ดานัง ฮอยอัน ฉันรักเธอ (เที่ยวเวียดนามฉบับกระทัดรัด 3 วัน 2 คืน)

สวัสดีค๊าาาาาาาาาา

วันนี้ขอลากเสียงยาวนิสสสนุง

ก็อิ้มจะพาทุกคนไปเที่ยวต่างประเทศจ้าาาาา เอาจริงๆ ไม่ไกลเท่าไหร่

เป็นประเทศเพื่อนบ้านเรานี่แหละ

แต่บอกเลยว่าเป็นประเทศที่มีความสวยมากกก ที่นี่คือเวียดนาม  จร้าาา

 อิ้มว่าถ้าในเรื่องธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยว เวียดนามเป็นประเทศที่ควรค่าแก่การมามาก

เวียดนาม มีหลากหลายสถานที่ ที่น่าสนใจ และมาครั้งเดียวก็คงไม่พอ

ก็ต้องแบ่งสัดส่วนการเที่ยวกันไปนะคะ

สำหรับอิ้ม ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้มาเวียดนาม

เส้นทางที่เลือกมาเที่ยวครั้งนี้ บอกเลยว่าไม่ธรรมดา เพราะอิ้มจะพาไปเที่ยว ดานัง ฮอยอัน

ตั้งอยู่ที่เวียดนามกลาง ทั้งสองเมืองเป็นเมืองสุดคลาสสิก

แต่อิ้มจะขอพาเที่ยวในแบบฉบับกระทัดรัด  3 วัน 2 คืน

เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาน้อย

และอยากไปในสถานที่ ที่สวยๆ ราคาสบายกระเป๋า

อิ้มจะพาไปเที่ยวแลนด์มาร์กสำคัญที่ตอนนี้ฮิตมากกกกกกกก

นั่นก็คือ Bana Hills

เปิดเฟส เปิดอินตราแกรม เปิดทวิตเตอร์ ก็มีแต่คนมาเช็คอินที่นี่

เห็นภาพแล้วอยากจะวาร์ปตามไปเดี๋ยวนั้น

ตอนดูในรูปว่าสวยมากแล้วนะ

แต่พอมาจริงๆ คือโครตสวย สวยกว่า อลังการกว่า ที่เราเห็นในภาพเยอะมาก

และเพิ่มความฟินด้วยการเข้าพักบน Bana Hills

กับ โรงแรม Mercure Banahills French Village ที่บรรยากาศฝรั่งเศ้สสสสส ฝรั่งเศสมากกกกก

เหมือนอยู่ฝรั่งเศสจริงๆ แต่ราคาเริ่มต้น 2,000 บาทเท่านั้น

นอนที่นี่หนึ่งคืน ตื่นเช้าถ่ายภาพเพลินๆ มีรูปลงเฟส ลงโซเชี่ยลมีเดียได้ทั้งปีแน่นอน

หลังจากนั้นอีกคืน ไปเที่ยวเมืองเก่าฮอยอัน  เมืองมรดกโลก ที่สวยงามสุดคลาสสิก

และเข้าพักที่ Hotel Royal Hoi An, MGallery by Sofitel โรงแรมสวยริมแม่น้ำ Thu Bon

ที่นี่เค้ามีจักรยานให้ใช้ฟรี ปั่นไปย่านเมืองเก่าแค่เพียง 5 นาทีเท่านั้น

ย่านเมืองเก่าฮอยอัน สวยงามมากกก

เป็นสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างจีน ญี่ปุ่น และเวียดนาม

 มีบ้านไม้ทรงเตี้ยเรียงเป็นแถวสองฝั่งทาง มีร้านค้า และ ร้านกาแฟ เก๋ๆ ให้นั่งชิล

ได้บรรยากาศอีกฟิลนึง เลยค่ะ

และปิดท้ายทริป ด้วยการนั่งเรือกระด้ง หนึ่งในลิสท์ที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเยือนฮอยอัน

เรียกว่า สนุกสนาน เฮฮา น้ำตาไหลกันเลยทีเดียว

การเดินทางก็ง่ายแสนง่าย เพราะ สายการบินไทยแอร์เอเชีย เค้ามีบินตรงสู่เส้นทางดานัง ทุกวัน

วันละ 2 ไฟล์ท โดยมีไฟล์ท FD 636 ดอนเมือง – ดานัง 09.50 – 11 .30

และ FD 638 ดอนเมือง – ดานัง 15.10 – 17 .00

ขากลับจากดานัง มาดอนเมืองอีก 2 ไฟล์ท

FD 637 ดานัง – ดอนเมือง 12.00 – 13 .35

และ FD 639 ดานัง – ดอนเมือง 17.30 – 19 .15

ใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ชั่วโมง 40 นาที เท่านั้น เดินทางสะดวกสบายและใกล้เพียงไม่กี่อึดใจ

เอาหล่ะ อย่ารอช้าเพราะอิ้มพร้อมที่จะพาทุกคนไปแล้วกันแล้วในรีวิวนี้

ดานัง ฮอยอัน ฉันรักเธอ (เที่ยวเวียดนามฉบับกระทัดรัด 3 วัน 2 คืน)

พร้อมแล้วไปชมกันเล้ยยยยยยย

00

ก่อนจะเดินทางไปเวียดนาม มาดูสิ่งที่ควรรู้ และเตรียมตัวก่อนเดินทางกันดีกว่าค่ะ

1 . ประเทศเวียดนาม แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ

เวียดนามเหนือ (ในกรุงฮานอย ซาปา ฮานอย ฮาลองเบย์ )

บริเวณเวียดนามกลาง (เว้ ดานัง ฮอยอัน)

และเวียดนามใต้ (โฮจิมินห์ – ดาลัด – มุยเน่ )

เราต้องดูสภาพอากาศให้ดีก่อนเดินทาง อย่างอิ้มไปเวียดนามกลาง และไปบานาฮิล

ก็ต้องเอาเสื้อหนาๆ ติดไว้ เพราะได้ยินมาว่าที่นี่อากาศเย็นตลอดปี

2. เงิน 

 หน่วยเงินที่ใช้ในเวียดนามคือ “เวียดนามดอง” (VND) ซึ่งอิ้มได้แลกเงินจากไทยไป

1 ดงเวียดนาม เท่ากับ 0.0014 บาท (เรทเงินแล้วแต่ช่วงเวลา แต่ ณ วันที่อิ้มไปเรทเท่านี้)

สามารถแลกได้ที่ Superrich ทุกสาขา

3. เตรียมที่พักให้เหมาะกับการเดินทาง 

ที่พักดีมีชัยไปกว่าครึ่ง เลือกที่พัก ที่ใกล้แหล่งท่องเที่ยว จะได้ไม่เหนื่อยกับการเดินทาง

4. เสื้อผ้า ยา อุปกรณ์ชาร์ตแบต ปลั๊ก สิ่งของจำเป็น เตรียมไปให้พร้อม

5. พาสปอร์ต (Passport)

นักท่องเที่ยวไทยสามารถอาศัยอยู่ในประเทศเวียดนามได้เป็นเวลา 30 วัน

โดยไม่จำเป็นต้องขอวีซ่า แต่เอกสารที่สำคัญที่สุดที่ขาดไม่ได้อย่างเด็ดขาดเลย

นั่นก็คือหนังสือเดินทาง หรือ พาสปอร์ต (Passport)

ที่อายุเดินทางควรมีมากกว่า 6 เดือนขึ้นไป

และที่สำคัญอย่าลืมตรวจสอบวันหมดอายุให้เรียบร้อยก่อนเดินทางด้วยนะคะ

6. แพลนการเดินทาง

จะเดินทางไปไหนอย่างไร ควรเตรียมแพลนให้พร้อม จะได้ไม่เสียเวลาเที่ยว

และจะเพิ่มอรรถรสในการท่องเที่ยวให้ได้มากยิ่งขึ้น

เช่น ศึกษาสถานที่ ที่จะไป ว่ามันคืออะไร  เจดีย์นี้คืออะไร สะพานนี้คืออะไร แล้วชั้นจะถ่ายรูปไปทำไม

