 นี้เป็นพื้นที่ของสระว่ายน้ำ
บาร์ ฟิตเนสและสปา
ซึ่งตอนนี้ตามชั้นต่างๆ และพื้นที่ facility
เค้าก็มีมาตรการป้องกันโควิด 19 อย่างเคร่งครัด
รักษาระยะห่าง ตรวจวัดอุณหภูมิ
สแกนเช็คอิน วัดไข้ สวกหน้ากาก
ล้างเจลแอลกอฮอล์
รวมไปถึงการใช้บริการส่วนต่างๆ
เค้าจะให้จำกัดการใช้งาน ฟิตเนส สระว่ายน้ำ
รอบนึงให้ลงและเล่นไม่กี่คน
เพื่อรักษาระยะห่าง
และเพิ่มความปลอดภัยจากโควิดค่ะฟิตเนส จำกัดจำนวนผู้เข้าใช้
ปลอดแน่นอน แต่อาจจะต้องจองคิวนิดนึง
เพื่อให้ได้เวลาที่เราต้องการค่ะในส่วนของสระว่ายน้ำ
ก็จะอยู่ด้านนอก มีทั้งสระเด็กและสระผู้ใหญ่เป็นสระขนาดกว้างขวาง
ที่สำคัญคือวิว อลังการ
เห็นวิวดอยสุเทพแบบเต็มตาชอบบรรยากาศแบบนี้
ช่วงกรีนซีซั่น เราจะเจออากาศแบบนี้ตลอดทั้งวันภาพตรงหน้า ทำให้อิ้มรู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก ชอบวิวแบบนี้ แค่ได้มองก็เป็นสุขใจ ต่อมาขอพามาชมสปาของโรงแรมค่ะ
อยู่ชั้น 4 เหมือนกันเลย
เดอะสปา
ให้บริการทรีทเมนต์หลากหลาย
ตอบโจทย์ทุกความต้องการ
ไม่ว่าจะเป็นนวดแผนไทย นวดน้ำมัน
สครับผิว ทรีตเมนต์บำรุงผิวหน้า
โดยพนักงานมากประสบการณ์
ที่จะช่วยให้ได้ผ่อนคลายความเหนื่อยล้า
และคืนความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าได้เป็นอย่างดี
Hours: Mon-Sun: 10:00 AM – 10:00 PMก่อนทำทรีตเม้นท์ก็จะมีการกรอกข้อมูล
และเสิร์ฟเวลคัมดริ้งค์จากนั้นเรามาเลือกเมนูสปากันค่ะ
อิ้มเลือกทำ เป็น Signature
Chakra Ritual ทรีตเม้นท์ก่อนเข้าไปด้านใน
จะมีการเปลี่ยนรองเท้าก่อนเข้ารับบริการอันนี้จะเป็นห้องนวดเท้า
ซึ่งมองเห็นวิวดอยสุเทพ
เป็นมุมที่ผ่อนคลายมากๆ เลยค่ะใครอยากสตรีม ซาวน่า ก็มีให้บริการด้วยนะคะ ส่วนห้องทรีตเม้นท์ของอิ้ม
เป็นห้องคู่แบบนี้ค่ะภายในมีห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ
และห้องแต่งตัว รวมถึงจากุชชี่ขนาดใหญ่Chakra Ritual เป็นทรีตเม้นท์
ที่จะเพิ่มพลังให้ร่างกาย
ด้วยศาสตร์และหินต่างๆ ทั้งหมด 120 นาที
โดยจะมีสครับด้วยเกลือหิมาลายัน 30 นาที
หลังจากนั้นจะเป็นการนวดด้วยน้ำมัน
และใช้หินต่างๆ วางบนร่างกาย
เพื่อช่วยในด้านต่างๆ เช่นคลายกล้ามเนื้อ
ลดความเครียด ปลดปล่อยพลังงานด้านลบ
และอื่นๆ อีกมากมาย
โดยจะเริ่มต้นด้วยการสครับ 30 นาที
หลังจากนั้นจะให้เราอาบน้ำ
และมารับทรีตเม้นท์ต่อโดยการนวดน้ำมัน
ผสมผสานกับการใช้หินต่างๆ
อันนี้คือหินต่างๆ ที่ใช้ในทรีตเม้นท์นี้ค่ะการวางก็จะวางตามจุดต่างๆ
เช่น หลัง ช่วงตัว ท้อง ศรีษะ
ก่อนทำทรีตเม้นท์ Therapist
จะเล่าเกี่ยวกับหินต่างๆ ให้ฟัง เช่น
หิน Hematite หินแห่งเสน่ห์
