ช่วงนี้กระแสออเจ้ามาแรงสุดๆ
เพราะฉะนั้นอิ้มก็เลยจะพาทุกคนมาเปืดประสบการณ์แบบพิเศษๆ กันอีกแล้ว
ครั้งนี้จะพามาล่องเรือสัมผัสวิถีชีวิตริมแม่น้ำเจ้าพระยาและชมอยุธยาเมืองมรดกโลก
ตามรอยบุพเพสันนิวาสนิดๆ
เรือที่อิ้มไปล่องมีชื่อว่าเรือ เมขลา cruise
เมขลา cruise เป็นเรือสำราญทรงเรือบรรทุกข้าวแบบไทยโบราณที่ถูกนำมาบูรณะ
เรือเมขลานี้มีอายุกว่า 20 ปี
เป็นเรือท่องเที่ยวที่สวยงาม จัดให้บริการทัวร์ระหว่าง กรุงเทพ และ อยุธยา
โดยมีปลายทางที่พระราชวังบางปะอิน นอนพักบนเรือ
เราจะล่องเรือเที่ยวแม่น้ำเจ้าพระยาและทำกิจกรรมคร่าวๆ ตามจำนวนวันและเวลาที่ล่องเรือ
ครั้งนี้อิ้มใช้เวลา 2 วัน 1 คืน เป็นช่วงเวลาที่แสนพิเศษมากๆ
เพราะอิ้มไม่เคยที่ล่องเรือแบบนี้เลยสักครั้ง
เอาหลาะค่ะ เดี๋ยวตามอิ้มไปชมกันว่าการท่องเที่ยวครั้งนี้จะน่าสนใจและน่าตามรอยขนาดไหน
กับรีวิวนี้ล่องเรือเมขลาสัมผัสวิถีชีวิตริมแม่น้ำเจ้าพระยาและชมอยุธยาเมืองมรดกโลก
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมของทางเรือ
https://www.facebook.com/asianoasis/
จองห้องพัก
หรือกิจกรรมต่างๆ ของ Asian Oasis ผ่านทางไลน์
สามารถแอดไลน์ ไอดี asian-oasis ได้เลยค่ะ
Line ID : asian-oasis
ขอฝากบ้านหลังเล็กๆอีกหนึ่งหลังของอิ้มด้วยจ้า
https://www.facebook.com/psstorytrip
ปกติแพ็คเกจมีทั้ง 3วัน2 คืน และ 2วัน1 คืน
ราคา 2วัน1 คืน ท่านละ 14,800 Baht
(ราคาอาจเปลี่ยนแปลงตามวันเดินทาง และกิจกรรมระหว่างเดินทางอาจเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน)
แนะนำว่าถ้ามาแบบเหมาลำราคาจะถูกลงไปอีกค่ะ
ในแพ็คเกจปกติจะมีรายละเอียดดังนี้
แพ็คเกจ 2วัน1 คืน
และแพ็คเกจ 3 วัน 2 คืน
โดยทั้งสองแพ็คเกจจะเริ่มเดินทางตั้งแต่กรุงเทพเท่านั้น
แต่วันนี้อิ้มจะเริ่มเดินทางจากอยุธยาเนื่องจากมีลูกค้าอีกท่าน
จะขึ้นจากอยุธยาค่ะ
เราจะล่องเรือเที่ยวแม่น้ำเจ้าพระยาและทำกิจกรรมคร่าวๆ ดังนี้นะคะ
– เที่ยวเกาะเกร็ด เรียนรู้การทำเครื่องปั้นดินเผา
– ล่องเรือไหว้พระตามวัดริมน้ำ
– ล่องเรือทานอาหารมื้อเช้า กลางวัน และค่ำ
– ล่องเรือวัฒนธรรมชมแหล่งโบราณสถานริมแม่น้ำเจ้าพระยา
– เที่ยวชมพระราชวังบางปะอิน
นอกจากนั้นเรือเมขลายังมีบริการเช่าเหมาลำเพื่องานสังสรรค์หรือโอกาสพิเศษ
เช่น – งานเลี้ยงสังสรรค์วันเกิด วันครบรอบพิเศษ
หรืองานเลี้ยงฉลอง กลุ่มเล็ก ๆ ไม่เกิน 25 คน
โดยราคารวมค่าห้องพักพร้อมรับประทานอาหารไทยมื้อค่ำและมื้อเช้า ของว่าง