พอไปถึงจะได้ไม่ต้องยืนงง ในดง ต่างๆ จร้าาาา

7. Pocket Wifi และซิมการ์ด 

ไม่พลาดทุกการเชื่อมต่อสื่อสาร ใครธุระมากต้องรับสายตลอดก็แนะนำซื้อซิมไปนะคะ

ส่วนอิ้มธุระน้อย ก็เอาไปแค่ Pocket Wifi พอ

8. แท็กซี่เวียดนาม 

แท็กซี่ที่นี่ส่วนมากจะเหมา กดมิเตอร์ก็มีแต่จะน้อย แต่ราคาถูกและสะดวกกว่า

เมื่อเทียบกับรถโดยสารแบบอื่น  คนมาที่นี่จึงนิยมใช้บริการแท็กซี่ ซะส่วนใหญ่

แต่แท็กซี่เวียดนาม ค่อนข้างขี้โกง บางคนถึงกับบอกว่า

” ไปเวียดนามไม่โดนโกงเหมือนมาไม่ถึง “

ซึ่งอิ้มกลับโชคดีที่รอบนี้ไม่โดนโกงเลยสักนิด แต่รอบหน้าก็ไม่แน่ 5555

แต่จริงๆ ก็เหมือนจะโดนนิดนึงน่า น่าจะเป็นค่าเรือกระด้งหรือเรือตระกร้า

อาจจะเป็นเพราะเส้นทางที่อิ้มไปค่อนข้างใกล้ ก็เลยตกลงราคาได้ไม่ยาก

และโชคดีที่เจอแท็กซี่ที่ดี

แต่แนะนำให้เรียก Grab จะชัวร์ที่สุด

หรือถ้าไม่เรียก Grab ก็ควรตกลงราคาพร้อมกับถ่ายวีดีโอตอนตกลงราคาไว้ทุกครั้ง

เพื่อจะได้ป้องกันไม่ให้ตุกติกทีหลัง

และไม่ว่าจะทานอาหาร หรือทำอะไร ต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ

ตรวจสอบบิลและใบเสร็จทุกครั้งหลังทานอาหารและซื้อของ

เพื่อความถูกต้องและความสบายใจ

แต่สุดท้าย ท้ายที่สุด ก็ขึ้นอยู่โชคชะตา และบุญกรรมที่ทำมาเด้ออออ

รู้เรื่องการเตรียมตัวก่อนเดินทางแล้วก็เตรียมแพ็คกระเป๋า

ออกเดินทางกันเลยค่ะ

ทริปนี้อิ้มจะพาไปเที่ยว 3 วัน 2 คืน

Day 1 ดอนเมือง – ดานัง – บานาฮิล

เข้าพักที่ โรงแรม Mercure Banahills French Village

Day 2 เที่ยวบน บานาฮิล บ่ายเดินทางมาฮอยอัน เที่ยวย่านเมืองเก่า

เข้าพักที่ Hotel Royal Hoi An, MGallery by Sofitel

Day 3 เที่ยวย่านเมืองเก่าฮอยอัน

ก่อนกลับ นั่งเรือกระด้ง และเดินทางกลับกรุงเทพ

มาเริ่มกันเลยค๊าาาาา

สามารถรับชมเป็นแบบคลิปวีดีโอได้ที่นี่ อย่าลืมกด HD เพื่อความชัดในการรับชม

แล้วอย่าลืมกดติดตาม กด subscribe กดไลก์ กดแชร์ให้อิ้มด้วยน๊าาา

Day 1 ดอนเมือง – ดานัง – บานาฮิล

อย่างที่บอกไปตอนต้นนะทุกคน ว่าสายการบินไทยแอร์เอเชีย

 เค้ามีบินตรงสู่เส้นทางดานัง ทุกวัน

วันละ 2 ไฟล์ท โดยมีไฟล์ท FD 636 ดอนเมือง – ดานัง 09.50 – 11 .30

และ FD 638 ดอนเมือง – ดานัง 15.10 – 17 .00

ขากลับจากดานัง มาดอนเมืองอีก 2 ไฟล์ท

FD 637 ดานัง – ดอนเมือง 12.00 – 13 .35

และ FD 639 ดานัง – ดอนเมือง 17.30 – 19 .15

ใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ชั่วโมง 40 นาที เท่านั้น เดินทางสะดวกสบายและใกล้เพียงไม่กี่อึดใจ

ซึ่งในขาไปน้านนนนอิ้มบินไฟล์ท FD 636 ดอนเมือง – ดานัง 09.50 – 11 .30 ค่ะ

1 (1)

1 (2)

บินกะแอร์เอเชียเช้าๆ แบบนี้แนะนำสั่งอาหารทานนะ สั่งล่วงหน้าออนไลน์ ยิ่งถูก

อย่างกะเพราไก่หม่อมหน่อย อิ้มสั่งทานประจำ

และตอนนี้บนเครื่องยังมีเมนูให้เลือกทานมากมาย ลองคลิ๊กรายละเอียดเพิ่มได้ที่

https://www.airasia.com/th/th/home.page เด้อ

1 (3)

ทานข้าวเสร็จชมวิวเพลินๆ แค่ ชั่วโมง 40 นาทีก็มาถึง

สนามบินนานาชาติ Da Nang International Airport แล้วค่ะ

1 (4)

รอบนี้อิ้มพก GoPro HERO6 Black ไปด้วยเพื่อความสะดวกสบายในการถ่ายภาพและวีดีโอ

ก็เจ้า GoPro HERO6 Black เค้ามีความละเอียดของกล้องนั้น อยู่ที่ 12 ล้านพิกเซล

ถ่ายภาพนิ่งเก็บไฟล์แบบ RAW ได้ แบตเตอรี่ความจุ 1,220 mAh

ตัวเครื่องที่มีความสามารถกันน้ำได้ลึกถึง 10 เมตร,

หน้าจอ LCD สีที่ด้านหลังกล้องขนาด 2 นิ้วสั่งการแบบสัมผัส

มีระบบสั่งการด้วยเสียง ที่รองรับคำสั่งเสียงได้ถึง 10 ภาษา

มีติดตั้งระบบพิกัด GPS ในตัว,

ระบบการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นผ่าน Wi-Fi และ Bluetooth,

รองรับการเชื่อมต่อกับ Cloud เพื่อแบ็คอัพไฟล์ภาพและวิดีโอขึ้นไปเก็บให้โดยอัตโนมัติ

เริ่ดขนาดนี้ไม่พกไปได้ไง

ภาพไหนอิ้มใช้ Go pro จะลงลายน้ำไว้เน้อ ไปดูกันว่าโอเคไหม

แต่ส่วนตัวอิ้มว่าไฟล์ภาพจัดว่าดีใช้ได้ เวลาถ่ายภาพได้มุมมองใหม่ๆ ขึ้นเยอะ

81hF4eUx5vL._SL1500_

กลับมาที่ดานังจ้า จริงในเมืองดานังเองมีที่เที่ยวหลายที่ มีทะเล และร้านอาหารริมทะเลอร่อยๆ

มีเมืองเก่า และภูเขา

ซึ่งเอาจริงๆ น่าเที่ยวทุกที่ ถ้าจะให้ดีอิ้มว่าควรเพิ่มเป็น 3 คืน 4 วัน

จะได้มาเที่ยวในตัวเมืองดานัง และทะเลดานัง ด้วยจะครบมาก

แต่สำหรับอิ้มเวลาน้อยก็ต้องเลือกที่ดีที่สุด

และสถานที่ ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของดานัง ก็คือ Ba Na Hill บาน่าฮิลล์

เมื่อมาถึง สนามบินนานาชาติ Da Nang International Airport

แล้วก็ออกมาด้านนอกได้เลย  บาน่าฮิลล์ห่างจากสนามบินประมาณ 22 กิโล

การเดินทางสู่ Bana Hills ก็มีด้วยกันหลากหลายวิธีค่ะ

1. นั่งรถแท็กซี่ ต้องระวังให้ดีนะคะ หรือไม่ก็เรียก Grab ไปเลยเพื่อความชัวร์

และราคาต้องไม่เกิน 450,000 ดองนะ

2. เช่ารถขับ

3. อย่างอิ้ม อิ้มจองโรงแรม Mercure Banahills French Village

ซึ่งตั้งอยู่บน Banahills เป็นโรงแรมแห่งเดียวเลยค่ะ ราคาห้องพักแค่ 2000 ต้นๆ

เค้าก็จะมีบริการรับรับส่งสนามบิน มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

