ฮัลโหลสวัสดีค่า
วันนี้อิ้มจะพาทุกท่าน
ไปตระเวนกินรอบกรุงให้พุงแตกกันไปเลย อิอิ
แต่การจะไปตระเวนกินใน กทม แบบนี้
อาจจะยาก และเหนื่อยหน่อย
หลายๆ ครั้งอิ้มว่าจะมา
แต่ก็ต้องกังวล
เพราะไหนจะรถติด
ไหนจะเรื่องหาที่จอดรถ
คิดไปวนมาปวดหัว ก็อดไปทุกที
แต่วันนี้อิ้มมีตัวช่วยดีๆ มาฝาก
เรียกว่าครั้งนี้ อิ้มฟินมากกก
เพราะว่าได้ตัวช่วยดีๆ
ในการเดินทางอย่าง Elephant Go Go
Hop-On Hop-Off Bus Tour
นั่งรถบัสเปิดประทุนเที่ยวรอบกรุงเทพ
และยังตามล่าของกินอร่อยๆ
ในเมืองได้อย่างง่ายดาย
Elephant Go Go
คือรถบัสเปิดประทุน
มีความทันสมัยและสะดวกสบายมากก
เค้าเป็นเจ้าแรกในประเทศไทย
ที่ให้บริการรถทัวร์บัส
แบบ Hop-On Hop-Off 2 ชั้น
ที่มีพื้นที่ทั้งด้านในและด้านนอก Open Air
ที่นั่งใหญ่สะดวกสบาย
เอาจริงๆ ตอนแรกอิ้มตั้งใจว่า
จะไปนั่งรถตระเวนหาของกิน ชิลๆ
แต่กลายเป็นได้สาระ
และ รับรู้เรื่องราวของกรุงเทพฯ ไปด้วยจ้า
เพราะระหว่างอยู่บนรถ
นักท่องเที่ยวทุกคนจะได้รับหูฟัง
และสามารถเลือกภาษา
การบรรยายระหว่างเส้นทางทัวร์
ได้ถึง 7 ภาษาดังนี้
ไทย,จีน,เกาหลี, อังกฤษ
เยอรมัน ฝรั่งเศส และสเปน
เป็นการเที่ยวกรุงเทพฯ
ที่คูลลลมากกกก
ใครมีเพื่อนเป็นชาวต่างชาติ
หรือใครอยากมาเที่ยวกรุงเทพฯ ครั้งแรก
พามาเลยจ้า คือเหมาะจริงๆ
และระบบของ Elephant Go Go
เค้าดีงามมาก
เป็นเหมือน Personal Tour Guide
เราสร้างตารางการท่องเที่ยวแบบส่วนตัว
สามารถจัดตารางเวลาตัวเองได้
และปรับเปลี่ยนการไปยังจุดต่างๆ
ตามเวลาที่สะดวก
ระหว่างที่มาขึ้นรถ
อิ้มแนะนำให้โหลด App
ของ Elephant Go Go มาไว้เลย
เพราะใน App จะมีจุดท่องเที่ยว
ที่รถจะหยุดอย่างละเอียด ใช้งานง่าย
และยังมีข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว local ใกล้เคียง
รวมถึงข้อมูลสิ่งที่น่าสนใจ
เช่นร้านอาหาร แหล่งช๊อปปิ้ง แลนด์มาร์ก
และเกร็ดสาระสำคัญ
ตามตรอกซอกซอยในระแวกนั้นด้วย
อ้อๆๆ แล้วที่สำคัญ
เค้ายังมี GPS ที่แทรครถบัส
เพื่อทำให้นักท่องเที่ยว
สามารถเช็คเวลารถคันต่อไป
ที่จะมาถึงจุดจอดรถ
สะดวกสบายมาก
โดยรวมอิ้มชอบมากกก
เพราะสามารถใช้เวลาและเที่ยว
ได้แบบจุใจหลายที่ในเวลา 1 วัน
ไม่ต้องไม่ต้องขับรถ
ไม่ต้องเสียเวลาหาที่จอดรถ
เที่ยวเมืองกรุง แบบง่ายดาย
ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ
สำหรับราคาตั๋วเค้าก็จะมีตั้งแต่
One Day pass ราคา 800 บาท
Two Day Pass ราคา 1,200 บาท
Three Day Pass ราคา 1,500 บาท
อิ้มเที่ยวเป็นแบบ One Day pass
ราคา 800 บาท ต่อคนนะคะ
ตอนนี้มีเรทราคาพิเศษสำหรับคนไทยด้วยนะค๊าาา
Thai Residence Rate
