สวัสดีค่ะ วันนี้อิ้มจะพาไปเช็คอินรีสอร์ต
ที่เป็น Dream Destination
อยู่ในลิสต์รีสอร์ทที่ต้องไปให้ได้เป็นอันดับต้นๆ ของอิ้มเลยค่ะ
ที่นี่ก็คือ The Naka Island , A Luxury Collection Resort & Spa Phuket
เป็นรีสอร์ทสุดหรูตั้งอยู่บนเกาะนาคาใหญ่ ของจังหวัดภูเก็ต
เพราะฉะนั้นการมาพักที่นี่
จึงเปรียบเหมือนการพาตัวเอง
ออกจากโลกที่วุ่นวาย
มาพักผ่อนและผ่อนคลายท่ามกลางธรรมชาติ
วิลล่าแต่ละหลังมีความเป็นส่วนตัว และเงียบสงบ
เหมาะกับการมาพักผ่อนและบำบัดจิตใจอย่างจริงจัง
ยิ่งถ้ามีโอกาสได้มากับคนรักแล้ว
จะเป็นอะไรที่โรแมนติกมากกกก
สวยมากกกกกกกกก
คุณจะได้มีเวลานั่งมองตากัน นั่งคุยกัน
ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น
เข้าใจเลยว่า สวยจนอยากหยุดเวลาไว้ เป็นอย่างไร
ที่นี่สวยสมคำร่ำลือ
อิ้มประทับใจมาก เลยอยากส่งต่อความสุข
และเรื่องราวของการพักผ่อนของอิ้ม ผ่านรีวิวนี้
ตามไปอ่านกันค่ะ
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมของทางรีสอร์ท
https://th-th.facebook.com/thenakaisland
ช่องทางการติดต่อ Psstory
Facebook Page : https://www.facebook.com/psstorytrip
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDbovnzcEgLS-l5NFi1tj3Q
IG : https://www.instagram.com/psstorytrip/
E mail : amim_97@hotmail.com
The Naka Island, a Luxury Collection Resort & Spa Phuket
เป็นรีสอร์ทที่ตั้งอยู่บนเกาะยาวใหญ่
ห่างจากสนามบินภูเก็ตประมาณ 25 นาที
และการเข้าพักที่นี่จะต้องนั่งเรือสปีดโบ๊ทข้ามเกาะมาค่ะ
แต่ใช้เวลาเพียง 5 นาที จากท่าเรืออ่าวปอแกรนด์มารีน่าเท่านั้น
บนเกาะยาวใหญ่นี้ ภายในพื้นที่เอง
นอกจากจะมีรีสอร์ทแล้วก็จะมีชาวบ้านอาศัยอยู่ด้วย
แต่เป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆ เท่านั้น
เพราะฉะนั้น The Naka Island จึงเป็นรีสอร์ท
ที่คล้ายเป็นเกาะส่วนตัวเลยก็ว่าได้
แผนที่เกาะนาคาใหญ่นะคะ
มาถึงแล้วค่ะ ตรงนี้จะมีสปีดโบ๊ทจากทางรีสอร์ท รอรับเราเลย นั่งเรือแค่ 5 นาทีเท่านั้น
แป๊ปเดียวเราก็มาถึงรีสอร์ทแล้วค่ะ ช่วงที่อิ้มเข้าพักเป็นเดือน กรกฎาคม โชคดีมากที่ไม่เจอฝนแม้แต่น้อย
จากภาพนี้จะเห็นได้เลยว่า รีสอร์ทถูกโอบล้อมไปด้วยธรรมชาติจริงๆ
มีหาดส่วนตัวด้วยคือดีต่อใจมากๆ
ทะเลจัดว่าน้ำใสมากเชียวค่ะ
สปีดโบ๊ทจะมาส่งเราที่สะพานนี้ จากนั้นจะมีพนักงานขับรถบักกี้มารับเราไปค่ะ