เครื่องดื่ม ชา กาแฟ และน้ำดื่มทุกมื้ออาหาร
เส้นทางของเราวันนี้ก็จะเริ่มจากอยุธยาค่ะ
อิ้มมาขึ้นเรือที่ท่าเรือบางปะอินราวๆ บ่ายโมง
พอขึ้นบนเรือก็มี พนักงานประจำเรือใส่เสื้อพระราชทานลายไทยมาเสิร์ฟเวลคัมดริ้งค์เย็นๆ
ช่วยทำให้บรรยากาศดีงามเป็นอย่างมาก
ทานอาหารก่อนเดินทางสักหน่อยค่ะ
อาหารที่เค้าจะเสิร์ฟให้เราทานเป็นอาหารที่ปรุงสุกใหม่จากบนเรือ
จะเป็นเมนูอาหารไทยทั่วๆ ไป
และภาชนะที่จัดใส่มาสวยงามมาก
โดยเริ่มต้นมื้อกลางวันจะเป็นปอเปี๊ยะทอดและผัดไทยค่ะ
พอทานอาหารกลางวันเสร็จ อิ้มก็ออกมาเพลิดเพลินกับบรรยากาศสองฝั่งของแม่น้ำ
และสัมผัสวิธีชีวิตชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำ
เป็นวิถีสโลไลฟ์และชิลมาก
วันที่อิ้มไปแอบเอาชุดไทยไปใส่ตามกระแส ออเจ้ากันหน่อยค่ะ
ชุดไทยกับเมืองอยุธยานี่เข้ากันสุดๆ
ระหว่างทางมีเรือสวนมาเรือลำนั้นตะโกนถามอิ้มว่า “ไปไหนล่ะออเจ้า”
อิ้มหันไปดูก็เห็นมีแม่การะเกดใส่ชุดไทยอยู่เต็มลำ มีความอินละครกันหนักมากกกก 555
วันนี้อากาศสบายๆ ไม่มีแดดมากวนใจมาก
คนที่มาล่องเรือน่าจะชอบในบรรยากาศแบบนี้ค่ะ
ตอนนี้เรือเมขลากำลังพาเราล่องผ่านวัดพุทไธศวรรย์ เป็นวัดโบราณอันสำคัญยิ่งในสมัยอยุธยา
มองจากบนเรือสวยงามมากทีเดียวค่ะ
ล่องเรือต่อมาเราจะถึงวัดนักบุญยอแซฟ อยุธยา
วัดนักบุญยอแซฟ อยุธยาเป็นโบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิกแห่งแรกในประเทศไทย
สร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยอาคารหลังแรกเป็นอาคารไม้
และได้ปรับปรุง บูรณะเรื่อยมาจนกระทั่งเป็นหลังปัจจุบัน
เป็นอีกสถานที่นึงที่สวยงามมาก
จากนั้นเราก็มาถึงมุมไฮไลต์ค่ะ
วัดไชยวัฒนาราม หรือ วัดชัยวัฒนาราม
เป็นวัดเก่าแก่สมัยอยุธยาตอนปลายในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าปราสาททอง
และตามเรื่องเล่าวัดนี้อาจถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะเหนือเขมรด้วย
จึงทำให้มีรูปแบบทาง
สถาปัตยกรรมส่วนหนึ่งมาจากปราสาทนครวัด
และถ้าหากตามรอยละครบุพเพวันนิวาส วัดแห่งนี้เรียกว่าเป็นวัดสำคัญในละครมาก
เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของเกศสุรางค์ที่ต้องประสบกับเหตุการณ์แปลกๆ
ข้ามภพไปอยู่ในร่างแม่การะเกดในยุคอดีต นั่นเองค่ะ
มองจากมุมนี้ยิ่งสวยงามมาก
แล้วเราก็ล่องเรือกลับค่ะ ผ่านวัดพนัญเชิง วัดที่มีประวัติอันยาวนาน