เพียงแค่มาที่เค้าท์เตอร์เรา
แล้วแสดงบัตรประชาชน
ก็จะได้ส่วนลดทันที่ 50% เท่านั้นค่ะ
เอาหล่ะ อิ้มจะพาไปกินไปเที่ยวที่ไหนบ้าง
ตามอ่านต่อในรีวิวได้เลยค่า
ช่องทางการติดต่อซื้อตั๋ว
Website : elephantgogo.com
Facebook : elephantgogobustour
E-mail : contact@elephantgogo.com
Whatsapp\Tel. : (+66) 91 771 1234
ช่องทางการติดต่อ Psstory
Facebook Page : https://www.facebook.com/psstorytrip
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDbovnzcEgLS-l5NFi1tj3Q
IG : https://www.instagram.com/psstorytrip/
E mail : amim_97@hotmail.com
สามารถรับชมเป็นแบบคลิปวีดีโอได้ที่นี่ อย่าลืมกด HD เพื่อความชัดในการรับชม
แล้วอย่าลืมกดติดตาม กด subscribe กดไลก์ กดแชร์ให้เก๊าด้วยนะทุกคน
สำหรับการจองตั๋วก็สามารถทำได้หลายช่องทาง
ผ่าน http://www.elephantgogo.com
ผ่าน Application
ผ่านช่องทางเอเจนซี่ต่าง
หรือจะมาซื้อตั๋วตามจุดจำหน่ายต่างๆ
เช่น หน้าตึก King Power มหานคร
และ Siam Paragon ได้เลยค่ะ
สำหรับราคาตั๋วเค้าก็จะมีตั้งแต่
One Day pass ราคา 800 บาท
Two Day Pass ราคา 1,200 บาท
Three Day Pass ราคา 1,500 บาท
อิ้มเที่ยวเป็นแบบ One Day pass
ราคา 800 บาท ต่อคนนะคะ
หากจองผ่านเวบไซด์ หรือผ่าน App มา
จะต้องมาแลกตั๋ว
ที่หน้าตึก King Power มหานคร
พอเราแลกตั๋วเสร็จ
เค้าก็จะให้แผนที่เส้นทางเดินรถมาด้วยค่ะ
และตั๋วนี้ต้องเก็บไว้ให้ดี
ห้ามทำหายนะ
เพราะระหว่างเราขึ้นลงรถ
จะต้องแสดงตั๋วกับคนขับรถทุกครั้ง
สำหรับตั๋ว 1 วัน
จะมีอายุการใช้งาน 24 ชั่วโมง
แต่รถไม่ได้วิ่ง 24 ชั่วโมงนะคะ
จะเริ่มวิ่งรอบแรกตั้งแต่ 9 โมง ไปจนถึง 16.20 น.
อย่างอิ้มได้รอบตั๋วตอน 08.32 น.
ก็จะใช้ได้ถึงวันถัดไป 08.32 น
แต่รถวิ่งรอบแรกเก้าโมง
คืออิ้มต้องเที่ยวให้จบภายในวันเดียว
แต่สำหรับบางคนมาซื้อรอบเที่ยง
ก็จะสามารถมาเริ่มใช้วันถัดไป
ตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึงเที่ยงวันได้ค่ะ
สำหรับเส้นทางเดินรถ
จะมีรถออกทุกๆ 40 นาที
โดยเริ่มต้นการเดินทางจาก ตึก King Power มหานคร
และวนรอบกรุงเทพ 16 จุดดังนี้
1. ตึกมหานคร
2. ตลาดพัฒน์พงศ์
3. Siam Paragon
4. MBK Center
5. SAMYAN MITRTOWN
/ Wat Hualumpong
6. วัดไตรมิตร
7. เยาวราช
8. Grand China Hotel
/ Dragon Temple Kammalawat
9. โลหะปราสาท ประตูผี
10. ถนนข้าวสาร
11. เสาชิงช้า
12. วัดโพธิ์
13. สนามหลวง
14. วัดระฆังโฆสิตาราม
15. วัดอรุณราชวราราม
16. ICONSIAM
ลองวางแผนการท่องเที่ยวดูนะคะ
อิ้มแนะนำให้โหลด App
ของ Elephant Go Go มาไว้เลย
เพราะใน App จะมีจุดท่องเที่ยว
