สวัสดีค๊าาาา รีวิวนี้ขอพาไปใช้ชีวิตแบบหรูหรากลางกรุง ที่ Hotel Muse Bangkok
โรงแรมสุดชิค ที่มีความบูทิค สูงมาก
Hotel Muse Bangkok เป็นโรงแรมในใจอิ้ม มาพักใหญ่แล้วค่ะ
ชอบที่นี่มานาน หลงรักสไตล์การตกแต่งแบบนี้ มีทั้งความยุโรปแบบคลาสสิก
ผสมผสานกับความงามในสไตล์เอเชีย
ทุกอย่างผสมผสานกันได้อย่างลงตัว เรียบหรู ดูดี
ใครมาพักที่นี่รับรองว่าจะหลงเสน่ห์ ไปกับทุกรายละเอียดของโรงแรมแน่นอน
เป็นความตั้งใจของ M Gallery ที่ดีงามมากๆ
สมกับเป็นโรงแรมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ
โรงแรมสุดหรูในกรุงเทพตั้งอยู่ในกลางเมืองกรุง
ใครกำลังสนใจหรือรอรีวิวที่นี่อยู่
เดี๋ยวรีวิวนี้อิ้มจะพาไปทำความรู้จักที่นี่ให้มากขึ้น ตามไปอ่านกันค่ะ
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมของทางโรงแรม
https://hotelmusebangkok.com/th/
ขอฝากบ้านหลังเล็กๆอีกหนึ่งหลังของอิ้มด้วยจ้า
https://www.facebook.com/psstorytrip
Hotel Muse ตั้งอยู่ในซอยหลังสวน
หากขับรถมาก็สามาถขึ้นไปจอดบนอาคารจอดรถของโรงแรมได้เลย หากไม่ได้นำรถมา
ก็สามารถใช้บริการ BTS มาลงที่สถานีชิดลม เดินมาที่ รร อีกแค่ประมาณ 300-400 เมตร
shuttle ของโรงแรมคันนี้ สามารถไปส่งฟรีที่ BTS ชิดลม เพื่อใครอยากไปท่องเที่ยว
ย่าน สีสม สยาม สุขุมวิท เรียกว่าสะดวกสบายมาก
พอเข้ามาในโรงแรมต้องบอกเลยว่า เหมือนเวลาหยุดอยู่กับที่
สวยสะกดใจมาก ตั้งแต่ตัว ล็อบบี้
แรงบันดาลใจของโรงแรม ก็คือการบอกเล่าเรืองราวความพิเศษ เ
ชิญชวนให้ผู้เข้าพักได้สัมผัสและเรียนรู้เรื่องราวของการผจญภัย ความโรแมนติก
ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ธรรมชาติ และ สิ่งต่างๆ
ให้เป็นที่น่าจดจำระหว่างที่การเข้าพัก ร่วมค้นหาสิ่งเหล่านั้นได้ที่นี่
นั่งทาน welcome drink ให้ชื่นใจกันก่อนค่ะ
welcome drink ที่นี่เค้ามีให้ถึง 4 แก้ว 4 รสชาติ มีทั้งแบบ cocktails และ mocktails
เริ่ดมากกกกกกกกกก
เช็คอินเสร็จแล้วก็ได้เวลาขึ้นไปยังห้องพักค่ะ
การออกแบบตกแต่งภายในของห้องพักและห้องสวีททั้ง 174 ห้องของโฮเทล มิวส์ แบงค็อก
ซึมซับอิทธิพลจากสไตล์ยุโรปคลาสสิกผสมผสานความงามวิจิตรในสไตล์เอเชีย
มาเริ่มต้นกับ Roomtype ที่อิ้มพักนะคะ
ดาวดึงส์ คอร์เนอร์ ดีลักซ์ (มิวส์ แกรนด์ ดีลักซ์)
ภายในห้องมีพื้นที่: 39 ตร.ม.