ราคาอาจจะสูงหน่อย แต่สะดวกสบาย และไม่โดนโกงแน่นอน

รถตู้ที่มารับเราค่ะ เค้าจะรอเราพร้อมถือป้ายชื่อ หน้าประตูทางออกสนามบิน

ให้เราถามรายละเอียดและตรวจสอบให้ชัดเจน

แล้วค่อยเดินตามเค้าออกมาที่รถนะคะ

1 (5)

นั่งรถมาไม่นานเค้าก็พาเรามาส่ง ณ จุดหมาย แต่ตรงนี้ยังไม่ใช่ บานาฮิล นะตัวเธอ

การขึ้นมาเที่ยวบนบานาฮิลทำได้สองแบบคือ

1. One day trip

One day trip ในที่นี้ก็จะหมายถึงการเที่ยวไปเช้าเย็นกลับ รถจะมาส่งอีกที่นึง

ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายในการขึ้นไปด้านบน ผู้ใหญ่คนละ 650,000 VND

เด็กความสูง 100 เซ็นต์ -130 เซ็นต์ คนละ 550,000 VND

เด็กความสูงต่ำกว่า 100 เซ็นต์ ฟรี

ราคานี้รวมค่ากระเช้าไฟฟ้า ค่าข้าสวนสนุก Fantasy Park และเล่นเครื่องเล่นได้ฟรี

(ส่วนใหญ่ฟรี มีบางส่วนที่เสียเงินเพิ่ม ที่เสียเงินเพิ่มจะมีพวกหยอดเหรียญและเกมส์ตู้ต่างๆ )

– สามารถนั่งกระเช้าที่ Gare Morin ไปเที่ยวสวนดอกไม้ LE JARDIN D’AMOUR

และชมโรงไวน์ DEBAY WINE CELLAR ฟรี

2. มาพักที่โรงแรม 1 คืน ที่โรงแรม Mercure Danang French Village Bana Hills

ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายในการขึ้นกระเช้าไปด้านบน ผู้ใหญ่คนละ 400,000 VND

เด็กความสูง 100 เซ็นต์ -130 เซ็นต์ คนละ 350,000 VND

ราคานี้รวมค่ากระเช้าไฟฟ้า ค่าข้าสวนสนุก Fantasy Park และเล่นเครื่องเล่นได้ฟรี

(ส่วนใหญ่ฟรี มีบางส่วนที่เสียเงินเพิ่ม ที่เสียเงินเพิ่มจะมีพวกหยอดเหรียญและเกมส์ตู้ต่างๆ )

– สามารถนั่งกระเช้าที่ Gare Morin ไปเที่ยวสวนดอกไม้ LE JARDIN D’AMOUR

และชมโรงไวน์ DEBAY WINE CELLAR ฟรี

ซึ่งถ้าใครพักโซนโรงแรม รถเค้าส่งมาส่งตรงนี้ ให้เรากดลิฟท์มาด้านบน ก็จะเจอกับล็อบบี้แบบนี้

ให้เราเดินเข้าไปเช็คอินได้เลยค่ะ

1 (6)

หลังจากเซ็นต์เอกสารเรียบร้อยแล้ว

ต่อมาเราจะต้องจ่ายค่ากระเช้าเพื่อขึ้นไปบนโรงแรม

ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายในการขึ้นกระเช้าไปด้านบน ผู้ใหญ่คนละ 400,000 VND

และเด็กความสูง 1 M-1.30 M คนละ 350,000 VND

ยังไงก็ต้องจ่ายนะคะ เพราะค่ากระเช้าไม่รวมกับค่าโรงแรมค่ะ

รายละเอียดเพิ่มเติมของโรงแรม

Website https://www.accorhotels.com/th/thailand/index.shtml
Facebook : https://www.facebook.com/MercureBanahills/
และข้อมูลท่องเที่ยว เทศกาลต่างๆบน Ba Na Hills ได้ที่ http://banahills.sunworld.vn/en/

ได้บัตรมาแล้วก็พร้อมลุยค่าาาา

1 (7)

ไฮไลท์อีกอย่างของการมาเที่ยวบานาฮิลก็คือการมานั่ง กระเช้าไฟฟ้าหรือ Cable car

Cable Car ของที่นี่ ที่ได้รับการบันทึกสถิติโลกโดยกินเนสส์

เอาไว้ถึง 4 หมวดความเป็นที่สุดเลยนะคะ

1. กระเช้าไฟฟ้าประเภทไม่มีการหยุดแวะ (แบบเคเบิลเดี่ยว)

ระยะทางยาวที่สุดในโลก 5,801 เมตร

2. กระเช้าไฟฟ้าประเภทไม่มีการหยุดแวะ (แบบเคเบิลเดี่ยว)

ระยะจากฐานสู่ยอดสูงที่สุดในโลก 1,368 เมตร

3. กระเช้าไฟฟ้าที่สายเคเบิลยาวที่สุดในโลก 11,587 เมตร

4. ระเช้าไฟฟ้าที่สายเคเบิลหนักที่สุดในโลก 141.24 ตัน

เป็นการขึ้นกระเช้าที่น่าตื่นเต้นมากกกกก

1 (8)

ด้านบนกระเช้าอากาศจะถ่ายเทน้อย อาจจะมีเวียนหัว

แนะนำให้พกยาดมมาด้วย

ระหว่างทางที่ขึ้นกระเช้าสวยงามมากก อิ้มเป็นคนกลัวความสูงนะ

แต่วิวแบบนี้ลืมความกลัวไปเลย

ระหว่างทางขึ้นก็ผ่านน้ำตก นั่งกระเช้าทะลุเมฆขึ้นไป เรื่อยๆ

1 (9)

ขอเอาโกโปร มาแชะภาพกันหน่อย ไม่ต้องหยิบหล้องใหญ่มาถ่าย

มาสองคนหรือคนเดียวก็เซลฟี่กันสบายๆ

DCIM100GOPROGOPR0075.JPG

มันจะกระตุกบ้างเล็กๆ น้อยๆ พอหวาดเสียวแบบกรุบกริบกรุบกริบ

DCIM100GOPROGOPR0077.JPG

ขอเล่าประวัติของ บานาฮิลให้ฟังกันแบบคร่าวๆ ก่อนนะคะ

บานาฮิลล์ เป็นเมืองตากอากาศชื่อดังของเวียดนามตอนกลาง

มานานกว่าร้อยปี ตั้งแต่สมัยที่เวียดนามยังเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส

ตอนที่เวียดนามอยู่ในอาณานิคมของฝรั่งเศส

ทหารมีแนวคิดริเริ่มที่จะสร้างสถานที่พักผ่อนบนเขา

จึงค้นพบหาและพบภูเขาอันสวยงามแห่งนี้

ที่นี่อากาศเย็นสบายตลอดปี โดยรวมสิบองศากว่าๆ นิดๆ

บรรยากาศดี วิวสวย สามารถมองเห็นวิวเมืองดานังได้ทั้งเมือง

ทหารฝรั่งเศสเห็นดีงาม

จึงตกลงปลงใจสร้างบ้านพักตากอากาศบนภูเขาบานาฮิลแห่งนี้

เค้าจึงเริ่มมีการพัฒนาตัดถนนขึ้นสู่ยอดเขา เพื่อก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างทั้งหลาย

เนื่องจากขณะนั้นเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1

ชาวฝรั่งเศสไม่สามารถเดินทางกลับประเทศตนเองได้

จึงสร้างวิลล่า โรงแรม รีสอร์ต และสาธารณูปโภคที่ทันสมัย

จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในสมัยนั้น

พอทหารฝรั่งเศสพ่ายแพ้สงคราม และถอนตัวออกจากเวียดนาม

ชาวท้องถิ่นเวียดนามที่เคยทำงานตามรีสอร์ตและโรงแรมบนเขา

ต่างอพยพกลับภูมิลำเนา

ทำให้เมืองท่องเที่ยวแห่งนี้ถูกทิ้งร้างไปอย่างน่าเสียดาย

หลังจากนั้น ผ่านไปหลายสิบปี เวียดนามเฟื่องฟูมากขึ้น จึงกลับมาสร้างบานาฮิลล์ อีกครั้ง