ที่รถจะหยุดอย่างละเอียด ใช้งานง่าย
และยังมีข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว local ใกล้เคียง
รวมถึงข้อมูลสิ่งที่น่าสนใจ
เช่นร้านอาหาร แหล่งช๊อปปิ้ง แลนด์มาร์ก
และเกร็ดสาระสำคัญ
ตามตรอกซอกซอยในระแวกนั้นด้วย
ซื้อตั๋วก็ง่าย เอาไว้เป็นข้อมูลท่องเที่ยวก็ดี
อ้อๆๆ แล้วที่สำคัญ
เค้ายังมี GPS ที่แทรครถบัส
เพื่อทำให้นักท่องเที่ยว
สามารถเช็คเวลารถคันต่อไป
ที่จะมาถึงจุดจอดรถ ตามเวลา ไม่ต้องรอนาน
สะดวกสบายมาก
อิ้มชอบมากกก
เพราะสามารถใช้เวลาและเที่ยว
ได้แบบจุใจหลายที่ในเวลา 1 วัน
ไม่ต้องไม่ต้องขับรถ
ไม่ต้องเสียเวลาหาที่จอดรถ
เที่ยวเมืองกรุง แบบง่ายดาย
ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ
มีไกด์ทั้งแหล่งช็อปปิ้ง ,โรงแรม , ร้านอาหาร
เช็คได้เลยว่ารถอยู่จุดไหนบ้าง
จะได้ไม่ต้องมายืนรอนาน
Elephant Go Go
คือรถบัสเปิดประทุน
ที่มีความทันสมัยและสะดวกสบายมากก
เค้าเป็นเจ้าแรกในประเทศไทย
ที่ให้บริการรถทัวร์บัส
แบบ Hop-On Hop-Off 2 ชั้น
ที่มีพื้นที่ทั้งด้านในและด้านนอก Open Air
ที่นั่งใหญ่สะดวกสบาย
เรียกว่า ตรงเวลาเป๊ะๆ
มาถึงก่อนเก้าโมง
เพื่อเช็คสภาพรถ
และมีการตรวจแอลกอฮอล์
คนขับรถ เพื่อความปลอดภัยด้วยนะคะ
เตรียมพุง พร้อมแล้ว เตรียมตัวไปตะลุยกินกันเล้ยย
เข้ามาด้านในรถนะคะ
ชั้นล่างจะเป็นที่นั่งสำหรับ เด็ก คนชรา
และคนที่ไม่อยากนั่งด้านบน
แต่อิ้มเลือกที่จะนั่งชั้นสองค่ะ
เพราะหลังคาเค้าจะเป็นแบบโปร่งแสง
มองวิวโล่งๆ เห็นท้องฟ้ากรุงเทพฯ
ได้อย่างสบายตา
และไม่ต้องกลัวร้อนนะ
เพราะเห็นโปร่งๆ แบบนี้แต่แอร์บนรถเย็นมาก
ใครอยากนั่งด้านนอก
ก็เปิดประตูด้านหน้าออกไปได้เลยจ้า
เป็นแบบ Open Airs รับลมเย็นๆ สบายๆ
ระหว่างอยู่บนรถ
นักท่องเที่ยวทุกคนจะได้รับหูฟัง
และสามารถเลือกภาษา
การบรรยายระหว่างเส้นทางทัวร์
ได้ถึง 7 ภาษาดังนี้
ไทย,จีน,เกาหลี,อังกฤษ
เยอรมัน ฝรั่งเศส และสเปน
เป็นการเที่ยวกรุงเทพฯ
ที่คูลลลมากกกก
ใครมีเพื่อนเป็นชาวต่างชาติ
หรือใครอยากมาเที่ยวกรุงเทพฯ ครั้งแรก
พามาเลยจ้า คือเหมาะจริงๆ
หูฟังที่ให้จะเป็นของใหม่แบบใช้ครั้งเดียว
ให้ลูกค้านำกลับบ้านได้เลย
รถจะออกจากสถานีแรก เวลา 09.00 น. เป๊ะๆ
เค้าจะผ่านสถานที่สำคัญๆ มากมาย
1. ตึกมหานคร
2. ตลาดพัฒน์พงศ์
3. Siam Paragon
4. MBK Center
อิ้มผ่านทั้ง 4 จุดแรกไปก่อน
เพราะทริปวันนี้คือตะลุยกิน
ไว้วันหลังมาตะลุยช็อป
จะไม่พลาด จุด 3 กับ 4 เลยค่า อิอิ
และจุดแรกที่อิ้มแวะก็คือ
จุดที่ 5. SAMYAN MITRTOWN ค๊า
พอรถจอดให้เราลงจุดไหนต้องจำให้ดี
เพราะขากลับ
เราต้องมาขึ้นรถกลับตรงจุดเดิมที่เค้ามาส่งค่ะ