ก็จะเป็นหินที่ช่วยเรื่องคลายกล้ามเนื้อ
ตามจุดต่างๆหินออบซิเดียน(Obsidian)
“หินศักดิ์สิทธิ์ของชาวแอซเท็ก”
ตัวนี้จะช่วยปลดปล่อยพลังงานด้านลบ
กันสิ่งเลวร้ายเข้าสู่ร่างกายหินอเมทิสต์ หินคลายเครียด
ดึงดูดพลังบวก ช่วยเรื่องการรับรู้ ลดความเครียด
นอนหลังสบายเป็นทรีตเม้นท์ที่เพลิดเพลิน
รู้สึกผ่อนคลายมาก
ใครมา เลอ เมอริเดียน เชียงใหม่
อิ้มแนะนำให้ลองค่ะหลังจากจบทรีตเม้นท์เค้าจะเสิร์ฟเครื่องดื่ม
และผลไม้ เป็นอันจบการให้บริการยามเช้าบรรยากาศคือดีมาก
อิ้มเห็นวิวแบบนี้จากห้องพักแค่ตื่นมาเจอวิวแบบนี้
ก็มีความสุขอย่างล้นใจและยามเช้าอาหารเช้าที่จัดเสิร์ฟในโรงแรม
จะให้บริการแบบตามสั่งตามเมนู
และเปิดให้ทานกันที่ห้องอาหาร “ฟาโวล่า”
สามารถสั่งทานได้ไม่อั้นจนกว่าจะอิ่ม
และพิเศษช่วงนี้
ทางโรงแรมยินดี
ให้แขกสั่งขึ้นไปทานบนห้องได้
โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
แต่จะต้องสั่งเมนูไว้ล่วงหน้าตอนเช็คอินค่ะ
ซึ่งอิ้มเองก็สั่งมาทานที่ห้องนะ
เพราะในช่วงโควิดแบบนี้ การเซฟตัวเอง
เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆเมนูต่างๆ เราสามารถรีเควสได้เลยค่ะ ชีส โคลคัทต่างๆ ก็มีมากมาย โยเกิร์ต ขนมปัง ซีเรียล แพนเค้ก เมนูไข่ต่างๆ ผลไม้ตามฤดูกาล ชา กาแฟ น้ำผลไม้ ขนมปัง เบเกอรี่มีครบ อิ่มฟินกันไปสำหรับมื้อเช้า ได้ทานมื้อเช้ากับคนรู้ใจแบบนี้
เป็นความสุขเล็กๆ ที่ตามหาสำหรับมื้อเช้าถ้าไม่ได้ทานในห้องพัก
ก็สามารถมาทาน
ห้องอาหารอิตาเลียน “ฟาโวล่า” (Favola) ได้ค่ะ
ห้องอาหารอิตาเลียน “ฟาโวล่า” (Favola)
เป็นห้องอาหารอิตาเลียน
ที่คงไว้ซึ่งรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์
ปรุงสดใหม่อย่างพิถีพิถันโดยเชฟชาวอิตาเลียน
และเพิ่มความอร่อยให้มื้ออาหารมากยิ่งขึ้น
อีกด้วยไวน์ชั้นนำหลากหลายมากกว่า 100 ชนิด
ที่พร้อมคัดสรรและให้คำแนะนำ
โดยผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์
เพื่อจับคู่กับอาหารจานโปรด
ให้เข้ากันอย่างลงตัวที่ห้องอาหารฟาโวล่า
เดิมทีห้องอาหารนี้เป็นห้องอาหารอิตาเลี่ยน
แต่ในยุค New Normal แบบนี้
ทางโรงแรมจึงเลือกห้องอาหารที่ดีที่สุด
เปิดบริการเป็นแบบ All Day Dining มื้อเช้า ถึง มื้อค่ำ
และนำอาหาร เมนูซิกเนเจอร์จากห้องอาหารอื่น
มารวมไว้ที่นี่ที่เดียวบรรยากาศภายในห้องอาหาร สวยงามมาก สำหรับในมื้อเช้า เค้าจะเสิร์ฟเป็น A la Carte
สั่งได้ไม่อั้นจากเมนูอิ้มก็เลือกทานเบาๆ พอค่ะ 😀 เค้าเสิร์ฟมาในขนาดที่พอดี
อาหารแต่ละจานอร่อยมาก โดยเฉพาะอาหารไทยสำหรับมื้อกลางวัน อิ้มแนะนำมาลองอาหารอิตาเลียน
