แฟนเดย์ แฟนกันแค่วันเดียว
หรือจะสู้แฟนเดียว รักกันตลอดไป
ง่อววววววววว เกริ่นมาขนาดนี้แล้ว
ไม่มีใครจะไม่คิดถึงภาพยนตร์เรื่อง แฟนเดย์เน๊อะ
อิ้มนี่ประทับใจมากกกก
บอกเลยว่าอิน สุด เห็นแล้วอยากตามไปฮอกไกโดมากเวอร์
และในที่สุดหลายสิ่งหลายอย่างก็ประจวบเหมาะ ><
อิ้มได้ไปเที่ยวฮอกไกโดซะที เย้ๆๆๆๆ
แต่ทริปนี้อิ้มไปฮอกไกโดในช่วงฤดูร้อนจ้า
อ้าวววว หลายคนอาจจะงง
ว่าแฟนเดย์เค้าไปหน้าหนาวไม่ใช่เหรอ
ก็แหมมมม ลองเปลี่ยนบ้างอะไรบ้าง
ราคาค่าเครื่องก็ถูก อย่างรอบนี้อิ้มบินกับสายการบิน Thai AirAsia X
โปรช่วงหน้าร้อนไปกลับ ประมาณ 6-8,000 บาท
บินตรงไปถึงฮอกไกโดเลยจย้า
เวลาเดินทางก็โอเคเลย
บินดึกนอนบนเครื่อง ถึงเช้าเที่ยวต่อได้ สบายมากเวอร์
และที่สำคัญราคาที่พักถูกมากกกกกก
เรียกว่ามาเที่ยวหน้าร้อนนี่เซฟค่าใช้จ่ายไปได้เยอะ
จริงๆ แล้วหน้าร้อนของฮอกไกโด เค้าก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อยนะ
เป็นฤดูแห่งดอกไม้เลยก็ว่าได้
รู้ไหมคะว่าสำหรับคนญี่ปุ่น
ฤดูร้อนของฮอกไกโดเป็นฤดูแห่งการท่องเที่ยวของเค้าเลยค่า
อิ้มมีโอกาสไปฮอกไกโดครั้งแรก บอกเลยว่าประทับใจมาก
เดินทางไป 7 วัน เริ่มเที่ยวตามรอยแฟนเดย์ที่ The Kiroro Resort
และค่อยมาเที่ยวโซนอื่นๆ ต่อ
สำหรับรีวิวแรกอิ้มจะพาไปเที่ยวที่ The Kiroro Resort
พักผ่อนกัน 3 วัน 2 คืน
จะบอกว่า The Kiroro Resortหน้าร้อนก็ดีงามมากนะ
มีกิจกรรมให้ทำเยอะมากกกก
เป็นอีกฟิลนึงกับน่าหนาว
ควรค่ากับการมาเปิดประสบการณ์ใหม่จริงๆ
ถ้าทุกคนพร้อมแล้วตามไปเที่ยว The Kiroro Resort กับอิ้มได้ในรีวิวนี้น๊า
ช่องทางการติดต่อ Psstory
Facebook Page : https://www.facebook.com/psstorytrip
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDbovnzcEgLS-l5NFi1tj3Q
IG : https://www.instagram.com/psstorytrip/
E mail : amim_97@hotmail.com
เริ่มเดินทางกันเลยค๊า
ปกติเวลาเดินทางไปต่างประเทศหลายๆ วัน
มีใครประสบปัญหาเรื่องที่จอดรถแบบเดียวกับอิ้มไหม
อิ้มบินที่ดอนเมือง
ที่จอดรถน้อยมากกกกกกกกก
แถมดูแล้วไม่ค่อยปลอดภัยสักเท่าไหร่
ที่สำคัญค่าจอดแพงเวอร์ วันละเกือบสามร้อย
ไปสิบวัน โดนค่าจอด เกือบสามพันจ้า
แต่ตอนนี้ปัญหาเหล่านี้หมดไปจากชีวิตอิ้มแล้วค่า
เพราะอิ้มรู้จักกับ https://www.airxparks.com/