อิ้มมาเช้า
SAMYAN MITRTOWN ยังไม่เปิด
เลยขอเริ่มหาของกินอร่อยๆ
แถวๆ สามย่านก่อนแล้วกันน๊า
มาเริ่มกันเล้ยย
1. ร้านข้าวหมกไก่สามย่าน
ร้านนี้อยู่หลัง U-Center 1 จุฬาฯ
นอกจากข้าวหมกไก่ที่อร่อยลงตัว
กับหอมเจียวกรอบๆ แล้ว
เค้ายังมีซุปต่างๆ ให้ลิ้มลองมากมาย
แต่เดี๋ยวเราไปทานหลายร้าน
อิ้มขอเผื่อท้องไว้ก่อน
ขอลองเป็น ข้าวหมกไก่ อย่างเดียว
ถึงแม้ร้านจะไม่ได้เปิดมายาวนาน
แต่อิ้มว่า ข้าวหมกไก่ของเค้า
เรียกว่าสำเนาถูกต้องเลยนะ
ทั้งเม็ดข้าวที่ร่วนๆ เม็ดเรียวไม่แฉะ
ไก่ชิ้นกำลังดี แต่แห้งไปนิด
แล้วก็หอมเจียวที่ให้มาแบบไม่หวง
พร้อมน้ำจิ้ม รสเผ็ดเปรี้ยว
สีเขียว แบบสำเนาถูกต้อง
สำหรับ ราคาก็จานละ 50 บาท
โดยรวมเป็นร้านข้าวหมกไก่
ที่อร่อยมากเจ้านึงเลยนะ
ใครผ่านมาแถวนี้ แวะทานกันได้เลยจ้า
เปิดทุกวัน เวลา 07.30 – 14.30 น.
2. Tokyo Sweets
ร้านอยู่ตรงข้าม
กับข้าวหมกไก่สามย่านเลยจ้า
“Tokyo Sweets” เป็นคาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่น
เสิร์ฟขนมสุดว้าวที่สายหวานเป็นปลื้ม!
เมนูที่โด่งดังมากก็คือ ไดฟุกุสตรอว์
ก่อนเข้าร้านจะเจออุ๋งก่อน
แวะถ่ายรูปกับน้องเค้าหน่อย
เข้ามาในร้าน บอกเลยว่าคิ้วท์เวอร์
เมนูก็มีทั้ง Strawberry Daifuku
Mochi Cream
Mochi Mochi
โมจิแมวน้ำตัวอ้วน สุดน่ารัก
ที่ใครเห็นเป็นต้องห้ามพลาด
ส่วนตัวอิ้ม Strawberry Daifuku
และ Mochi Mochi อุ๋ง
อิ้มเลือกรสเมล่อน กับส้มยุซึ
คือหอมอร่อย ละมุนลิ้นมากก
นอกจากนั้น
เค้ายังมีเมนูอื่นให้ลิ้มลองอีกมากมาย
ใครสายคาเฟ่ ห้ามพลาด
เปิดบริการทุกวัน : 08.00–19.00 น
3. ต้มเลือดหมูจุฬา9 นายยิ๊งเจ้าเก่า
ร้านนี้ถือว่าเป็นตำนานก็ว่าได้
เพราะเค้าเปิดขายมานานกว่า 50 ปี
แต่เดิมร้านนี้ขายแค่เกาเหลาเลือดหมู
ต่อมาจนถึงปัจจุบันนี้เป็นรุ่นที่ 2
จึงได้พัฒนาให้มีเมนูให้เลือกมากขึ้น
แต่ยังคงสูตรเด็ด ต้มเลือดหมู
ระดับตำนาน ไว้อย่างดีเยี่ยม
เกาเหลาเลือดหมู (ธรรมดา40 บาท)
ทีเด็ดชามนี้อยู่ที่เครื่องในต่างๆ
เช่น ไส้ใหญ่ ไส้อ่อน ปอด เซี่ยงจี๊ และ ตับ
ล้างสะอาดไม่คาวสักนิด
และนำไปหมักพริกไทย
มีความหอมมากก
ที่สำคัญ วัตถุดิบเค้าชิ้นใหญ่มาก
เลือดชิ้นใหญ่กว่าช้อน
เซี่ยงจี้ ชิ้นเท่าช้อนเลยจ้า
นอกจากนี้ยังมี หมูกรอบ หมูชิ้น หมูสับ
ใส่มาพร้อมกับจิงจูฉ่ายเอกลักษณ์ของร้านนี้
ตัวน้ำซุปรสกลมกล่อมออกเผ็ดพริกไทย
ทานกับกินกับข้าวสวยร้อนๆ
ปรุงน้ำจิ้ม พริกป่น น้ำปลา หน่อย อร่อยฟิน
เป็นต้มเลือดหมูที่อิ้มว่าอร่อยที่สุดแล้ว
ตั้งแต่ที่เคยทานมา
เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 5:30 น. – 14:00 น.