เมื่อเดินทางมาถึง สิ่งแรกที่จะต้องทำก็คือการตีฆ้องและอธิษฐาน 2 ครั้ง
ตามตำนานเรื่องเล่าของเกาะนี้
ที่นี่มีเรื่องเล่าว่า นานมาแล้วมีพญานาคตัวหนึ่ง
ท่องไปทั่วทะเลอันดามันและเมื่อเห็นบริเวณที่สวยงาม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บริเวณเกาะนาคาตั้งอยู่ในขณะนี้
มองแล้วมีทัศนียภาพอันงดงามของอ่าวพังงา
พญานาคเลยตัดสินใจว่านี่คือที่ที่เขาจะนอนพักสำหรับวันเวลาที่เหลืออยู่ของเขา
เมื่อพญานาคในตำนานได้ล่วงลับไปแล้ว
เขาเลยกลายสภาพเป็นเกาะหินก้อนหินและทราย
หลายปีที่ผ่านมาเนื่องจากการพังทลายของดินและสภาพอากาศ
ทำให้ดินแดนแห่งนี้แยกออกเป็นสามเกาะเล็ก ๆ
ซึ่งยังสามารถพบเห็นได้ในทุกวันนี้เช่นเกาะแรด (หัวพญานาค)
เกาะนาคาใหญ่ (เกาะของรีสอร์ทที่เป็นลำตัวพญานาค)
และเกาะนาคาน้อย (หางพญานาค)
นั่นเองค่ะ
การตีฆ้อง 2 ครั้งก็เพื่อเป็นเกียรติแก่พญานาค
โดยครั้งที่ 1 เป็นการกล่าวสวัสดี
และแจ้งให้ทราบว่าได้เดินทางมาถึงเกาะแล้ว
ดังนั้นพญานาคก็จะดูแลแขกในระหว่างการเข้าพัก
และครั้งที่สองที่ให้เราอธิฐาน กล่าวคำปรารถนา
โดยพญานาคที่จะช่วยให้มันเป็นจริง
ส่วนเวลาเดินทางกลับก็ต้องตีอีกครั้ง
เพื่อให้แน่ใจว่าการเดินทางกลับอย่างปลอดภัย
และขออำลาอันอบอุ่น
และขอบคุณพญานาคสำหรับวันพักผ่อนที่น่าประทับใจ
หลังจากที่เราตีฆ้องเสร็จก็จะได้รับ Welcome Drink
พร้อมของที่ระลึก น่ารักเชียวค่ะ
เขียนชื่อจริงและนามสกุลของเราไว้ด้วย
ใส่ใจในรายละเอียดมากๆ
ประทับใจตั้งแต่ก้าวแรกที่มาถึง
พื้นที่ของรีสอร์ตกว้างถึง 60 ไร่
การเดินทางไปวิลล่าจึงต้องอาศัยรถบักกี้ค่ะ
แต่ส่วนตัวอิ้มก็เดินบ่อยนะ เช่นเดินไปห้องอาหาร
เดินไปสระว่ายน้ำ ก็รู้สึกว่าไม่ได้ไกลกันเท่าไหร่
แถมได้เดินออกกำลังกายด้วยค่ะ
ห้องพักที่นี่ก็จะมีหลากหลายแบบเลยนะ
ห้องเริ่มต้นก็จะเป็น Deluxe room
แต่ห้องพักหลักๆ จะเป็น Pool Villa แบ่งเป็น
Tropical Pool Villa , Seaview pool villa , Beachfront pool villa
และ Roomtype สูงสุดก็คือ
Royal Horizon Pool Villa
สำหรับวันนี้อิ้มเข้าพักใน Seaview pool villa ค่ะ
หน้าตา Seaview Pool Villa ของอิ้มก็จะประมาณนี้
Seaview pool villa
เป็นวิลล่าขนาด 450 ตารางเมตร
พื้นที่ใช้สอยกว้างมากทีเดียวค่ะ
แบ่งสัดส่วนออกได้ชัดเจน
นอกเหนือจากห้องนอน ก็จะมีสระว่ายน้ำ สวน
มีเก้าอี้ชายหาดไว้นั่งเล่น
และศาลา คือนอน รับลมทะเล
พักผ่อนได้อย่างชิลมากกกกก
โซนด้านนอกค่ะ มีมุมนั่งพักผ่อนถึง 3 มุมด้วยกัน เลือกเอาเลยว่าชอบมุมไหน