ที่จอดรถที่มีทั้งสนามบินสุวรรณภูมิ
และสนามบินดอนเมือง
สะดวกสบายแถมราคาถูกมากกกก
วันละร้อยนิดๆ ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่น แถมจอดนานยิ่งถูก
จองสะดวกสบายผ่านแอพ
ไม่ต้องกลัวเต็มเพราะว่าตอนเราจอง
เราได้ระบุวันเวลาไปและกลับอย่างชัดเจน
เค้าก็จะ Book รายละเอียดตามนั้น
แนะนำให้จองล่วงหน้าสัก 1 เดือนจะดีมากก
พอเราชำระเงินและได้คอนเฟิร์มก็ขับมาจอดได้เลยค่ะ
ครั้งนี้อิ้มไปขึ้นที่ดอนเมือง
ที่จอดรถดอนเมืองของเค้าก็จะอยู่หลังสำนักงานเขตดอนเมือง
ตรงข้ามสนามบิน
แต่ไม่ต้องกังวลว่าจะไปต่อสนามบินยังไง
เพราะเค้ามีรถรับ VIP ไปรับและไปส่งจ้า
ทั้งไฟล์ทขาไปและขากลับ
ภายในลานจอดรถ มีกล้องวงจรปิด
สามารถดูรถที่ลานจอดด้วยตัวเองแบบ 24 ชั่วโมง
และที่จอดรถอยู่ร่ม ไม่ต้องตากแดด ไม่ต้องฝากกุญแจ
ปลอดภัยหายห่วงจร้า
มาถึงแล้วก็จอดรถสวยๆ
เค้าจะมีพนักงานมาช่วยเรายกกระเป๋าขึ้นรถแบบนี้
และเค้าจะไปส่งเราที่สนามบินค่ะ
ควรเผื่อเวลาอีกสักครั้งชม นะคะ เผื่อรถติดเน๊อะ
ส่วนขากลับเค้าจะมีเบอร์โทรสายด่วนให้
พอเราลงเครื่องเสร็จ รอรับกระเป๋า ให้โทรหาเค้าได้ทันที
พอรับประเป๋าเสร็จ รถก็จะมารับเราที่จุดนัดพอดีค่า
เห็นมะสะดวกสบายมากกกก
อิ้มใช้บริการสองครั้งแล้วประทับใจ
แนะนำค่า
สำหรับกระเป๋าเดินทาง ครั้งนี้อิ้มใช้ของ Pegasus
PEGASUS LUGGAGE
กระเป๋าเดินทางแบรนด์ไทย
ที่ผลิตมาเพื่อคนไทย
https://pegasus-luggage.com/
https://www.facebook.com/pegasus.luggage
เค้ามีหน้าร้านและแบบให้เลือกหลากหลาย
ของอิ้มรุ่นที่ใช้เป็น Esperia มี 3 สี สำดำ สีกรม สีแดง
ของอิ้มเป็นสีแดงไซส์ 24 และสีดำ ไซส์ 28
ส่วนตัวใช้แล้วชอบมาก
ข้อดีของนางคือมีความเบามากกกกกกก
คือเบาสบาย ถือคล่อง และก็แข็งแรงใช้ได้เลย
ล้อลื่น เข็นง่าย ถูกใจค่ะ
การเดินทาง
สมัยก่อนการไปฮอกไกโดอาจะต้องวุ่นวายมากเพราะในบ้านเรา
มีสายการบินตรงไปซัปโปโรน้อย
แต่ถึงมีก็ราคาค่อนค้างสูง
หลายคนจึงตัดฮอกไกโดออกไปจากแพลนในชีวิต
แต่ตอนนี้ความสะดวกสบายบังเกิด
เพราะ Thai AirAsia X เค้ามีบินตรงจากดอนเมืองสู่เมืองซัปโปโร
ราคาค่าเครื่องก็ถูก หน้าร้อนแบบนี้มีโปรบ่อยมาก
ราคาก็อยู่ ประมาณ 6-8,000 บาท
บินตรงไปถึงฮอกไกโดเลยจย้า
เวลาเดินทางก็โอเคเลย
บินตอน 23.55 น. บินตรงถึงซัปโปโร 08.40 น.