สามย่าน จัดไป 3 ร้านเบาๆ
ทานเสร็จอิ้มก็เปิด App
เพื่อดูเวลาและกลับไปขึ้นรถ
ณ จุดที่เค้ามาส่ง
บนรถจะมี GPS เชื่อมต่อกับ App
เราจะเห็นว่ารถออกมาและถึงไหนแบบ Real Time
เราไม่ต้องมายืนรอรถร้อนๆ
เรียกว่าสะดวกสบายมาก
ระหว่างนั่งรถ
ก็จะผ่านสถานที่สำคัญหลากหลาย
อิ้มก็ถ่ายภาพเพลินเลยค่ะ
อย่างตอนนี้ถึงหัวลำโพงแล้วจ้า
ตอนนี้มาถึง สถานีที่ 6. วัดไตรมิตร แล้วค่ะ
ตรงนี้อิ้มไม่ได้ลงนะ
ขอถ่ายภาพจากบนรถ มุมนี้ก็สวยมากแล้ว
เดินออกมาถ่ายโซน Outdoor จะได้มุมประมาณนี้ค่ะ
ต่อไปเรียกว่าเป็นไฮไลท์ของเส้นทางนี้เลยนะ
เพราะว่ารถกำลังจะผ่านเส้นเยาวราช
เอาจริงๆ ไม่เคยชมเยาวราชในมุมสูงแบบนี้
เป็นมุมที่ถ่ายภาพสวยมาก
จริงๆ สถานีเยาวราช
เค้าก็มีป้ายจอดให้ลงนะ
ถ้าไม่ติดว่าจะรอถ่ายภาพเหมือนอิ้มก็ลงได้เลย
แต่ถ้าอยากได้ภาพสวยๆ
ก็นั่งเลยไปนิด
ไปลง สถานีที่ 8. Grand China Hotel
แล้วเดินย้อนมานิดนึงก็ได้จ้า
กดไปหลายช็อตมากกก
อิ้มมาลงที่สถานีที่ 8.
Grand China Hotel
จากนั้นก็เริ่มตามล่าลายแทงของอร่อยกันต่อค่ะ
4. เจ๊เบญโอเดี้ยน ก๋วยเตี๋ยวผัดงี่เง่า
ร้านนี้เปิดขายมา 40 กว่าปีแล้วนะ
หลายคนอาจจะงงกับชื่อเมนู
ก๋วยเตี๋ยวผัดงี่เง่า
เจ๊เบญเล่าให้ฟังว่า
หลานชายแกเป็นเด็กกินยากมาก
ทำอะไรให้ทานก็ไม่ทาน
จนแกโมโหบอกกับหลานว่า
เดี๋ยวจะผัดก๋วยเตี๋ยวงี่เง่าให้ทาน
โดยผัดเส้นก๋วยเตี๋ยวมั่วๆ
ลงไปให้หลานทาน
ปรากฏว่าหลานชอบเรียกร้องให้ผัดอีกหลายรอบ
จนลูกค้าเห็นเลยสั่งตามบ้าง
จึงกลายเป็นเมนูเด็ด
ประจำร้านมาจนถึงทุกวันนี้
ปล ถ้าไม่ติดว่าต้องไปถ่ายภาพ
มุมเยาวราชเหมือนอิ้ม
แนะนำลงสถานีวัดไตรมิตร
แล้วเดินมานิดเดียวก็ถึงค่ะ
เมนูทุกอย่าง ราคา 100 บาท
เมนูที่อิ้มสั่งก็คือ
“ก๋วยเตี๋ยวผัดงี่เง่า”
อารมณ์เหมือนก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่
แต่ความดีงามก็คือ เค้าจะใส่ซีฟู้ดลงไปด้วย
เช่นกุ้งตัวใหญ่ ปลาหมึก
เพิ่มเติมด้วยหมูเด้งสูตรพิเศษของทางร้าน
ต้องบอกว่าอร่อยมาก
คือรสชาติ ออริจินอลมาก
หอมกลิ่นคั่วกระทะ สุดๆ
อร่อยลงตัว คุ้มค่าที่เดินมาไกลจริงๆ 5555
นอกจากนั้น อิ้มสั่งสุกี้แห้งมาทานด้วย
อร่อยไม่แพ้กัน
“ร้านเจ้เบญโอเดี้ยน”
ตั้งอยู่ปากซอยเยาวราชซอย1
สังเกตุง่ายๆ เป็นร้านรถกระบะ
(ตั้งอยู่หน้า 7-11)
ร้านเปิด 10.00 -15.00 น. หยุดจันทร์เว้นจันทร์
5. “โอเดียน เกี๊ยวหมี่ปูทะเล”
ร้านบะหมี่ปูก้ามโต