และยิ่งใหญ่กว่าเดิม

จากเดิมมีถนนขึ้นเขาเส้นเล็กๆ ใช้เวลาเดินทางราวๆ ชั่วโมง ก็เปลี่ยนเป็น

สร้างกระเช้าไฟฟ้าซึ่งใช้เวลาจากตีนเขาสู่ยอดเขาเพียง 15 นาที

Bà Nà Hills Cable Car  สร้างขึ้นตามมาตราฐานยุโรป

โดยบริษัทที่มีชื่อเสียงจากออสเตรเลีย เครื่องมือและเครื่องจักรนำเข้าจากยุโรป

แต่ละเคเบิ้ลจะบรรทุกผู้โดยสารได้ 10 คน และภายในหนึ่งชั่วโมง

สามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 1,500 คน

นั่งกระเช้ามาเรื่อยๆ เราก็จะเริ่มเห็นยอดปราสาทลิบๆ

แว้บแรกที่อิ้มเห็น รู้สึกเหมือนเป็นเมืองในนิยาย ตำนานในวัยเด็ก และนิทานที่เคยได้ยิน

เจ้าหญิงที่อยู่บนปราสาท มันย้อนกลับเข้ามาในความทรงจำ

โอ้ยยยยย นี่มัน เมืองในจิตนาการชัดๆ

และแล้วเราก็นั่งกระเช้าทะลุเมฆหมอกมาถึงที่นี่

Ba-na-hills (ตะโกนเป็นเสียงมิสแกรนด์)

8 (8)

มาถึงแล้วเราก็จะต้องเข้าไปเช็คอินที่ล็อบบี้หลักอีกครั้งเพื่อทำการรับกุญแจห้องนะคะ

รีวิวนี้จะพูดเยอะหน่อย อย่าเพิ่งรำคาญกันนะ

เพราะนี่อิ้มก็เริ่มรำคาญตัวเองแล้วเหมือนกัน

เขียนไม่เสร็จสักที 55555

อยู่ภายในใจเป็นหมื่นล้านคำ บอกให้เธอฟังไม่ได้สักคำ

มากางแผนที่เลยดีกว่า เพราะที่นี่กว้างใหญ่ไพศาลจริงๆ

Mercure Danang French Village Bana Hills

เค้าจะแบ่งออกเป็นหลากหลายโซนมาก ทั้ง ที่พัก ร้านอาหาร สวนสนุก Fantasy Park

สวนดอกไม้ Le Jardin d’ Amour , โรงไวน์ Debay Wine Cellar,

The Linh Ung Pagoda ,และจุดยอดฮิต Golden Bridge สะพานลอยฟ้า ในอุ้งมือยักษ์

แลนด์มาร์กแห่งใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อมิถุนายนที่ผ่านมานี่เอง

จะบอกว่าที่กล่าวมาทั้งหมด ราคาที่พักรวมทุกอย่างที่กล่าวมา

ห้องเริ่มต้นเพียงแค่ 2000 ++ เท่านั้น

ราคาห้องพักสองคน รวมอาหารเช้า หารกันคนละพันนิดๆ คุ้มมากกกกก

ในส่วนของห้องพักที่ Mercure Danang French Village Bana Hills

เค้าก็จะแบ่งเป็นอาคารๆ หลักอยู่ 7 หลัง

 1. อาคาร Hotel De Paris อาคารนี้เป็นอาคารหลัก ล็อบบี้จะอยู่ที่ตึกนี้

มีห้องพัก No. 2101-2408

 2 . อาคาร Hotel De Lyon มีห้องพัก No. 3101-3212

 3 . อาคาร Hotel De Toulouse มีห้องพัก No. 4101-4416

  4 . อาคาร Hotel De Nice มีห้องพัก No. 5201-5522

5 . อาคาร Hotel De Strasbourg  มีห้องพัก No. 7101-7408

 6 . อาคาร Hotel De Bordeaux มีห้องพัก No. 6101-6517

7 . อาคาร Hotel De Marseille มีห้องพัก No. 8101-8606

p1lwqejso0MLDNZTePw-o

เครดิตแผนที่จาก https://pantip.com/topic/37224182

ส่วนห้องพักก็มีถึง 11 Roomtype ด้วยกัน

1. STANDARD KING

2. STANDARD TWIN

3. SUPERIOR KING

4 .SUPERIOR TWIN

5. DELUXE KING

6. DELUXE TWIN

7. EXECUTIVE SUITE

8. FAMILY SUITE

9 .FAMILY BUNKS

10. FAMILY SUPERIOR

11. FAMILY DELUXE

ซึ่งอิ้มพักใน Roomtype STANDARD KING อาคาร Hotel De Marseille

ห่างจากอาคารหลักนิดเดียวเท่านั้น

เวลาเช็กอินจะอยู่ที่ 14.00 น และเช็กเอาท์ 11.00 น

ซึ่งอิ้มไม่ได้ถ่ายภาพบรรยากาศให้ชมนะคะ เพราะว่าวุ่นวายและคนเยอะมาก

ข้อข้ามมาชมห้องพักเลยแล้วกัน

ภายในห้องพักค่ะ ราคาสองพันต้นๆ คือถือว่าถูกมาก

2 (1)

2 (2)

ภายในห้องน้ำ

2 (3)

วิวจากหน้าต่างห้องพักค่ะ เปิดมาถึงกับว้าวเลยทีเดียว

น่าเสียดายที่ห้องนี้ไม่มีระเบียงนะคะ ถ้ามีระเบียงจะฟินกว่านี้มากกก

2 (4)

เก็บสัมภาระเรียบร้อย ก็ลงไปหาอะไรทานกันค่ะ

ข้างล่างของอาคารที่ติดกับ Hotel De Marseille ที่อิ้มพัก

จะมีร้านอาหาร L’ETABLE RESTAURANT

ซึ่งเมนูโดยรวมจะเป็นอาหารนานาชาติ มีอาหารฝรั่งเศส อาหารเวียดนาม

ให้บริการตั้งแต่มื้อเที่ยง ถึง มื้อค่ำ

3 (1)

3 (2)

จานนี้เป็น Lamp นะคะ เค้าน่าจะนำไปตุ๋น รสชาติ ออกจะเฉยๆ สำหรับอิ้ม

3 (3)

จานนี้เป็น Cordon Bleu อาหารสไตล์ฝรั่งเศส น่าทานมากกก

3 (4)

สุดท้ายเป็น Sirloin Steak เชฟปรุงออกมาได้ดี อร่อยมากทีเดียวค่ะ

3 (5)

หลังจากทานอาหารเสร็จแล้วตอนแรกกะว่าจะเดินเล่น

แต่ฝนเจ้ากรรมดันตกมาซะอย่างนั้น

อิ้มก็เลยเลือกไปทำสปา สปาที่นี่ราคาไม่แรงค่ะ

การนวดก็พอใช้ได้ แต่ถ้าเทียบกับบ้านเรา บ้านเราจะดีกว่า

4 (1)

4 (2)

ระหว่างนั่งรอ ได้ยินเสียงฝนหยุดตก เลยวิ่งออกไปนอกระเบียงสปา

และภาพที่เห็นคือวิวนี้ สวยมากกกก หยิบกล้องมาถ่ายแทบไม่ทัน

5 (1)

โอ้ยยยยย วิวแบบนี้ นี่หรือเวียดนาม

5 (2)

ถ่ายวนไปค่ะ

5 (3)

5 (4)

ถ่ายไม่ถึง 5 นาที โอ้ยยยหมอกเต็มไปหมด

5 (6)

สวยมากกกกก แต่ฝนก็เริ่มตกหนักอีกครั้ง

5 (7)

ได้เวลาทำสปาพอดี

แพ็คเกจของอิ้มเป็น Body massage 1 ชั่วโมง ราคา 600,000 VND

ขอตัวรีแลกซ์ ก่อนนะค๊าาา

4 (3)