บินดึกนอนบนเครื่อง ถึงเช้าเที่ยวต่อได้ สบายมากเวอร์
ส่วนขากลับจากซัปโปโร 09.55 น. ถึงดอนเมืองประมาณ 15.10 น.
บางคนไม่อยากถึงไทยดึก ก็น่าจะโอเคกับเวลานี้เน๊อะ
ทางไปจอง https://www.airasia.com/flights/th/th/sapporo-hokkaido
สายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์
ยิ่งจองล่วงหน้ายาวๆ ยิ่งราคาถูก
เค้ามีบริการหลากหลายน่าสนใจ
แถมภายในมีที่นั่งให้เลือกมากมายทั้ง
Business Class Flatbed , Quiet Zone และ Hot Seat
เลือกนั่งได้ตามสไตล์
เครื่องที่บินก็จะเป็นแบบ Airbus A330
จัดที่นั่งแบบ 3–3–3 นั่งสบายใช้ได้จย้า
นอกจากนั้นอาหารบนเที่ยวบิน อร่อยถูกปาก
มีเมนูใหม่ๆ มาให้ลิ้มลองเรื่อยๆ ไม่มีเบื่อค่ะ
รอบนี้มีชานมไข่มุกด้วยแกร๊ เริ่ดมากกก
สายการบิน #Airasia จับมือกับ T&co
เสิร์ฟชานมไข่มุกให้ฟินสุดๆ ราคาแก้วละ 75 บาทเท่านั้น
ตัวชาหอมละมุนมากกกก อร่อยมาก ไม่หวานจนเกินไป
ที่สำคัญไข่มุกเป็นแบบุกรูปเพชรสวยงาม
เหมาะกับคนสวยแพงและเป็นราชิกูลอย่างเรา ><
ใครอยากทานต้องรีบบอกแอร์นาจา มีวันละไม่เยอะ
ต้องแย่งชิงกันหน่อยกว่าจะได้มา 🥤
3วัน 2 คืนแรก อิ้มพักที่ The Kiroro Resort ค่ะ
จริงๆ ที่นี่เค้ามีทั้งหมด 2 โรงแรมอยู่ใน Kiroro Resort
คือ Sheraton Hokkaido Kiroro Resort
กับ The Kiroro, a Tribute Portfolio Hotel, Hokkaido
ซึ่งทั้ง 2 โรงแรมนี้อยู่ในเครือ Marriott
ครั้งนี้อิ้มพักที่ The Kiroro, a Tribute Portfolio Hotel, Hokkaido
ที่นี่เค้าไม่ได้เที่ยวได้เฉพาะ หน้าหนาวนะ
หน้าร้อนเค้าก็มีกิจกรรมมากมาย
สำหรับการเดินทางมา Kiroro Resort
ถ้าไม่มีได้เช่ารถ
เค้ามี Shuttle รับส่ง แต่จะมีค่าใช้จ่ายในการใช้บริการ
สามารถเดินทางได้จากสนามบิน New Chitose Airport ,
Sapporo หรือจาก Otaru Chikko
สามารถไปศึกษาและจองได้ตามลิ้งค์นี้นะคะ
https://www.kiroro.co.jp/access-summer/
จากสนามบิน New Chitose Airport มาที่นี่ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
Day 1
มาถึงแล้วค่าาเย้ๆๆ The Kiroro, a Tribute Portfolio Hotel, Hokkaido
เข้ามาถึงส่วนแรกจะเป็นล็อบบี้ก่อนเลยค่ะ
ล็อบบี้สวยงามมากกกกกกกกกกกกกก ภายในดีไซน์ดูหรูหราสุดๆ
ในส่วนของล็อบบี้ก็จะมีคาเฟ่ ร้านค้า และร้านขายขอที่ระลึกต่างๆ
ที่นี่จะเช็คอินเวลา 15.00 น. และเช็คเอาท์เวลา 12.00 น.