ขวัญใจนักกินย่านเยาวราช
“โอเดียน เกี๊ยวหมี่ปูทะเล”
ร้านบะหมี่ก้ามปูยักษ์ สูตรลับจากฮ่องกง
คุณภาพคับชามแห่งเยาวราช
ร้านนี้เปิดมา 14 ปี
ลูกค้ามีทั้งคนไทยและต่างชาติ
ร้านนี้จะดังเรื่องบะหมี่ก้ามปู
ซึ่งจะมีก้ามปูชิ้นใหญ่ๆ ในบะหมี่
ราคาถ้วยละ 150 บาท – 550 บาท
ส่วนตัวอิ้มว่าเมนูนี้แพงไปเลยไม่ได้สั่งทาน
อิ้มสั่งเมนูชื่อว่า หรูหรา
ราคา 70 บาท
ในถ้วยก็จะมี บะหมี่ เนื้อปู เกี๊ยว หมูแดง
ซึ่งอิ้มว่า ตัวบะหมี่ ค่อนข้างอร่อย
ลวกกำลังดี น้ำซุปกลมกล่อม
แต่ที่ดีมากคือเกี๊ยว เกี๊ยวอร่อยมาก
มาแล้วต้องสั่งเกี๊ยว
ไม่งั้นจะเสียใจ
ร้านเปิดทุกวัน เวลา 8.30-20.00 น
หยุดทุกวันอังคารที่สอง
และอังคารสุดท้ายของเดือน
6. ร้านลอดช่องสิงคโปร์
เดินเลยบะหมี่มาอีกนิด
จะเจอร้านลอดช่องสิงคโปร์
ซึ่งร้านนี้เป็นร้านแรกของเมืองไทย
ขายมานานกว่า 60 ปี
เดิมทีชื่อว่าร้านสิงคโปร์โภชนา
เพราะสมัยก่อนมีโรงหนังสิงคโปร์
หรือโรงหนังเฉลิมบุรีอยู่บนถนนเส้นนี้
แต่ต่อมาหลายคนมักเรียกสั้นๆ ว่า
ร้านลอดช่องสิงคโปร์
จึงเปลี่ยนชื่อให้จำง่ายๆ
ว่าร้านลอดช่องสิงคโปร์แทน
ความอร่อยของร้านนี้คือแป้งหนึบๆ
น้ำกะทิหอมหวาน
ส่วนตัวชอบเพราะไม่หวานมาก
อร่อย ทานแล้วสดชื่น
ราคา 20 บาท/ถ้วย เท่านั้น
เวลาเปิด : ทุกวันยกเว้นวันพฤหัสบดี
ตั้งแต่ เวลา 11.00-22.00 น.
7. ร้านข้าวมันไก่แปลงนาม
ร้านนี้เป็นข้าวมันไก่เจ้าเก่าเปิดมานานกว่า 70 ปี
เจ้าแรกและเจ้าเดียวที่ซอยแปลงนาม
ข้าวมันไก่ที่นี่
เขาจะเน้นที่สุดคือคุณภาพของเนื้อไก่
ใช้เป็นเนื้อไก่ตอนพันธุ์ไทย
ใครที่เป็นแฟนข้าวมันไก่
ก็จะรู้ว่าคุณภาพของไก่ตอน
กับไม่ตอนเนี่ยต่างกันสุดๆ
ซึ่งของที่นี่ดีมาก ไก่ฉ่ำ ไม่แห้ง อร่อยมาก
และที่ชอบอีกอย่างก็คือน้ำจิ้ม
เป็นน้ำจิ้มแบบครบรสมาก
เค้าใส่พริกขี้หนูสับ
และขิงกระเทียมลงไป
ทานคู่กันลงตัวสุดๆ
เป็นข้าวมันไก่อีกร้านที่ชอบเลยค่ะ
เปิดทุกวัน 08.00 – 19.30 น.
8. หอยทอดเท็กซัส
ร้านนี้เป็นร้านหอยทอดชื่อดังแห่งเยาวราช
เปิดขายมานานกว่า 70 ปี
ปัจจุบัน เป็นรุ่นที่ 3 ที่ดูแล
อิ้มลองทานเป็นหอยนางรมทอด 80 บาท
และขนมผักกาด ราคา 40 บาท
ผัดขนมผักกาด
นำมาผัดกับไข่ ตัวแป้งหอม
ทานเพลินไ ใช้ได้เลย
หอยนางรมทอด (แป้งนุ่ม)
ตัวแป้งนุ่มใช้ได้ หอยนางรมตัวใหญ่
มีความ สดหวาน
ทานคู่กับน้ำจิ้ม คืออร่อยใช้ได้
ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่ 9.00 – 18.00 น.