ตกแต่งสไตล์ย้อนยุค มีความเรียบหรู เหมือนผู้ดีเก่า
ภายในมีโซฟาน่านั่ง แบ่งแยกพื้นที่สำหรับการทำงาน มี iPod Docking Station
สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
ความพิเศษของ ดาวดึงส์ คอร์เนอร์ ดีลักซ์ (มิวส์ แกรนด์ ดีลักซ์)
ตัวห้องตั้งอยู่ในตำแหน่งมุมของอาคาร
ทำให้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกลขึ้นจากหน้าต่างสองทิศทาง
ภายในห้องน้ำค่ะ
ห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำแบบมีขาสิงห์ เลียนแบบศิลปชั้นสูงในยุโรป
ห้องอาบน้ำแยกออกจากกันเป็นสัดส่วน อ่างล้างหน้าลงยา กระจกสไตล์เวเนเชียน
และพื้นหินอ่อนสีดำ ดูหรูหรา น่าค้นหา
พร้อมของใช้ภายในห้องน้ำซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของโฮเทล มิวส์ มีครบครัน
ต่อมาเป็น นิมมานสวีท (มิวส์สวีท)
พื้นที่ 84 ตร.ม.
ห้องนิมมาน สวีท ประกอบด้วยห้องนอนและห้องนั่งเล่นแยกออกจากกัน
ห้องที่ตั้งอยู่บนชั้น 17 มีเทอร์เรซส่วนตัวที่ได้รับการออกแบบภูมิทัศน์อย่างงดงาม
การตกแต่งเป็นแบบร่วมสมัย
พื้นที่ภายในห้องแบ่งส่วนต่างๆ ได้ดี พื้นที่เยอะมากกกก สามารถจัดปาร์ตี้ขนาดย่อมได้เลยค่ะ
มุมโต๊ะทำงาน
มุมทานข้าว
ภายในห้องนอน
ส่วนของห้องน้ำ มีความเซ็กซี่เบาๆ
แต่ที่นี่สามารถเลื่อนผ้าม่าน ปิดเปิดได้นะคะ ไม่ต้องกลัวโป๊
ส่วนของห้องน้ำ จะให้หินอ่อนสีน้ำตาล มาตกแต่ง
ด้านนอกมี เทอร์เรซส่วนตัว ที่กว้างขวางมองวิวทิวทัศน์ได้อย่างสวยงาม
ต่อมาค่ะ ดุสิต ดูเพล็กซ์ (มิวส์ ดูเพล็กซ์ สวีท)
พื้นที่: 76 ตร.ม.
ดูเพล็กซ์ ก็คือห้องสวีท 2 ชั้นที่พื้นที่ห้องนั่งเล่นและห้องนอนแยกชั้นกันเป็นสัดส่วน
โดยรวมจะใช้ไม้และสีน้ำตาลเป็นหลัก ทำให้ภายในห้องดูหรูหรา
แบ่งแยกสัดส่วนชัดเจน มีทั้งห้องนั่งเล่น
ห้องทานอาหาร
ห้องน้ำที่อยู่บริเวณชั้นล่าง
ด้านบนจะเป็นห้องนอน
ห้องน้ำที่อยู่ด้านบน
ชมบรรยากาศภายในห้องพักเสร็จ ก็เย็นย่ำใกล้ค่ำพอดี
มาที่ชั้น 24 ค่ะ เดินผ่านห้องๆ นึงเป็นห้องที่ดูลึกลับชื่อ Blind Pig ซึ่งเป็นซิก้าร์รูม
มีเสื้อคลุมและหมวกให้ใส่ เพื่อไม่ให้กลิ่นของซิก้าร์ไปอยู่บนเสื้อผ้าของเราค่ะ
อีกหนึ่งไฮไลท์ของที่ Hotel Muse Bangkok
นั่นก็คือ The Speakeasy Rooftop bar
บาร์ที่นี่ได้แรงบันดาลใจมากจากยุคสมัยที่แอลกอฮอล์ เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย
แต่คนรวยทั้งหลาย ต่างก็อยากออกไปพบปะสังสรรค์ จึงใช้โค้ดลับว่า SPEAK EASY
เป็นที่รู้กันว่า ไปดื่มกันนะ
ที่นี่ได้รับรางวัลการันตีว่าเป็นบาร์ที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ
ตั้งอยู่บนชั้น 24 และ 25 ของโฮเทล มิวส์ แบงค็อก
ด้านบนนี้บอกเลยว่ามีทิวทัศน์อันงดงาม บรรยากาศสวยงาม
เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา : 17:30 น. – 1:00 น.