ได้คีย์การ์ดมาแล้วเดี๋ยวเราไปชมห้องพักกันนะคะ
ห้องพักที่นี่มีหลากหลาย Roomtype มากๆ
ซึ่งอิ้มพัก Superior Rooms
พื้นที่ใช้สอยภายในห้องพักมีตั้งแต่ 38 – 44 ตารางเมตร
โอ้โห ไม่น่าเชื่อว่าที่ญี่ปุ่น
เราจะได้พักห้องพักที่มีพื้นที่กว้างขวางขนาดนี้
ห้องกว้างขวาง โทนสีดูอบอุ่น ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
เตียงนอนเป็นเกรดเดียวกับเชอราตันนะ เตียงดูดวิญญาณมากพูดเลย
ภายในห้องน้ำก็แยกสัดส่วนได้ดีทีเดียวค่ะ
ด้านนอกจะเป็นอ่างล้างหน้า และห้องสุขภัณฑ์
ด้านในก็มีอ่าล้างหน้าและโซน Shower
การมาพักที่ The Kiroro Resort ในช่วงหน้าร้อนนี้
ส่วนมากเค้าจะจองมาพร้อมแพ็คเกจทำกิจกรรมต่างๆ
ซึ่งมีกิจกรรมเยอะมากซื้อพร้อมแพ็คเกจก็จะประหยัดกว่าค่ะ
แต่ใครคิดว่าไม่ได้จะทำกิจกรรมอะไรมากมาย
ก็มาตัดสินใจเลือกเอาหน้างานได้ค่ะ
มาเริ่มที่กิจกรรมแรกกันนะคะ
กิจกรรมของที่นี่ ในส่วนที่ต้องขึ้นเขา
จะอยู่ฝั่ง Sheraton Hokkaido Kiroro Resort
การเดินก็สามารถนั่ง Shuttle Bus
จากหน้า Kiroro มาที่ Sheraton ได้เลย
ไม่มีค่าใช้จ่าย และรถจะมาทุกๆ ครึ่ง ชม ค่ะ
จากตรงนี้ถ้าเห็นในภาพ ด้านหลังจะเป็นภูเขาและกระเช้า
ในหน้าหนาวก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเล่นสกี
และขึ้นกระเช้าเพื่อนั่งกระเช้าขึ้นสู่ยอดเขาอาซาริ
(Mt. Asari Gondola)
ด้านบนจะเป็นระฆังมนตำนานที่พี่เด่นชัย
แอบไปขอพรให้ได้เป็นแฟนกับนุ้ยด้วยจ้า
วันแรกอิ้มจะยังไม่ขึ้นไปด้านบนนะค๊าา เอากิจกรรมแบบพอกรุบกริบก่อน
จุดนี้เรียกว่า Mountain Center
เป็นจุดที่ให้บริการในเรื่องกิจกรรมต่างๆ
อย่างเย็นวันแรกอิ้มเลือกขี่รถ Buggy
ที่คนไทยคุ้นชินว่ามันคือ ATV นั่นแหละจ้า
ก่อนเล่นก็มาเลือกอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยนะ
ต้องใส่อุปกรณ์ทุกอย่างตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำเลยจ้า
รถพร้อม อุปกรณ์พร้อม คนก็พร้อมแล้ว เย้ๆ
การเล่น Buggy นี้เป็นกิจกรรมยอดฮิตของที่นี่ค่ะ
ราคาอยู่ที่ 20 นาที 2,500 เยน ถ้า 40 นาที 4,500 เยน
สำหรับใครที่เล่นไม่เป็น จะมีครูคอยสอน
และเป็นผู้นำพาเราไปยังจุดต่างๆ ตามทางที่กำหนดไว้