(หยุดขายช่วงเทศกาลกินเจ)
อิ่มพุงตึงแล้ว เราก็กลับไปขึ้นรถที่
Grand China Hotel เหมือนเดิม
ระหว่างนี้รถก็จะขับผ่านสถานที่สำคัญต่างๆ
ทั้งสถานีที่ 9. โลหะปราสาท ประตูผี
และสถานีที่ 10. ถนนข้าวสาร
และอีกมากมายที่อิ้มถ่ายภาพไม่ทัน
มุมนี้เป็นอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ถ่ายจากบนรถ ได้ต้องเดินลงไปให้ร้อน
จุดจอดต่อไปคือ สถานีที่ 11. เสาชิงช้า
แหม มาแถวนี้จะพลาดของกินอร่อยๆ
แถวเสาชิงช้าได้อย่างไร
9. นายอ้วนเย็นตาโฟบะเต็ง เสาชิงช้า
ร้านนายอ้วนเย็นตาโฟ
เขาเปิดกันมาตั้งแต่รุ่นอากงอาม่าแล้วนะ
ปัจจุบันก็ส่งต่อกันมา
จนถึงรุ่นลูกหลานรวมๆ แล้วก็ 50 ปี
ที่นี่เป็นเย็นตาโฟบะเต็งสูตรเด็ดดั้งเดิม !!
ร้านนี้เรียกว่ามีรางวัล
มิชลินความอร่อยด้วยนะ
อิ้มสั่งเย็นตาโฟ และเกาหลาโฟ
ถ้วยละ 60 บาท
จะบอกว่าอร่อยมากกก
มีความเปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด
แบบนัวๆ ผสมกันเป็นรสชาติอร่อยจริงจัง
ตัวบะเต็ง เค้าก็อร่อยมาก
ถูกใจสุดๆ เลย ใครมาเสาชิงช้าห้ามพลาดนะ
เปิด-ปิด : จันทร์-ศุกร์ 09:00-20:00 น.,
เสาร์-อาทิตย์ 09:00-16:00 น.
10. ราดหน้ายอดผัก (สูตร 40 ปี)
ราดหน้ายอดผัก สูตร 40 ปี
ร้านอร่อยในตำนาน
ที่หลายคนรู้จักกันดี
จุดเด่นของร้านนี้
คือการคัดสรรวัตถุดิบชั้นดี
ทั้งการเลือกเส้น เนื้อหมู แป้ง ผักคะน้า
ล้วนเลือกแต่ของดี
เพื่อให้ราดหน้าออกมารสชาติดี
อิ้มสั่งเส้นหมี่ราดหน้า
และหมูสเต๊ะมาทาน
ตัวราดหน้าเส้นหมี่
ทางร้านผัดเส้นนุ่มๆ
หอมกลิ่นกระทะมาก
หมูที่หมักและคะน้าสดใหม่
เวลาทานคือมีความกรอบของผัก
และความนุ่มของเนื้อหมู
น้ำราดหอมและกลอมกล่อม
ราคา 60 บาท
ให้เยอะ ทานหมดจานแทบจุกเลยจ้า
ส่วนหมูสะเต๊ะ ขนาดไม้กำลังพอดี
ย่างไม่แห้ง มีความนุ่มๆ
น้ำจิ้มหมูสะเต๊ะเข้มข้น
ทานเพลินๆ แป๊ปเดียวหมด
ร้านเปิดทุกวัน เวลา 09.00-21.00 น.
ปิดท้ายวันนี้ด้วยร้านนี้ค่ะ
11. มนต์ นมสด
ตำนานความอร่อย
ของร้านขนมปัง-นมสด กว่า 50 ปี
ร้านเปิดบ่ายสอง ปิด 5 ทุ่ม
พอร้านเปิดปุ๊ป คนก็แน่นมากกก
ใครชอบทาน พวกขนมปังปิ้ง
นมสด ก็มาทานดูนะค๊า อร่อยใช้ได้เลย
ทานเสร็จเปิด App รถยังไม่มาก็ไปศาลเจ้าพ่อเสือต่อ
เสร็จแล้วก็กลับมาขึ้นรถเหมือนเดิมที่สถานีเสาชิงช้า
ปิดท้ายด้วยการมาไหว้พระ
ที่สถานี 12. วัดโพธิ์ ค่ะ
วัดโพธิ์ หรือชื่อที่เป็นทางการว่า
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร
หรือในสมัยก่อนเรียก
วัดโพธาราม เ
ป็นวัดเก่าแก่ที่อยู่คู่บ้านคู่เมือง
มาตั้งแต่สมัยรัชการที่ 1
สมัยก่อน ภายในวัด
จะเป็นที่จารึกของวิชา
ตำราแขนงต่างๆหลายแขนง
ซึ่งเปรียบเสมือนแหล่งให้ความรู้
เปรียบได้กับว่า
เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศ
ปัจจุบันวัดโพธิ์
ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกความทรงจำโลก
เมื่อ มีนาคม พ.ศ.2551
ครั้งหนึ่งในช่วงก่อนสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์
ได้มีภาพยนตร์ไทยเรื่องหนึ่ง
ที่มีชื่อว่า “ท่าเตียน”
สมัยนั้นต้องเรียกว่าแนว อภินิหาร
ผู้ที่ได้ชมต่างมีอาการตื่นเต้นเร้าใจ
เพราะภาพในหนัง
นำเสนอยักษ์สองฝ่ายตัวสูงเทียมฟ้า
โรมรันพันตูกันกลางกรุงเทพ!