ทำสปาเสร็จก็ราวๆ ทุ่มกว่าๆ พอดี ออกมาฟ้าก็มืดอย่างที่เห็น

แต่บรรยากาศดีมากกก คนน้อย เหลือแต่แขกที่เข้าพัก

เพราะนักท่องเที่ยวที่มา one day trip ได้กลับไปหมดแล้วจ้า

พื้นที่นี้จะเป็นของเรา ฮ่าๆๆๆๆ

6 (1)

อากาศเย็นลงมากๆ

บรรยากาศมีความสลัวๆ หมอกลงจางๆ มากับแฟนคือดีมากโรแมนติกที่สุด

6 (2)

6 (3)

6 (4)

6 (5)

6 (6)

ตรงนี้เป็นมุมไฮไลท์ โบสถ์ Saint Denis Church

สวยมากกกกกกกกก ถ่ายรูปเพลินมาก วันแรกก็เมมจะเต็มแล้วจ้า

6 (7)

สำหรับมื้อค่ำ อิ้มทานอาหารที่ เป็นบุฟเฟ่ต์ห้องอาหาร

ของโรงแรมเมอเคียว La Crique & Café Postal คนละประมาณ 250000 VND

เป็นบุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติ มีอาหารทะเล เนื้อย่าง อาหารเวียดนาม ขนม ต่างๆ

 ทานตั้งแต่ 6 โมงยัน 3 ทุ่มไปเลย ยาวไป

7 (1)

7 (2)

7 (3)

7 (4)

ทานอาหารเสร็จแล้วอิ้มก็ขึ้นห้องพักผ่อนค่ะ เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า ^^

7 (5)

Day 2 เที่ยวบน บานาฮิล บ่ายเดินทางมาฮอยอัน เที่ยวย่านเมืองเก่า

เช้าวันที่ 2 อิ้มรีบตื่นตั้งแต่ตีห้า อาบน้ำแต่งตัวสวยๆ

เพื่อลงมาถ่ายรูปด้านล่าง

ข้อดีของการพักที่โรงแรม Mercure Danang French Village Bana Hills

ก็คือบรรยากาศดี และยามเช้าจะไร้ซึ่งผู้คน เหมาะกับการถ่ายรูปเป็นอย่างมาก

8 (0)

จะมีเพียงแขกที่เข้าพักอยู่ด้านบน ซึ่งก็น้อยมาก ถ่ายรูปมุมไหนก็ชิลไปหมด

แล้วที่นี่เหมาะมากสำหรับการมาพักผ่อนแบบคู่รัก

บรรยากาศมันโรแมนซ์จริงๆ ปกติเราสองคนไม่ค่อยถ่ายรูปคู่นะ

แต่ทริปนี้ถ่ายเยอะมากกกกกก

8 (1)

8 (2)

คือในรีวิวนี้จะมีรูปอิ้มเยอะหน่อย อย่าเพิ่งเบื่อกันนะ

สำหรับสาวๆ ที่จะเดินทางมาพักที่นี่ ชุดต้องพร้อม พร้อบต้องแน่น

จะได้ถ่ายภาพได้อย่างจุใจ

8 (3)

8 (4)

โบสถ์ยามเช้า กับบรรยากาศเมืองสุดคลาสสิก และไร้ผู้คน เป็นรางวัลของคนตื่นเช้าจริงๆ ค่ะ

8 (5)

เดี๋ยวอิ้มจะพาไปจุดชมวิวด้านบน ซึ่งจะมองเห็น บานาฮิลแบบทั้งเมืองกันเลย

8 (6)

8 (7)

มาถึงจุดชมวิวคือแบบ สวยมากกกกกกกกกกกก

คนที่นี่เล่าให้ฟังว่า บางฤดูก็จะเป็นหมอกทั้งหมด

จะเห็นเพียงตัวเมืองเหมือนลอยอยู่บนก้อนเมฆ เหมือนเมืองในฝันเลยค่ะ

8 (9)

หันกลับไปอีกด้านเป็นทะเลหมอกอยู่นะคะ

8 (10)

ชมวิวบนนี้เพลินมากกก ถ้าอากาศดี เราจะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นด้วยค่ะ

8 (11)

ลงมาถ่ายรูปด้านล่างกันต่อ

8 (12)

8 (13)

8 (14)

8 (15)

8 (16)

รูปคู่ก็จะเยอะๆ หน่อย

8 (17)

8 (21)

8 (18)

8 (23)

รูปเดี่ยวต่อ เอาให้สาแก่ใจ

8 (19)

8 (20)8 (22)8 (24)

8 (26)

ทุกอย่างสวยมากกกกก เค้าสร้างออกมาได้ดี ไม่น่าเชื่อว่าเวียดนามจะมีสถานที่แบบนี้อยู่ด้วย

8 (27)

8 (28)

8 (29)

8 (30)

8 (31)

8 (32)

8 (33)

8 (34)

นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของรูปนะคะ เอามาให้ดูแค่นี้กลัวจะเบื่อและอยากอ้วกใส่อิ้มกันก่อน 55555

ต่อมาอิ้มจะพาไป Fantasy Park

ไปต่อแถวเล่น Alpine Coaster เป็นรถไฟเหาะแบบเล็กๆ

และสักแปดโมงครึ่งจะเริ่มมีคนเที่ยว one day trip ขึ้นมาจากด้านล่าง

ประชากรจะเริ่มหนาแน่น

แนะนำให้มาเล่นแต่เช้าเพราะคนต่อแถวเยอะมากกก

8 (35)

8 (36)

8 (37)

รถไฟเหาะบังคับด้วยมือ จริงๆ อิ้มกลัวความสูงมาก แต่ก็เล่นนะ 5555

8 (38)

8 (39)

ขนาดมาเช้าคนยังต่อแถวเยอะเลย

8 (40)

เวลาเล่นก็เล่นได้ 1-2 คนนะคะ เป็นรถไฟที่บังคับด้วยมือ

จะเร็วจะช้าอยู่ที่มือเราล้วนๆ

และการมาเล่นรถไฟ ห้ามใช้กล้องโกโปร และกล้องถ่ายภาพทุกชนิด เพราะมันมีความอันตราย

และอีกอย่างเค้าจะมีกล้องบันทึกภาพ ถ่ายให้เราเสร็จสรรพ และจำหน่ายให้เราหลังเล่นเสร็จ

ในราคา 60,000 VND แนะนำให้ซื้อเพราะมุมภาพสวย และสามารถโหลดเป็นไฟล์ Jpeg ได้

8 (41)

8 (42)

และไม่ควรมีสัมภาระ กระเป๋า หรือ อะไรก็ตาม คือเค้าไม่รับฝากจ้า

หิ้วกระเป๋าไปก็ต้องสะพายลงไปด้วย ลำบากแท้

และเวลาถ่ายภาพออกมาจะเป็นแบบนี้ อันนี้เป็นภาพที่เค้าถ่ายจากกล้องมาให้เรานะ

ราคาใบละ 60,000 VND

ดูหน้าอิ้มสิ เหมือนเจ๊กตื่นไฟโดยแท้ 55555

9

หลังจากเล่น Alpine Coaster เสร็จแล้ว

ก็มาเติมพลังด้วยการทานอาหารเช้าก่อนค่า เค้ามีไลน์บุฟเฟ่ต์เปิดถึง 10 โมง

อาหารก็มีมากมาย ลองเลือกทานกันดูค่ะ

แต่คุณภาพอาหารอาจจะไม่เวิร์คเท่าที่บ้านเรา

10 (1)

10 (2)

10 (3)

ทานเสร็จก็เดินเที่ยวต่อ มุมนี้เป็นระเบียงจากห้อง Deluxe ซึ่งแขกเช็คเอาท์ออกพอดี

อิ้มจึงเข้าไปขอถ่ายภาพ

ว่ากันว่าห้องนี้ต้องจองล่วงหน้า สองถึงสามเดือนเชียวนะคะ

11 (1)

วิวดีงามจริงๆ

11 (2)

เสร็จแล้วก็เดินเล่นด้านล่างกันต่อ ในช่วงกลางวัน เค้าจะมีขบวนพาเหรด

และการแสดงต่างๆ เพลิดเพลินมากทีเดียวค่ะ

11 (3)

ขอแวะซื้อครัวซองแพร้บ ร้านนี้อร่อย ราคา 50,000 VND

11 (4)