ที่นี่อร่อยหลายอย่างเลยค่ะจานนี้เป็น Insalata di Rucola จานนี้ความพิเศษจะอยู่ที่ไข่แดงที่นำไปดองจนเค็ม
นำมาขูดเป็นฝอยๆ โรยหน้า
ชูรสชาติขึ้นมาได้โดดเด่นมากซุปเห็ดค่ะ มีกลิ่นน้ำมันทรัฟเฟิลเบาๆ หอมๆ ละมุนๆ Risotto allo scoglio
จานนี้เป็นรีซอตโต ซีฟู้ด ส่วนตัวอิ้มชอบมาก
เพราะตัวข้าวไม่แข็ง ไม่เละ ทำได้พอดี
ตัวซีฟู้ดสดมาก ทำให้ผสมผสานกับซอส
และรสชาติของข้าวได้อย่างลงตัวเป็นช่วงเวลาอันอบอุ่น ในส่วนของมื้อเย็น
เราก็ทานอาหารที่ Favola อาหารเค้าอร่อยถูกปาก
และราคาไม่แรงด้วยนะ
ใครไม่ได้พักก็สามารถแวะมาทานได้ค่ะมื้อเย็นอิ้มลองทานแบบหลากหลายสไตล์
อย่างจานแรกเป็น Calamari
Calamari ที่นี่จะไม่เหมือนที่อื่นเลยค่ะ
อร่อย ทานง่าย ไม่มัน แป้งน้อยและบางกรอบ
ทานเพลินๆ หมดไวไม่รู้ตัวต่อมาเป็นพิซซ่า อิ้มสั่งเป็น Half/half
หน้า 4 Chees และ Favola
พิซซ่า แป้งบาง หน้าแน่น ชีสตู้ม
คนรักพิซซ่าห้ามพลาดดดจานนี้ต้องลองเช่นกัน
เป็นอาหารพื้นเมืองที่มีชื่อว่า
หมูสามชั้นคั่วเห็ด
เป็นเมนูโปรดของอิ้มเลยค่ะ ชอบทานมากก
ตั้งแต่คราวที่แล้ว
จานนี้มีความเป็นอาหารเหนือที่ทานง่ายค่ะ
ใครอยากลองทานอาหารเมือแนะนำให้สั่ง
รสชาติจะเหมือนแกงแคแบบแห้ง
หอมกลิ่นข้าวคั่วสุดๆจานนี้เป็น Pork Chop ชิ้นใหญ่ หนา และย่างออกมาได้นุ่ม
ทานคู่กับซอสสูตรพิเศษ เข้ากันอย่างลงตัวมื้อนี้อิ้มแฮปพรี่มากค่า 😀 ทานอาหารคาวเสร็จแล้ว
ต้องเติมหวานกันหน่อย อิ้มมาที่
“ละติจูด”บาร์ (Latitude 18)
ตอนนี้เค้ามีเสิร์ฟอาฟเตอร์นูนทีด้วยค่ะในเซ็ตคือมีขนมแบบจุกๆ น่าตาน่าทานมากกกก ทานคุ่ชาร้อนคือดีย์ ถูกใจอิ้มมากกก สายอาฟเตอร์นูนทีห้ามพลาดด การมาพักที่นี่ ไม่เคยทำให้เราสองคนผิดหวัง
ด้วยทุกๆ อย่างของที่นี่
ทำให้เราเลือกเป็นสถานที่ ที่เราชอบมาก
และอยากมาพักผ่อนในทุกๆ ปี
เรียกว่า พักผ่อนได้อย่างเต็มที่
และเติมความสุขได้อย่างล้นหัวใจจริงๆส่งท้ายความสุขในรีวิวด้วยภาพนี้นะคะ
ก่อนรีวิวนี้จะจบลง
ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามจนมาถึงบรรทัดนี้
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์
ขอบคุณทุกไลค์ ขอบคุณทุกแชร์
เป็นกำลังใจที่ดีในการทำรีวิวมากๆ
ถ้าชอบก็ฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะคะ
อัพเดทเรื่องกิน เช็กอินเรื่องเที่ยว ได้ที่นี่
psstory เรื่องราวดีๆในการเดินทาง
แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้านะคะ สวัสดีค่ะ
ช่องทางติดต่อเรา
http://www.psstorytrip.com
http://www.facebook.com/psstorytrip
http://www.instagram.com/psstorytrip
http://www.youtube.com/psstorytrip