บาร์ในชั้น 24 บรรยากาศชิลมาก
ต่อมาเป็นส่วนของชั้น 25 นะคะ พื้นที่จะกว้างขวางกว่าและเห็นได้มากกว่าชั้น 24
และสำหรับใครอยากจะมาจัด Private Party ที่นี่เหมาะมากกก
เพราะเค้ามี ห้อง Private เอาไว้บริการ
ไปดูสระว่ายน้ำกันค่ะ ขนาดไม่ใหญ่ แต่วิวสวยทีเดียว
ได้เวลาทานมื้อค่ำกันแล้วค่า
วันนี้เราจะทานอาหารเย็นที่ ห้องอาหาร MEDICI Kitchen & Bar ( เมดิชี่ คิทเช่น แอนด์ บาร์ )
ร้านอิตาเลี่ยนแนวร่วมสมัยที่อยู่ชั้นใต้ดินของโรงแรม
การตกแต่งสไตล์ Neo-Industrial กับบรรยากาศที่ผสมผสานระหว่างความหรูหราของยุโรป
และวัฒนธรรมเอเชียสมัยรัชกาลที่ 5
ตกแต่งด้วยกำแพงอิฐ เหล็กดัด ถังไม้ เหล็กบาร์บิคิว และตะเกียงบุผ้าไหม
ห้องอาหาร MEDICI Kitchen & Bar ( เมดิชี่ คิทเช่น แอนด์ บาร์ )
เป็นเจ้าของรางวัลชนะเลิศหลากหลายรางวัล
และยังได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในห้องอาหารอิตาเลี่ยนที่ดีที่สุดในกรุงเทพมหานคร
ได้เวลาทานอาหารกันแล้วค่ะ มาทำความรู้จัก Executive Chef กันหน่อยดีกว่า
Executive Chef Bart Cywinski ผู้ที่ชื่นชอบการปรุงอาหารจากวัตถุดิบธรรมดาๆ
ให้กลายเป็นจานที่โดดเด่น
และยังเน้นใช้วัตถุดิบออร์แกนิคและวัตถุดิบท้องถิ่นจากสถานีเกษตรโครงการหลวง
มาผสมผสานรังสวรรค์เป็นอาหารรสเลิศให้เราได้ลองทาน
แต่ตอนนี้อิ้มไม่ใช่แค่อาหารอย่างเดียวที่น่าทานนะคะ หน้าตาเชฟยังน่าทานมากด้วย อิอิ
แอบมองเทออยู่นะจ้ะ ^^
มาเริ่มที่เครื่องดื่มกันเลยค่ะ Cocktail แก้วนี้ชื่อ Ginlet สีสวยหวานมากกก
ต่อมาเป็น mocktail ชื่อ Almost a wine cooler
เครื่องดื่มน่าทานเพราะน้องที่มาเสิร์ฟสวยมากด้วยรึเปล่า อันนี้ไม่แน่ใจ
มาเริ่มที่ Starter ค่ะ Pumpkin soup ซุปฟักทองอุ่นๆ รสชาติกลมกล่อม ละมุนมาก
เรียกน้ำย่อยได้ดีทีเดียวค่ะ
ต่อมา Foie gras ravioli THB 650 จานนี้อร่อยมากกกกกกกกกก
Topping ด้วย ทรัฟเฟิลไปอีกกกก อะไรจะดีแบบนี้ หลงรักมากกกค่ะ
Spaghetti Seafood จานนี้ ราคา THB 580 ให้เยอะทั้งเครื่องทั้งเส้น รสชาติกล่อมกล่อม ถูกใจ
ต่อมา Tum Yum tagliatelle (เมนูนี้ เป็นเมนูพิเศษ ขายคู่กับ wine 1 แก้ว ราคา 999 บาท)
ในเล่มเมนูจะไม่มีเมนูนี้นะคะ แต่ลองสอบถามกับพนักงาน โดยเอาภาพนี้ให้พนักงานดูได้เลยค่ะ
จานนี้บอกเลยว่าใครชอบทานเฟสตูชินี่ ห้ามพลาด
เพราะเส้นมีความเหนียวหนึบ บวกกับต้มยำ สูตรจัดจ้านและเข้มข้น
อร่อยมากกกกกกกกก
Beef Rossini จานนี้ราคา THB 1,650