คุณครูใจดีมาก ถึงเป็นชาวต่างชาติ ก็สื่อสารกับเรารู้เรื่อง
ขับไปชมธรรมชาติไป สีเขียวชอุ่มของขุนเขาและต้นไม้ ทำให้อิ้มหัวใจพองโต 💓
ช้ากว่าเพื่อนเลยดูสิ 5555
หลังจากเล่นเสร็จก็กลับมาที่ Kiroro ค่ะ
เดี๋ยวอิ้มจะพาเดินเที่ยวในรีสอร์ทกันอีกสักหน่อย
ด้านนอกของรีสอร์ทตรงนี้จะเรียกว่า Kiroro Town ก็จะมีทั้งลานกิจกรรม
ซุปเปอร์มาเก็ต ที่ขายของใช้ ขายของฝาก ร้านอาหาร
ออนเซ็น Game park
สระว่ายน้ำ ฟิตเนส จะอยู่บริเวณนี้ทั้งหมดเลยค่ะ
Game Park
จุดนี้จะมีห้อง Granship
เป็นห้องกิจกรรมทั้งสำหรับเด็กและผู้ใหญ่
ที่สามารถเล่นได้กันหมด
ข้างในจะมีคิดส์คลับสำหรับคุณหนู
และมีตู้เกมส์เต็มไปหมด
ค่าเข้าคนละ 1,000 เยน
ถ้ามาเป็นครอบครัว 3-4 คนเหมาจ่าย 2,500 เยน
( เด็กต่ำกว่า 3 ขวบเข้าฟรี )
ไม่จำกัดเวลา ไม่ต้องหยอดเงินเพิ่ม
เล่นวนไปค่ะ
เปิดตั้งแต่เวลา 15.00 – 21.00 น.
ผู้ใหญ่เล่นกันอย่างเมามันส์
มาถึงญี่ปุ่นก็ต้องแช่ Onsen กันหน่อย
Onsen ที่นี่มีทั้งแบบแบ่งชาย-หญิง
และบ่อรวมแต่บ่อรวมณ ที่นี้ ไม่ต้องเปลื้องผ้าหมดจ้า
ไม่ต้องคิดไปไกลเน้อ
สำหรับแขกที่เข้าพัก ราคาจะไม่รวม Onsen นะ
ถ้าจะใช้บริการ ก็จะมีราคาตามด้านล่างนี้ค่ะ
แขกพักในรีสอร์ท
ผู้ใหญ่ จะราคา 1,000 เยน เด็ก 700 เยน
แขกที่ไม่ได้เข้าพัก
ผู้ใหญ่จะ 1,200 เยน ถ้าจะใช้สระว่ายน้ำ+ฟิตเนส ราคา 2,000 เยน
เด็ก 800 เยน สระว่ายน้ำ+ฟิตเนสด้วย 1,500 เยน
เปิดบริการ 15.00 – 23.00 น.
การเข้ามาถ่าย Onsen ที่นี่ อิ้มได้รับอนุญาตแล้วนะคะ
ด้านนอกก็มีกิจกรรมอื่นๆ อีก เพลินมากก ไม่ต้องกลัวเหงา
เรื่องอาหารการกิน
ด้านในโรงแรมเค้าก็จะมีห้องอาหารหลากหลาย
ทั้งห้องอาหารญี่ปุ่นอย่าง
FUGA Sushi Dining
หรือห้องอาหารอิตาเลียน
ALLA MODA Italian Restaurant
แต่วันนี้อิ้มขอมานั่งชิลกับบรรยากาศ Outdoor
เพราะช่วหน้าร้อนแบบนี้
เค้ามี Kiroro Premium BBQ
ย่างบาร์บีคิวทาน ท่ามกลางอากาศสบายๆ
ฟังดนตรีสดเพราะๆ จะมีอะไรฟินไปหว่านี้ไหมมม
เอาจริงๆ พอช่วงเย็น อากาศก็เย็นตามไปด้วยนะ
เซ็ทอาหารก็จะมี 2 แบบ
ชุดละ 5,000 เยน / คน
ส่วนของเด็ก 3,500 เยน / คน
เริ่มให้บริการตั้งแต่ 16:00–19:30 น.