เข้ามาดูในวิลล่าบ้างค่ะ ส่วนแรกเป็นตู้มินิบาร์ และตู้เย็น
ชา กาแฟ น้ำเปล่าฟรี
ที่เหลือตามนี้มีค่าใช้จ่ายนะคะ
หันมาอีกด้านจะเป็นห้องนอนค่ะ
อ้อลืมบอกไป ที่นี่จะตกแต่งแนวๆ ทรอปิคอล
ก็จะเน้นสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมดั้งเดิมจากท้องถิ่น
นำมาผสมผสานกันได้อย่างลงตัว
พออิ้มเห็นวิวแบบนี้ รู้สึกใจเต้นแรงมากเลยค่ะ
เห็นในภาพว่าสวยแล้ว
แต่สถานที่จริงมันสวยกว่ามาก สะกดใจ สุดๆ
คือเห็นวิวทะเลได้จากบนเตียงนอนเลยค่ะ แบบนี้ไม่อยากลุกไปไหนเลย
มุมนี้เรียกว่า นั่งเฉยๆ ได้ทั้งวันเลยค่ะ
ไม่มีคำบรรยายใดๆ สักคำ ให้ลึกซึ้ง
ภายในห้องจัดว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเลยค่ะ
ถัดจากห้องนอนจะมีทางเดิน
ที่เชื่อมต่อไปยังห้องแต่งตัวและห้องอาบน้ำ
บริเวณนี้จะไม่มีผ้าม่านกั้น
ทำให้เราได้รู้สึกและสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด
โซนห้องน้ำจะไม่มีแอร์ค่ะ แต่มีพัดลม ทำให้ห้องไม่อบอ้าว
ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในห้องน้ำจะเป็นของ Thann นะคะ แบรนด์นี้อิ้มชอบมาก
ด้านหลังนี้ก็จะมีโซนสุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้า ตู้เสื้อผ้า และ โซน Shower
ความดีงามก็คือ เค้ามีสตรีมด้วยนะ
จะมีประตูที่เดินออกมาด้านนอกได้ค่ะ
หันไปมองมุมนี้จะเห็นมุมทางเดินและ
มองเห็นว่าแบ่งโซนห้องนอนและห้องแต่งตัวออกได้อย่างชัดเจน
ด้านนอกนี้จะมีอ่างอาบน้ำ Outdoor ค่ะ ชิลมากกกเวอร์
ถัดไปจะเป็นประตู เปิดออกไปยังโซนด้านหน้าของตัววิลล่า เปิดมาถึงคือเจอวิวแบบนี้ สะกดใจจริงๆ ค่ะ
ท้องฟ้า ทะเล สายลม หลงรักที่นี่เข้าเต็มหัวใจ ❤❤❤
ถามว่าวิลล่านี้ใกล้ทะเลแค่ไหน ให้ภาพนี้เป็นคำตอบค่ะ
นอนชมวิวทะเลที่เงียบสงบจากหน้าห้อง ไม่มีอะไรจะฟินไปกว่านี้อีกแล้ว
มุมนี้ที่อิ้มมานั่งชิลบ่อยที่สุดค่ะ มันผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก
จะนั่งพักผ่อนไปหรือว่ายน้ำชมวิวทะเลไปก็ได้ทั้งนั้น
ช่วงเย็นอิ้มมานั่งชิลที่ Z Bar
ที่นี่จะเป็นบาร์ของรีสอร์ท บอกเลยว่าบรรยากาศสบายๆ
เค้าให้บริการเครื่องดื่มค็อกเทล หรือน้ำผลไม้
ถ้าอากาศดีเราสามารถชมพระอาทิตย์ตกดินจากมุมที่สวยที่สุดของเกาะ
ได้ที่ ซีบาร์ (Z Bar) แห่งนี้ค่ะ
ที่นี่จะไม่มีอาหารจริงจังนะคะ จะเน้นเป็นพวกทาปาสซะมากกว่า
แล้วก็จะมีพวกเบอร์เกอร์ พอกรุบกริบค่ะ