เทนเดอร์ลอยด์จานนี้เชฟทำออกมาได้ดีมากกกก สุกพอดี on top มาด้วยฟัวกราส์
ซึ่งฟัวกราส์ชิ้นโตแทบจะเท่าเทนเดอร์ลอยด์
ปิดท้ายด้วยการโรยทรัฟเฟิลเข้าไปอีก
สำหรับอิ้มแล้วเมนูนี้คือ รวมรวบสิ่งที่อิ้มรักสองสิ่งเข้าด้วยกัน
The Best ที่สุด อร่อยมากกกกกกก
ราดซอสหน่อย อร่อยลืมมมมมม
น่าทานมากกกก ทำรีวิวไปน้ำลายไหลไป
ต่อมาเป็นของหวานค่ะ
Profiteroles ราคา THB 520 ข้างในสอดใส้ครีมรสลาเวนเดอร์ ใครชอบกลิ่นลาเวนเดอร์ต้องลองนะคะ
สุดท้ายเป็น Crème brulee ราคา THB 450 การตกแต่งมีความฟรุ้งฟริ้งค์ มุ้งมิ้งค์มากกกก
ปิดท้ายไปด้วย Tiramisu ราคา THB 300
สำหรับใครที่สนใจมาทาน แนะนำให้จองผ่านลิ้งค์นี้ รับส่วนลดพิเศษสูงสุดถึง 50%
เมื่อสำรองที่นั่งออนไลน์ที่ https://bit.ly/2zgiP9U
อาหารที่นี่อร่อยมากกกก แนะนำให้มาทาน ถึงไม่ได้เข้าพักก็มาทานได้
Medichi Kitchen & Bar
เปิดให้บริการ กลางวัน 12.00 – 14.30
มื้อค่ำ 18.00 – 23.00
Good Morning kaaaa ^^ เช้านี้ตื่นมาด้วยความสดชื่น เตียงนอนนุ่มหลับสบายมากกกก
สำหรับใครที่ชอบอ่านหนังสือพิมพ์เค้าก็มีมาส่งถึงหน้าห้อง
อาบน้ำแล้วไปทานอาหารเช้ากันค่ะ
ต้องบอกเลยว่าอาหารเช้าที่นี่จัดว่าดีมาก มีอาหารหลากหลาย และคุณภาพดีเยี่ยม
รสชาติอร่อย เดินทานได้เพลินมากกกก
ได้เวลาเช็คเอาท์ ขอทิ้งท้ายไว้ด้วยภาพนี้นะคะ
โดยรวมสำหรับ Hotel Muse Bangkok
เป็นโรงแรมที่ดีไซน์สวยถูกใจอิ้มมาก เรียบหรูดูดี
มีดีเทลทุกจุด สมเป็น โรงแรมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศโรงแรมสุดหรูในกรุงเทพตั้งอยู่ในกลางเมืองกรุง
เดินทางง่ายสะดวกสบาย และราคาห้องพักไม่แรง
มีห้องพักหลากหลายไว้รองรับกลุ่มลูกค้า มาเที่ยวกับครอบครัวก็ดี กลุ่มเพื่อนก็ได้
ส่วนห้องอาหาร อาหารโดยรวมจัดว่าอร่อยมาก และวัตถุดิบดีเยี่ยม
******************************************************
ก่อนรีวิวนี้จะจบลง
ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามจนมาถึงบรรทัดนี้
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ ขอบคุณทุกไลค์ ขอบคุณทุกแชร์
เป็นกำลังใจที่ดีในการทำรีวิวมากๆ
ถ้าชอบก็ฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะคะ
อัพเดทเรื่องกิน เช็กอินเรื่องเที่ยว ได้ที่นี่ psstory เรื่องราวดีๆในการเดินทาง
แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้านะคะ สวัสดีค่ะ
******************************************************
ช่องทางติดต่อเรา
http://www.facebook.com/psstorytrip