เลือกได้ว่าจะทานเซ็ทเนื้อหรือเซ็ทอาหารทะเล
ในเซ็ทไม่ได้มีเนื้ออย่างเดียวนะจ้ะ
เค้ามี Chef’s Salad ผักสดๆ / ข้าว / ขนมปัง
ของหวานก็จะเป็น Banana boat
เมนูคร่าวๆ ก็จะประมาณนี้ค่า
อิ้มสั่งเป็นเซ็ทเนื้อทั้งสองเซ็ทเค้าก็จัดรวมกันมาเลยจ้า
อันนี้เป็นเซ็ททะเลของพี่โต๊ะข้างๆ
เวลาฟินๆ หน้าก็จะยิ้มๆ ประมาณนี้
Day 2
เช้านี้ขอเริ่มที่การสำรวจไลน์อาหารค่ะ อาหารเช้าเค้าก็มีเยอะมาก ถูกปากคนไทยแน่นอน
กิจกรรมในเช้าวันที่สองที่ Kiroro Resort
เราจะไปทำกิจกรรมด้านนอกกันค่ะ
เราจะไปพายเรือ Kayak และเล่น paddle board
รอบทะเลสาบของเขื่อนโอชิเออิ (Ochiai Dam Lake)
เริ่มเดินทางเค้าจะมีรถพาเราไปที่ทะเลสาบ
พอถึงแล้วจะมีพนักงานรออยู่ที่นั่นอีกส่วนนึงด้วย
พายเรือคายัค ราคาเริ่มต้นที่ 4,800 เยน/1คน/เรือ1ลำ
แต่จะถ้าจะนั่งเพิ่มอีก 1 คนจ่ายเพิ่มอีก 2,000 เยน
ใช้เวลาประมาณ 2.30 ชั่วโมงสำหรับกิจกรรมนี้
และ STAND UP PADDLE
ใช้เวลาประมาณ 90 นาที ราคาคนละ 4,800 เยน
หน้าร้อนที่นี่จะเป็นทะเลสาบ
แต่หน้าหนาวที่นี่จะมีหิมะปกคลุมเต็มไปหมด
มาหน้าร้อนควรใส่แขนยาว มีหมวก และแว่นตากันแดดนะคะ
ก่อนจะเริ่มกิจกรรม ต้องวอร์มกันก่อน
อีตาบรีสเริ่มเล่น SUP หรือพายแพดเดิ้ลบอร์ด ใครยังเล่นไม่เป็นแนะนำให้ลองนั่งไปก่อนนะ
พอทรงตัวได้ก็ค่อยๆ ยืนขึ้น
ไม่ต้องกลัวตกน้ำเพราะเค้าจะให้เราใส่ชูชีพ และมีเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิด
ของอิ้มพายเรือคายัคชิลๆ พอ น้ำในทะเลสาบเย็นม๊ากกกกก อยากลงไปเล่นสุดๆ
เสร็จแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์ แล้วมาชิมไอติมนมฮอกไกโดที่ Yamanaka Dairy Farm
เวลาเปิด-ปิด : 08.30–18.00 น. ปิดทุกวันพฤหัส
จากนั้น แวะเที่ยวกันต่อที่ HOPI Hills
ตรงนี้จะเป็นฟาร์ม สเตย์เล็กๆ
มีลานกางเต้นท์ ร้านอาหาร
มีสัตว์ในฟาร์มทั้งนกกระจอกเทศ
เป็ด แกะ แพะ กระต่ายอัลปาก้า
มีจุดจำหน่ายอาหารสำหรับน้องสัตว์ต่างๆ
เสร็จแล้วก็แวะฝากท้องทานอาหารกลางวันที่นี่เลย อาหารก็จะมีข้าวหน้าแกงกะหรี่ และพิซซ่า
กิจกรรมในช่วงบ่ายจะเป็น การเล่น Segway ค่ะ
Segway คืออารายยย
Segway คือ พาหนะชนิดหนึ่ง
มีสองล้อ ขับเคลื่อนด้วยกำลังไฟฟ้า
ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
สาย Adventure ไม่ควรพลาดดดด
Segway Experience 20นาที คนละ 2,500 เยน / คน
Segway Tour 40นาที คนละ 4,500 เยน / คน
ก่อนจะเล่นเค้าจะมีเจ้าหน้าที่คอยเทรนเรา
ประมาณ 20 นาทีเลยนะ
เริ่มสอนจากการเริ่มทรงตัว
ให้เดินหน้า เลี้ยว ขึ้นเนิน ขับทางซิกแซก