ทานเสร็จอิ้มก็รีบกลับมาที่ห้อง เพื่อชมแสงทไวไลท์
ภายในห้องนอกจากเค้าจะมาเทิร์นดาวน์ที่เตียง
เค้ายังจุดเทียนบริเวณทางเดิน พร้อมจุดน้ำมันหอมระเหย
ทำให้ตอนนี้บรรยากาศในห้องผ่อนคลายและโรแมนติกมาก
นี่แหละค่ะ ความสุขที่ตามหา
พักผ่อนกันไป 1 คืน เรียกว่าเตียงเค้านุ่มหลับสบายมากกกก
ยามเช้าแบบนี้แสงแดดสาดส่องเบาๆ
อิ้มแนะนำให้มานั่งริมทะเลสักครู่ ก่อนเข้าไปทานอาหารเช้า
จะรู้สึกฟินมากพูดเลย
มื้อเช้าเค้าจะให้บริการที่ห้องอาหาร Tonsai อยู่ติดกับ Main Pool ซึ่งให้บริการแบบ All Day Dinning
อาหารจะเป็นแบบไลน์บุฟเฟ่ต์ และสามารถสั่งเมนู A la Carte ได้ด้วย
ในไลน์ว่าเยอะแล้ว A la carte เมนูก็มีหลากหลายค่ะ ที่อิ้มชอบที่สุดจะเป็น แซลมอน
และเมนูนี้ที่เลิฟฟฟมากกก สเต็ก แอนด์ เอ้ก จ้าาา เสิร์ฟสเต็กกันไปเลย
ผัดหมี่แอบสั่งมาจากสเตชั่น จ้า
ทานอาหารเช้าเสร็จเค้าก็มีกิจกรรมมากมายให้เลือกทำ
ทั้งกิจกรรมทางน้ำ เช่น พายคายัค เล่น SUP พวกนี้ให้บริการฟรีค่ะ
หรือว่ากิจกรรมด้านบนก็จะมี ร้อยมาลัย ต่อยมวย โยคะ Cooking Class
โดยแต่ละกิจกรรมจะสลับสับเปลี่ยนไปไม่ซ้ำกัน
เค้าจะมีตารางแจ้งกิจกรรมอยู่ในห้องนอนค่ะ
สำหรับสระว่ายน้ำ ที่นี่จะมีสองสระ
โดยสระว่ายน้ำหลัก จะอยู่ติดห้องอาหารต้นไทร และติดหน้าหาด
ความพิเศษก็คือ จะแบ่งเป็นสระสองระดับ สระเด็กและสระผู้ใหญ่
สระว่ายน้ำกว้างขวางมาก ช่วงกลางวันจะเต็มไปด้วยแขกที่มาพักผ่อน
ใครอยากถ่ายรูปสวยๆ ไม่มีคน แนะนำช่วงเช้าแบบนี้ค่ะ
ติดกับสระว่ายน้ำหลัก จะเป็นฟิตเนสค่ะ
ต่อมาจะเป็นสระว่ายน้ำอีกสระของรีสอร์ท สระนี้ดูเงียบเหงาเพราะไม่ติดทะเล
ต่อมาอิ้มจะพามาชมห้องพักในโซน Deluxe บ้างค่ะ
โซนนี้จะเป็นห้องเริ่มต้น Deluxe Room จะไม่มีสระว่ายน้ำ
ภายในห้องถือว่ากว้างขวางและน่าอยู่มากทีเดียวค่ะ
เปิดประตูเข้ามาจะเจอห้องนั่งเล่น
ถัดมาก็จะเป็นเตียงนอนค่ะ ห้องนี้ไม่มีลูกเล่นซับซ้อน เน้น พักชิลๆ สบายๆ
สีภายในห้อง ใช้โทนสว่าง ทำให้ห้องกว้างและสบายตามากขึ้น
ภายในห้องน้ำค่ะ ไม่มีวิวอะไร
ถัดมาขอแว้บมาชม Royal Horizon Pool Villa Roomtype สูงสุดของที่นี่ค่ะ
สวยกราบมากกกกกกกกกกกกกกก
อยากจะพักร่างไว้ ณ จุดๆ นี้
สระว่าน้ำกว้างมากกกก วิลล่ากว้างมากกกก ที่สุดจริงๆ ค่ะ
อิ้มไม่ได้พาเข้าไปชมดานในนะ เพราะว่าแขกกำลังจะมาเช็คอิน ฮือๆๆๆ ต้องออกจากสวรรค์ซะละ
กลับมาชิลที่ห้องกันต่อค่ะ
ช่วงบ่ายเค้ามีบริการคล้ายๆ Floating ด้วยนะ
สามารถสั่งมาทานที่ห้องได้เลย