ฝ่ายหนึ่งนั้นมาจากฝั่งธนฯ
ส่วนอีกฝ่ายมาจากพระนคร
สาเหตุของการวิวาทก็
ตีกันราวกับวัยรุ่น
แต่สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน
ร้านตลาดบริเวณนั้นอย่างสาหัส
และลงท้ายด้วยการถูกลงโทษด้วยกันทั้งคู่
เรื่อง “ยักษ์วัดแจ้งกับยักษ์วัดโพธิ์”
ก็คือตำนานของ “ท่าเตียน”
ท่าเรือที่อยู่ติดกับวัดโพธิ์
แห่งนี้มาจนถึงปัจจุบัน
อิ่มอกอิ่มใจ อิ่มพุง
กันมากๆ สำหรับทริปนี้นะคะ
จริงยังมีสถานีที่น่าสนใจ
น่าแวะลงไปอีกหลายที่เลยทั้ง
สถานีที่ 13. สนามหลวง
สถานีที่ 14. วัดระฆังโฆสิตาราม
สถานีที่ 15. วัดอรุณราชวราราม
และสถานีสุดท้าย
16. ICONSIAM
ลองวางแผนเที่ยวดีๆ นะคะ
ได้เที่ยวรอบกรุง แบบชิลๆ เลยค่ะ
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ
Elephant Go Go
Hop-On Hop-Off Bus Tour
ที่ให้อิ้มเปิดประสบการณ์
นั่งรถบัสเปิดประทุนเที่ยวรอบกรุงเทพ
และยังตามล่าของกินอร่อยๆ
ในเมืองได้อย่างง่ายดาย
สะดวกสบายมากกก
มีโอกาสอิ้มจะมาอีกแน่นอน
คราวหน้า จะลองมาทำเป็น
จุดเช็คอินถ่ายภาพดูบ้าง
รับรองเพื่อนๆ ต้องชอบแน่ๆ
และขอขอบคุณโก๋แก่
ที่มอบ Gift Set สุดน่ารัก
มีทั้งประเป๋าและขนมอยู่ด้านใน
น่าร้ากกที่สุดเลยค่ะ
สำหรับใครสนใจมาเที่ยวแบบอิ้ม
ราคาตั๋วเค้าก็จะมีตั้งแต่
One Day pass ราคา 800 บาท
Two Day Pass ราคา 1,200 บาท
Three Day Pass ราคา 1,500 บาท
ตอนนี้มีเรทราคาพิเศษสำหรับคนไทยด้วยนะค๊าาา
Thai Residence Rate
เพียงแค่มาที่เค้าท์เตอร์เรา
แล้วแสดงบัตรประชาชน
ก็จะได้ส่วนลดทันที่ 50% เท่านั้นค่ะ
ช่องทางการติดต่อซื้อตั๋ว
Website : elephantgogo.com
Facebook : elephantgogobustour
E-mail : contact@elephantgogo.com
Whatsapp\Tel. : (+66) 91 771 1234
******************************************************
ก่อนรีวิวนี้จะจบลง
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามจนมาถึงบรรทัดนี้
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ ขอบคุณทุกไลค์ ขอบคุณทุกแชร์
เป็นกำลังใจที่ดีในการทำรีวิวมากๆ
ถ้าชอบก็ฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะคะ
อัพเดทเรื่องกิน เช็กอินเรื่องเที่ยว ได้ที่นี่ psstory เรื่องราวดีๆในการเดินทาง
แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้านะคะ สวัสดีค่ะ
******************************************************
ช่องทางติดต่อเรา
http://www.psstorytrip.com
http://www.facebook.com/psstorytrip
http://www.instagram.com/psstorytrip
http://www.youtube.com/psstorytrip