จากนั้นก็ได้เวลาเข้ามาตะลุย Fantasy Park

สวนสนุกในร่ม ซื้อเราสามารถเล่นเครื่องเล่นได้ฟรี

จะมีที่ไม่ฟรี ก็คือ พวกตู้เกมส์หยอดต่างๆ

อิ้มว่าจองห้องมานี่คุ้มราคามากพูดเลย เล่นวนไปค่ะ

11 (5)

11 (6)

11 (7)

11 (8)

11 (9)

11 (10)

เล่นได้พักใหญ่ก็ออกมาข้างนอก ผู้คนมหาศาล แต่ก็ได้บรรยากาศคึกคักมาแทนที่

11 (11)

11 (12)

ตรงนี้จะเป็นอาคารเฟสใหม่ ซึ่งจะเปิดประมาณ ปี 2020 ถ้าเสร็จแล้วน่าจะสวยน่าดูเลยค่ะ

11 (13)

เดี๋ยวเราจะนั่งกระเช้าลงไปอีกทีนึงซึ่งเป็นไฮไลท์ที่ต้องห้ามพลาด

นั่นก็คือ Golden Bridge สะพานลอยฟ้า ในอุ้งมือยักษ์

เพิ่งเปิดให้ชมเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานี่เอง

จริงๆ ควรมาแต่เช้านะ เพราะว่าคนจะน้อยถ่ายรูปสวย

การนั่งกระเช้าลงไปข้างล่างก็ไม่มีค่าใช้จ่ายนะคะ นั่งฟรีเช่นเคย

11 (14)

วิวจากกระเช้ามองกลับไปที่บานาฮิล สวยมากกกกกกกกกก

11 (15)

แล้วก็มาถึง Golden Bridge สะพานลอยฟ้า ในอุ้งมือยักษ์

13 (1)

13 (2)

มุมแบบนี้ต้องถ่ายโกโปรนะถึงจะเกร๋

 

DCIM100GOPROGOPR0142.JPG

Golden Bridge เปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนมิถุนายน 2561

ให้นักท่องเที่ยวได้เดินทอดน่อง สัมผัสความสวยงาม

และดื่มด่ำกับธรรมชาติรอบตัวแบบฉ่ำปอด

ถ้าอากาศดีๆ เราจะเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมากกก

DCIM100GOPROGOPR0176.JPG

 

แล้วก็ได้เวลาที่อิ้มต้องเดินทางกลับค่ะ

น่าเสียดาย จะบอกว่าอิ้มยังเดินไม่ครบทุกจุดเลย

ไหนจะสระว่ายน้ำของโรงแรม, สวนดอกไม้ Le Jardin D’Amour, องค์หลวงพ่อโต ,โรงบ่มไวน์

หือออออออ เดี๋ยวต้องมาซ่อมใหม่อีกแน่นอน

โดยรวมอิ้มประทับใจมาก ที่นี่สวยมาก สวยกว่าที่คิดไว้มาก

แล้วด้านบนก็มีอะไรให้ทำเยอะ กิจกรรมแน่น อยู่บนนี้ไม่มีเบื่อเลย

แถมอากาศดีมาก สวยมาก อิ้มจะมาเที่ยวใหม่อีกแน่นอน

หลังจากนั้นอิ้มก็ลงจากกระเช้าเพื่อเดินทางต่อไปยัง ฮอยอัน

การเดินทางต่อไปยังฮอยอัน อิ้มก็ใช้บริการแท็กซี่ทั่วไป ซึ่งโชคดีมาก

ต่อรองราคาได้มาเพียง 400,000 VND เท่านั้น

แล้วเราก็ให้เค้าไปส่งที่ Hotel Royal Hoi An, MGallery by Sofitel

โรงแรมสวยริมแม่น้ำ Thu Bon ที่เราจะเข้าพักคืนนี้ค่ะ

ระหว่างทางแท็กซี่จะชวนเราไปนู่นนี่นั่นเพื่อให้จ่ายเพิ่ม

ลองพิจารณาตามความเหมาะสมนะคะ

แต่ของอิ้มไม่ได้ไปจ้า เพราะกลัวโดนโกง 555

DCIM100GOPROGOPR0179.JPG

 

ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็มาถึง Hotel Royal Hoi An, MGallery by Sofitel

โรงแรมสวย หรู ริมแม่น้ำ Thu Bon

ที่นี่เค้ามีจักรยานให้ใช้ฟรี ปั่นไปย่านเมืองเก่าแค่เพียง 5 นาทีเท่านั้น

15

มาถึงก็เช็คอินให้เสร็จสรรพ ราคาห้องพักที่นี่รวมอาหารเช้า เริ่มต้นที่ 3,800 บาท ++

(ราคาขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและฤดูกาล)

16

แล้วก็ขึ้นมาที่ห้องพักค่ะ อิ้มพัก Grand Deluxe Room

ราคาเริ่มต้นรวมอาหารเช้าอยู่ที่ 4,600 บาท ++

(ราคาขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและฤดูกาล)

ด้วยมาตรฐาน MGallery by Sofitel บอกเลยว่าไร้ที่ติ

อิ้มชอบห้องพักที่นี่มาก หรูหรา มีระดับ ใกล้ย่านเมืองเก่า เดินทางสะดวก

17 (1)

17 (2)

17 (3)

17 (4)

17 (5)

18 (1)

ภายในห้องน้ำ มี Bathtub ให้แช่ด้วยนะคะ

และแบ่งส่วนห้อง Shower และห้องสุขภัณฑ์ได้อย่างชัดเจน

18 (2)

Amenity มีครบครันให้เลือกใช้

19

ต่อมาอีก Room type Deluxe เป็นห้องเริ่มต้นนะคะ

20 (1)

ห้องเริ่มต้นก็สวยงามมาก

เป็นการผสมผสานกันระหว่างวัฒนธรรมจีน เวียดนาม และยุโรป ดูเข้ากันอย่างลงตัว

20 (2)

20 (3)

20 (4)

ที่นี่จะมีสระว่ายน้ำ 2 สระด้วยกัน

สระด้านล่างค่ะ น่าเล่นมากทีเดียว

21

ด้านบนจะมี Lounge ให้บริการ

22 (1)

บาร์ตรงนี้สวยมากเลยค่ะ สามารถมองเห็นคนว่ายน้ำ จากสระว่ายน้ำด้านบนด้วยนะ

22 (2)

ขึ้นมาที่ด้านบนค่ะ จะมีบาร์ชื่อว่า THE DECK

22 (3)

และสระว่ายน้ำที่สองจะอยู่ชั้นบน ว่ายน้ำไป ชมวิวไปเพลินที่สุด

22 (4)

23 (1)

23 (2)

ยามค่ำ อิ้มจะพาไปเที่ยวย่านเมืองเก่าในฮอยอันกันค่ะ

นี่เป็นด้านหน้าโรงแรมที่เราพัก สวยงามมาก

24 (1)

ฮอยอัน (Hoian) เป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยว

ย่านเมืองเก่าฮอยอัน สวยงามมากกก

เป็นสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างจีน ญี่ปุ่น และเวียดนาม

มีบ้านไม้ทรงเตี้ยเรียงเป็นแถวสองฝั่งทาง มีร้านค้า และ ร้านกาแฟ เก๋ๆ ให้นั่งชิล

เพราะชื่อเสียงของเมืองมรดกโลกที่ยังคงมีลมหายใจ

เสน่ห์ของตึกเก่าสีเหลืองสวยสไตล์โคโลเนียล

ที่อนุรักษ์เอาไว้ให้คงเอกลักษณ์ดังเช่นอดีต

วิถีชีวิตที่เรียบง่ายและสวยงามของชาวเมืองฮอยอัน

สำหรับการมาเที่ยวชมเมืองฮอยอัน สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือ

การซื้อบัตรเข้าชมเมืองเก่าบริเวณหัวถนนตรันฝู

ราคาท่านละ 120,000 VND

ภายในบัตรนั้นคุณสมารถเข้าชมได้ 5 สถานที่ภายใน 1 วัน

จะเลือกเดินเท้าเข้าชมเมือง เช่าจักรยาน หรือใช้บริการของสามล้อถีบก็ได้เช่นกัน

เนื่องจากฮอยอันเป็นเมืองเล็กๆ มีถนนสายหลักเพียงไม่กี่เส้น

ใช้เวลาเพียงวันเดียวก็เที่ยวครบแล้ว

เสน่ห์ของเมืองเก่าฮอยอัน เราสามารถมาเที่ยวได้ทั้งวัน แต่ช่วงกลางวันจะร้อนหน่อย

อาจจะมาช่วงเช้า หรือจะเป็นช่วงเย็น ที่คนจะนิยมมาเที่ยวกันมาก

เพราะช่วงเย็นที่นี่สวยมากกทีเดียว บรรยากาศคลาสสิก

และกิจกรรมที่ต้องห้ามพลาด นั่นก็คือ การลอยกระทงกระดาษ

ลอยกระทงในแบบเวียดนาม ลอยกันทุกวัน แต่จะคึกคักมาก ในทุกคืนที่พระจันทร์เต็มดวง

ค่ากระทงจะอยู่ราวๆ  1 USD

การลอยกระทงก็จะมีสองอย่าง สามารถลงไปนั่งเรือแล้วลอยกระทง หรือจะลอยจากฝั่งก็ได้

แต่การขายกระทงก็จะฮาร์ดเซลหนักมาก ราคาเริ่มต้นถึงกับสะดุ้ง

แนะนำว่าควรต่อให้ถึงที่สุดและราคาห้ามเกิน 1 USD

ส่วนราคาล่องเรือ อิ้มไม่ได้ลองต่อรอง เลยไม่แน่ใจเรื่องราคาค่ะ

24 (2)

บรรยากาศ สวยงาม แต่คนก็เยอะมากเช่นกัน

24 (3)

อีกไฮไลท์นึงที่ห้ามพลาด นั่นก็คือ

สะพานญี่ปุ่น (Japanese Covered Bridge)

สัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเมืองฮอยอันที่คุณต้องมาชมคือ สะพานญี่ปุ่น

ได้รับการก่อสร้างโดยชุมชนชาวญี่ปุ่นเมื่อ 400 กว่าปีที่แล้ว

รูปทรงโค้งของสะพานและหลังคามุงกระเบื้องสีเขียวและเหลืองเป็นคลื่น

ตรงกลางสะพานมีเจดีย์ทรงจัตุรัสที่สร้างอุทิศให้แก่ดั๊กเดและตรันหวู

ก่อนเดินข้ามสะพานด้านซ้ายมือจะมีรูปปั้นสุนัขกำลังนั่ง

และเมื่อข้ามไปแล้วก็จะเจอกับลิงอีกตัว

นับเป็นสิ่งที่ช่างสมัยก่อนแสดงให้เห็นถึงระยะเวลาในการก่อสร้าง

สะพานแห่งนี้ เมื่อข้ามสะพานมายังอีกฟากหนึ่งของเมือง

คุณจะพบเห็นบ้านเรือนเก่าสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ

ตลอดจนร้านสไตล์อาร์ตแกลอรี่ ริมถนนคนเดินสองฟากฝั่งถนนให้คุณได้เลือกซื้อเลือกชม

24 (4)

24 (5)

เดินเข้ามาภายในจะมีร้านค้า คาเฟ่ ร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า

และต้องมาแวะก็คือร้านกระเป๋าสาน ลองมาเลือกที่ร้านนี้นะคะ มีแบบให้เลือกเยอะ

ราคาใบเล็กกลมๆ ที่แขวนๆ อยู่ที่ขวามือ ราคาอยู่ที่ 250,000 VND

อิ้มจัดมา 1 ใบค่ะ

24 (6)

24 (7)

เดินเที่ยวกันต่อ แวะชิมน้ำดอกบัว น้ำยอดฮิตที่ต้องมาทาน

24 (8)

ราคา 10,000 VND รสชาติ จะเฝื่อนๆ เฉยๆ ไม่ได้อร่อยขนาดนั้น

24 (9)

ต่อมาเดินไปเที่ยวชมโคมไฟ ของเค้าสวยจริงๆ ค่ะ

24 (10)

24 (11)

24 (12)

24 (13)

24 (14)

ให้หิวก็จะมีร้านอาหารมากมายนะ ทั้งสตรีทฟู้ดแบบออริจินัล นั่งทานริมแม่น้ำแบบนี้

และมีร้านอาหาร ร้านคาเฟ่มากมาย

24 (15)

อิ้มเลือกทานร้านแรก อยู่ที่ปากทางเลยค่ะ

เสียดายแบตหมดก่อนเลยไม่ได้ถ่ายมาให้ชม

อิ้มทานเฝอเนื้อถ้วยนี้ ราคาประมาณ 130,000 ดอง ราคาเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน

จากนั้นอิ้มก็กลับไปสลบที่โรงแรม เพราะวันนี้ตะลุยมาทั้งวันค่ะ

24 (16)

Day 3 เที่ยวย่านเมืองเก่าฮอยอัน

ก่อนกลับ นั่งเรือกระด้ง และเดินทางกลับกรุงเทพ

เวลาแห่งความสนุกผ่านไปเร็วมาก นี่ก็วันสุดท้ายที่จะได้เที่ยวเวียดนามแล้ว ฮือๆๆ

เช้าวันที่ 3 อิ้มลงมาทานอาหารเช้า ที่โรงแรม Hotel Royal Hoi An, MGallery by Sofitel

อาหารเช้าดีมาก เป็นไลน์บุฟเฟ่ต์ขนาดคุณภาพเริ่ดมาก เทียบบ้านเราได้สบาย

มีอาหารเอาใจคนไทย อย่างเช่นผัดไท ด้วยนะคะ

ชอบโรงแรมนี้จัง

25 (1)

25 (2)

25 (3)

25 (4)

25 (5)

25 (6)

ทานอาหารเช้าเสร็จแล้วอิ้มก็เดินทางไปเที่ยวเมืองเก่าต่อ

เช้านี้ปั่นจักรยานของโรงแรมไป ไม่มีค่าใช้จ่ายนะคะ

26 (1)

ยามเช้าก็จะได้อีกบรรยากาศนึงค่ะ คนไม่เยอะ ปั่นจักรยานสบาย

26 (2)

และที่สำคัญจะเห็นสีสันของบ้านเรือนได้มากกว่า

สวยคนละอย่าง และสวยทั้งสองเวลา

26 (3)

เขตเมืองเก่าฮอยอัน (Hoi An Ancient Town)

ซึ่งทางรัฐบาลเค้าจัดสรรพื้นที่ไว้เป็นโซนอนุรักษ์โดยเฉพาะ

ดังนั้นสภาพอาคารบ้านเรือน และสถานที่สำคัญ

อันมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ต่างๆ ยังคงได้รับการรักษาสภาพไว้ดังอดีตได้อย่างไม่เปลี่ยนแปลง

แม้จะผ่านมาหลายร้อยปีก็ตาม

26 (4)

ฮอยอันในปัจจุบันเป็นเมืองอนุรักษ์ที่สงบเงียบ

ผู้คนใช้ชีวิตอย่างดั้งเดิมเรียบง่าย แต่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามเก่าแก่

และอุดมสมบูรณ์ไปด้วยมรดกทางวัฒนธรรมในทุกตารางเมตร

อาคารบ้านเรือนในเมืองได้รับการทะนุถนอมให้คงสภาพเดิมไว้เป็นอย่างดี

ทำให้ยูเนสโกยกให้ฮอยอันเป็นเมืองมรดกโลกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542

26 (5)

มีร้านขายของที่ระลึก ต่างๆ สร้อยข้อมือ โปสการ์ด เสื้อผ้า

26 (6)

และร้านอาหารเต็มไปหมด

26 (7)

เมืองเค้าน่ารักและคลาสสิกมากจริงๆ

สาวๆ อย่าลืมซื้อหมวกเวียดนามใส่นะ ราคา 70,000 VND เท่านั้น

26 (8)

26 (9)

26 (12)

26 (13)

26 (14)

26 (10)

26 (11)

อีกอย่างที่ห้ามพลาดนั้นก็คือการมาหาร้านคาเฟ่ ชิค จิบกาแฟ ชมวิวเมืองเก่าที่สวยงาม

27 (1)

27 (2)

27 (3)