แต่จะเป็นเบียร์ และ ของทานเล่น
เห้ยยยยแบบนี้คือดีมาก เหมาะมากกับพูลวิลล่า
คือตรงที่ใส่เบียร์อ่ะค่ะ เค้าใส่น้ำแข็งไว้ด้วย
ทำให้เบียร์ยังเย็นอยู่ ยิ่งทานในน้ำยิ่งชิลมากกกก
กราบคนสร้างสรรค์ไอเดียนี้ขึ้นมา
คือรู้สึกว่ามันไม่ได้ยากกับการที่ต้องทานในน้ำ
แล้วมันทำให้ชิลได้มากขึ้นจริงๆ
พี่บรีสดูจะฟินเป็นพิเศษ
แต่สำหรับอิ้มช่วงบ่ายขอทาน Afternoon tea แทนค่ะ
สามารถสั่งไปทานที่ห้องก็ได้ ทานริมสระว่ายน้ำก็ดี
อิ้มเลือกทานริมสระว่ายน้ำค่ะ ฟินไปอีกแบบ เซ็ทนี้ราคา 750++
ทานไปมองวิวไป เพลินสุดๆ
อ้อๆๆๆๆ ช่วงเวลาบ่าย2-5 โมงเย็น
บริเวณสระว่ายน้ำหลัก เขาแจกไอติมฟรีจร้า
ทานกี่โคนก็ได้ ไอติมเป็นโฮดเมดสลับเปลี่ยนรสชาติไปเรื่อยๆ อร่อยมากกก
เผลอแป๊ปเดียวก็ถึงเย็นวันสุดท้าย ก่อนเดินทางกลับแล้วค่ะ ><
ช่วงเย็นอิ้มทานอาหารที่ My grill ห้องอาหารดินเนอร์ที่ดีที่สุด
ซึ่งชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า My grill ก็จะเน้นเป็นเมนูแนวปิ้งย่าง
และมีพวกอาหารอิตาเลี่ยนให้ทาน
ราคาจะสูงหน่อย แต่แลกกับบรรยากาศอิ้มว่าคุ้มค่ะ
ถ้ามากับแฟนแนะนำให้มาจองโซนนี้นะคะ โรแมนติกมากกก
ช่วงเวลาที่แสนพิเศษของเราสองคน
อาหารอร่อยทุกจาน แถมบรรยากาศก็โรแมนติกมากด้วยค่ะ
ปิดท้ายความสุขไว้กับภาพนี้นะคะ
สำหรับThe Naka Island, A Luxury Collection Resort & Spa, Phuket
ส่วนตัวอิ้มชอบมาก ไม่ผิดหวัง ที่นี่สวยมาก สวยกว่าที่คิดไว้
ประทับใจหลากหลายจุดของที่นี่ค่ะ
เป็นรีสอร์ทที่ควรค่ากับการมาพักผ่อน
รับรองว่าจะต้องประทับใจตั้งแต่ก้าวแรกที่มาถึงเหมือนอิ้มแน่นอนค่ะ
******************************************************
ก่อนรีวิวนี้จะจบลง
ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามจนมาถึงบรรทัดนี้
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ ขอบคุณทุกไลค์ ขอบคุณทุกแชร์
เป็นกำลังใจที่ดีในการทำรีวิวมากๆ
ถ้าชอบก็ฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะคะ
อัพเดทเรื่องกิน เช็กอินเรื่องเที่ยว ได้ที่นี่ psstory เรื่องราวดีๆในการเดินทาง
แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้านะคะ สวัสดีค่ะ
******************************************************
ช่องทางติดต่อเรา
http://www.psstorytrip.com
http://www.facebook.com/psstorytrip
http://www.instagram.com/psstorytrip
http://www.youtube.com/psstorytrip