หลบหลีกสิ่งกีดขวาง
จะเล่นอันนี้ต้องทรงตัวให้ดีนะ
พอเอียงซ้ายมันก็เอียง มือต้องนิ่งจริงๆ
พอเราเริ่มเป็นเค้าก็พาเราเข้าไปกันเลยจ้า
วันนึงฉันขี่ Segway เข้าป่า
คุณครูก็ตามมาดูแลอย่างใกล้ชิด
ช่วงเย็น มาทำโยคะค่ะ ราคาเริ่มต้น ที่ 2,000 เยน
มื้อดินเนอร์ อิ้มมาทานที่ร้านอาหารญี่ปุ่น
ของโรงแรม Sheraton Hokkaido Kiroro Resort
ชื่อห้องอาหาร ” Hokki Japaness “
อิ้มเคยทานอาหารของเชฟที่นี่ตอนที่เชฟไปเมืองไทย
อาหารอร่อยมาก วันนี้ได้มาทานถึงถิ่น
ตื่นเต้นสุดๆ
อาหารญี่ปุ่นที่นี่เป็นแบบต้นตำรับจริงๆ
อร่อยทุกเมนูเลยค่า
Day 3
หลังทานอาหารเช้าเสร็จ
เค้ามีกิจกรรมยามเช้าเป็นเดินเล่นดูน้ำตกค่ะ ไม่ไกลจาก รีสอร์ทมาก
ระหว่างทางจะมีเจ้าหน้าที่คอยอธิบายส่วนต่างๆ ให้ฟัง
กิจกรรมนี้มีค่าใช้จ่ายราวๆ 600 เยน
อีกไฮไลท์นึงของ Kiroro นั่นก็คือ
ขี้นกระเช้า ราคากระเช้า Gondola
ถ้าแบบไป-กลับ 1,500 เยน
เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบไม่มีค่าใช้จ่าย
ด้านหลังจะเป็นภูเขาและกระเช้า
ในหน้าหนาวก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเล่นสกี
และขึ้นกระเช้าเพื่อนั่งกระเช้าขึ้นสู่ยอดเขาอาซาริ
(Mt. Asari Gondola)
ด้านบนจะเป็นระฆังมนตำนานที่พี่เด่นชัย
แอบไปขอพรให้ได้เป็นแฟนกับนุ้ยนั่นเอง
ไปขึ้นกระเช้ากันค่า
บนนั่งขึ้นมาเรื่อยๆ เราจะรู้สึกเย็นมากขึ้น
มาถึงแล้ววววว ภาพที่เห็นต่างจากหน้าหนาวพอสมควร ระฆังอยู่สูงมากกก แต่ก็สวยไปอีกแบบ
มีดอกไม้เยอะแยะไปหมด
แฟนเดย์ แฟนกันแค่วันเดียว
หรือจะสู้แฟนเดียว รักกันตลอดไป
ฮิ้ววววววว
ได้เวลาเดินทางกลับแล้วค่ะ 3 วัน 2 คืนเร็วเหมือนโกหก ฮืออออ
ทิ้งท้ายรีวิวนี้กับโบสถ์หน้ารีสอร์ทนะค๊าาา
******************************************************
ก่อนรีวิวนี้จะจบลง
ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามจนมาถึงบรรทัดนี้
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ ขอบคุณทุกไลค์ ขอบคุณทุกแชร์
เป็นกำลังใจที่ดีในการทำรีวิวมากๆ
ถ้าชอบก็ฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะคะ
อัพเดทเรื่องกิน เช็กอินเรื่องเที่ยว ได้ที่นี่ psstory เรื่องราวดีๆในการเดินทาง
แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้านะคะ สวัสดีค่ะ
******************************************************
ช่องทางติดต่อเรา
http://www.psstorytrip.com
http://www.facebook.com/psstorytrip
http://www.instagram.com/psstorytrip
http://www.youtube.com/psstorytrip