28

จริงที่เราซื้อบัตรเข้าชมมาในราคาท่านละ 120,000 VND

ภายในบัตรนั้นคุณสมารถเข้าชมได้ 5 สถานที่ภายใน 1 วัน

สถานที่ ที่ต้องห้ามพลาดนั่นก็คือ

1. สมาคมฟุกเกี๋ยน (Phouc Kien Assembly Hall)

2 บ้านเลขที่ 101 (Old House No.101)

3.พิพิธภัณฑ์เซรามิก

4. สะพานญี่ปุ่น

แต่อิ้มเวลาน้อยก็อาจจะเที่ยวไม่ครบไปบ้าง

เอาไว้รอบหน้าจะตามเก็บทุกรายละเอียดอีกแน่นอน

DCIM100GOPROGOPR0186.JPG

30 (1)

มุมสะพานตรงนี้ ถ้าเทียบกับเมื่อคืนคือคนละเรื่องกันเลยนะคะ ตอนนี้เงียบสงบ

สวยงาม และเค้าจัดการขยะได้ดีนะ อิ้มไม่เห็นกระทงกระดาษลอยเกลื่อนกลาดเลย

30 (2)

30 (3)

30 (4)

30 (5)

30 (6)

แล้วก็กลับมาที่โรงแรมเพื่อเช็คเอาท์ค่ะ เช็คเอาท์เสร็จแวะกินอาหารข้างทาง

ถ้วยนี้ราคา 80,000 ดอง รสชาติก็พอใช้ได้

40

จาก Hotel Royal Hoi An, MGallery by Sofitel

อิ้มก็เหมาแท็กซี่เพื่อที่จะกลับไปสนามบิน และระหว่างทางก็ขอให้เค้าแวะ

ชมเรือกระด้ง หรือ เรือตะกร้า'(Bamboo basket boat)

ซึ่งค่าแท็กซี่ ราคาเหมา รวมแวะอยู่ที่ 350,000 VND

เค้าก็จะพาเรามาจุดล่องเรือ ซึ่งอยู่ แถวๆ Forest Seven Coconut

เรือตะกร้า'(Bamboo basket boat)

เอาไว้ใช้ขนของระหว่างเรือลำใหญ่ ลักษณะจะเป็นตระกร้าไม้ไผ่สานครึ่งวงกลม

ทาน้ำยาเคลือบกันน้ำ ในปัจจุบันนำมาใช้ในการท่องเที่ยว

พานักท่องเที่ยวนั่งเรือตะกร้า ล่องไปตามแม่น้ำชมระบบนิเวศน์และธรรมชาติ

จะมีคนพายให้เรา และให้เราใส่ชูชีพ เพื่อความปลอดภัย

ปกติจะล่องเป็น ชั่วโมงนะ นานอยู่ค่ะ ลำนึงนั่งได้สองคน ละลำ 600,000 VND

รู้สึกเหมือนราคาของอิ้มจะแรงมากเลยนะ

คนอื่นนั่งกันอยู่ที่ 300,000 – 500,000 VND เอง

จริงๆ มีหลายเจ้าควรตรวจสอบราคาดูนะคะ

เวลาลงน้ำแนะนำใช้โกโปรดีกว่า ถ่ายง่ายมุมสวย ได้มุมมองใหม่

DCIM100GOPROGOPR0197.JPG

เค้าจะพาเราล่องไปชมวิถีชีวิต ริมสองฝั่งแม่น้ำ และจุดไฮไลท์นั่นก็คือ

การแดนซ์บนเรือตระกร้าจร้าาาาาา

ยอมใจพี่เค้าจริงๆ ทรงตัวดีมากกกกกกกกกก

ระหว่างนั้นเค้าก็จะเปิดเพลงแดนซ์ที่มันส์สุดๆ โยกกันหัวขวิด

สนุกสนานเฮฮา มาก

41 (2)

41 (3)

41 (4)

41 (5)

41 (6)

เสร็จแล้วเค้าก็จะให้เราดูวิถีชีวิตอื่นๆ เช่นหาเหวี่ยงแห่หาปลา

41 (7)

41 (8)

และแล้วเวลาแห่งความสนุกก็หมดลง เราต้องเดินทางกลับแล้วค่ะ

อิ้มก็นั่งแท็กซี่คันเดิมที่เราเหมาไว้ กลับมาสนามบิน

สายการบินไทยแอร์เอเชีย ขากลับจากดานัง มาดอนเมือง มี 2 ไฟล์ท

FD 637 ดานัง – ดอนเมือง 12.00 – 13 .35

และ FD 639 ดานัง – ดอนเมือง 17.30 – 19 .15

ซึ่งอิ้มกลับไฟล์ท FD 639 ดานัง – ดอนเมือง 17.30 – 19 .15

ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 40 นาทีค่ะ

42 (1)

หลังจากขึ้นมาบนเครื่องเราได้ทำการสั่งอาหารล่วงหน้าไว้แล้ว

เวลาเดินทางกลับมันก็จะใจหายหน่อยๆ ถือเป็นอีกทริปที่สนุกมากๆ

ค่าใช้จ่ายก็น้อยเดินทางสะดวกบินตรงกับแอร์เอเชียได้เลย

มีไฟล์ทบินตรงทุกวันไปดานังไปกับแอร์เอเชีย

42 (2)

ค่าใช้จ่ายคร่าวๆ ในทริปไม่รวมค่าเครื่อง 

Day 1 

ค่ารถตู้ขึ้นบานาฮิลคนละ 350 บาท

ค่ากระเช้าขึ้นบานาฮิลคนละ  560 บาท

ค่าที่พัก Mercure Banahills French Village 2,500 บาท (พักได้ 2 คน) หารสอง  1,250 บาท

ค่าอาหารกลางวันคนละ 350 บาท

ค่าอาหารเย็น 350 บาท

รวมวันที่ 1 = 2,860 บาท

Day 2

ค่าขนม คาเฟ่ ครัว ซอง ค่าภาพถ่าย  300 บาท

ค่าที่พัก Hotel Royal Hoi An, MGallery by Sofitel  4,500 บาท (พักได้ 2 คน)  หารสอง  2,250 บาท

ค่าอาหารกลางวันคนละ 420 บาท

ค่าอาหารเย็น ขนม น้ำ  350 บาท

ค่าแท็กซี่กลับมาฮอยอัน หาร 4 คนละ 100 บาท

รวมวันที่ 2 =  3,420 บาท

Day 3

ค่าเข้าเมืองเก่า  140 บาท

ค่าคาเฟ่ ขนม อาหารกลางวัน  300 บาท

ค่าแพกระด้ง  840  บาท (นั่งได้ 2 คน)

ค่าแท็กซี่กลับมาสนามบินดานัง หาร 4 คนละ 100 บาท

รวมวันที่ 3 =  1,380 บาท

รวมค่าใช้จ่าย 3 วันไม่รวมตั๋ว =  7,660 บาท

******************************************************

ก่อนรีวิวนี้จะจบลง

ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามจนมาถึงบรรทัดนี้

ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ ขอบคุณทุกไลค์ ขอบคุณทุกแชร์

เป็นกำลังใจที่ดีในการทำรีวิวมากๆ

ถ้าชอบก็ฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะคะ

อัพเดทเรื่องกิน เช็กอินเรื่องเที่ยว ได้ที่นี่ psstory เรื่องราวดีๆในการเดินทาง

แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้านะคะ สวัสดีค่ะ

******************************************************

ช่องทางติดต่อเรา

http://www.psstorytrip.com

http://www.facebook.com/psstorytrip

http://www.instagram.com/psstorytrip

http://www.youtube.com/psstorytrip

2 thoughts on “ดานัง ฮอยอัน ฉันรักเธอ (เที่ยวเวียดนามฉบับกระทัดรัด 3 วัน 2 คืน)

  1. ไม่มี คำแนะนำ อะไร นะคะเพราะ ทุกคำพูดข งคุณที่เขียน บรรยายมา ดิฉันอ่านหมดเลย ดีมากๆ ทำให้ ดิฉันต้องตัดทริปให้ ตัวเองและเพื่อนได้ไป ตามรีวิว ของคุณคะ
    ขอบคุณ นะคะ ที่รีวิว สิ่งดีๆ ส่งต่อให้ คนอื่นได้ อ่านค่ะ

    Liked by 1 person

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s