และก่อสร้างก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยาด้วยซ้ำ เก่าแก่มาก
ระหว่างทางเราก็จะได้ชมวิถีชีวิตของชาวบ้านตลอดสองฝั่ง
ได้เวลาไปสำรวจห้องนอนแล้วค่ะ เรือเมขลานี้ตัวเรือมี 2 ชั้น ชั้นบนมีหลังคา เปิดโล่งเฉพาะด้านข้าง
พร้อมกับเบาะข้าง โต๊ะและเก้าอี้นั่งชมวิว ชั้นล่างที่เป็นห้องนอน มีหลายห้อง
เตียงนอนทำแบบเตียงสองชั้น เพียงแต่ชั้นบนเป็นที่นอน ชั้นล่างเป็นห้องน้ำทันสมัย
พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งอ่างล้างหน้า เครื่องสุขภัณฑ์อย่างดี เครื่องทำน้ำอุ่นฝักบัว
และมีเครื่องปรับอากาศให้ด้วย
แต่ในส่วนของแอร์จะไม่สามารถเปิดทั้งวันได้ต้องรอเรือเทียบท่าก่อนเท่านั้นค่ะ
คำคืนนี้เราจะเทียบท่าเรือบางปะอิน ซึ่งอยู่ฝั่งเดียวกับวัดนิเวศธรรมประวัติ
พอเรือจอดสนิทอิ้มก็ลงไปสำรวจวัดนี้กันค่ะ
ปกติอิ้มไม่รู้จักวัดนี้มาก่อน
พอเข้าไปรู้สึกว่าวัดนี้สวยงามมาก วัดนิเวศธรรมประวัติเป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
โปรดฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อทรงใช้เป็นสถานที่สำหรับบำเพ็ญพระราชกุศล
เมื่อเสด็จฯ แปรพระราชฐานมาประทับที่พระราชวังบางปะอิน
ใช้รูปแบบสถาปัตยกรรมกอทิกเลียนแบบโบสถ์คริสต์
สวยงามและสงบมาก
ภายในพระอุโบสถ เป็นพระอุโบสถแบบกอทิกภายในประดิษฐานพระพุทธนฤมลธรรโมภาส
เดินเล่นสักพักก็กลับมาที่เรือค่ะ เย็นนี้เราจะทานดินเนอร์กันบนเรือเมขลาลำนี้
อาบน้ำ เปลี่ยนชุดพร้อมดินเนอร์ค่ะ
พี่ๆ พนักงานบนเรือจัดที่นั่งดินเนอร์ไว้พร้อมแล้ว
มื้อเย็นของเรา เป็นอาหารไทยเช่นเคย
ทุกอย่างจัดเสิร์ฟได้น่าทานมาก
บรรยากาศยามเย็นภายในเรือเมขลาสวยงามและเงียบสงบ
หลังจากที่เราทานอาหารเย็นเสร็จแล้วก็เข้าไปพักผ่อนค่ะ
เช้าวันที่สองเราออกเดินทางกันตั้งแต่หกโมงเช้า
โดยสถานที่แรกที่เราจะมุ่งหน้าไปนั่นก็คือ ชุมชนศาลาแดงเหนือ
มาฟังเรื่องราวของที่นี่กันสักนิดนะคะ
ชุมชนมอญวัดศาลาแดงเหนือ
ชาวบ้านในชุมชนวัดศาลาแดงเหนือเป็นชาวบ้านที่อพยพมาจากเมืองเมาะตะมะ
สมัยก่อนได้มีศึกสงครามเกิดขึ้นในพม่าบ่อยครั้งมาก
ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจึงต้องหลบหนีสงครามมาทางด่านเจดีย์สามองค์
เพื่อมาพึ่งพระโพธิสมพาน
ในสมัยรัชกาลที่ 2 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
ได้ให้คนไปรับชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน
โดยให้ชาวบ้านได้เลือกพื้นที่ที่จะอาศัยเป็นหลักเป็นแหล่งจากพื้นที่เหล่านี้
คือ ชุมชนวัดศาลาแดงเหนือ ปากเกร็ด และพระประแดง
ซึ่งชาวบ้านได้ตัดสินใจเลือกที่อยู่อาศัยด้วยความสมัครใจของตนเอง
สำหรับชุมชนวัดศาลาแดงเหนือได้ช่วยกันสร้างวัดขึ้นมาชื่อว่า
“วัดศาลาแดงเหนือ” ให้เป็นศูนย์กลางของชุมชน
ซึ่งคำว่า วัดศาลาแดงเหนือ แปลเป็นภาษามอญได้ว่า “ภียปราน”
และชื่อของชุมชนนี้ได้ชื่อว่า ชุมชนวัดศาลาแดงเหนือมาตั้งแต่ก่อตั้งชุมชน
ชุมชนแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 2 ตำบลเชียงรากน้อย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี
ในชุมชนวัดศาลาแดงเหนือมีทั้งหมด 75 หลังคาเรือน ภายในวัดมีพระ 4 รูป
ลักษณะที่เด่นชัดของชาวบ้านในชุมชนวัดศาลาแดงเหนือ
คือ จะสร้างบ้านเป็นทรงไทยที่มีใต้ถุนเสาสูงเหมือนกันทั้งหมู่บ้าน
แม้ว่าจะมีการชำรุดหรือทรุดโทรมลงไปบ้าง
แต่ส่วนที่ได้รับการซ่อมแซมหรือบ้านที่สร้างขึ้นใหม่ก็ยังคงสร้างเป็นทรงเดิมอยู่
เพราะต้องการที่คงความเป็นเอกลักษณ์ของชาวมอญไว้
เหลือให้ลูกหลานได้รู้และรักษาความเป็นเอกลักษณ์ของชาวมอญไว้ให้คงไว้อย่างเดิม
และป้องกันภัยน้ำท่วม เนื่องจากประสพการณ์ที่อยู่ริมน้ำมานาน
ด้วยความที่ชาวมอญยึดเป็นหลักในการเลือกที่อยู่อาศัยคือ
ที่อยู่อาศัยต้องติดกับแม่น้ำเพื่อจะได้สะดวกในการใช้น้ำในยามหน้าแล้ง
วิถีชีวิตเรียบง่ายริมสายน้ำ
ผู้คนที่นี่ใจดีและยิ้มแย้มกับผู้ที่มาเยี่ยมเยือนเสมอ
ศูนย์กลางของชุมชน คือ ศาลาวัด
เพราะศาลาวัดของชุมชนสามารถจุคนได้มากกว่าที่อื่น
และศาลาวัดยังเป็นหอกระจายข่าวของหมู่บ้านด้วย
กิจกรรมทุกกิจกรรมที่จัดขึ้นในหมู่บ้านจะใช้ศาลาวัดเป็นสถานที่จัดงานเสมอ
และยังรวมไปถึงการประชุมต่าง ๆ ในหมู่บ้านด้วย และ ณ ศาลาแห่งนี้ทุก ๆ เย็นของทุก ๆ วัน
ผู้สูงอายุในหมู่บ้านจะมีการสวดมนต์ภาษามอญกัน
ซึ่งได้ทำกันเป็นประเพณีมาเป็นเวลานานแล้วตั้งแต่บรรพบุรุษจนถึง ปัจจุบัน
ได้เวลาอันสมควร เราเดินทางกลับกันค่ะ
สักราวๆ แปดโมงอาหารเช้าก็ทะยอยมาเสิร์ฟค่ะ
ระหว่างทานไปก็ชมวิถีชีวิตชาวบ้านริมน้ำไป มันเป็นความสุข สงบ อย่างบอกไม่ถูก
เรือล่องมาตามสายน้ำเจ้าพระยาเรื่อยๆ จนมาถึงตลาดปทุมค่ะ
ที่นี่มีทั้งตลาดของกิน ของใช้ ครบครัน
ขนมโยราณ อาหารต่างๆ น่าทานมากกกก
คุณยายร้านนี้ขายข้าวแช่ ผ่านมาแวะอุดหนุนกันได้นะคะ
มีรถสามล้อให้บริการด้วยค่ะ
พอเดินสำรวจตลาดปทุมเสร็จแล้วก็เดินทางกลับมาขึ้นเรือเมขลา
จากนั้นเรือก็พาเรามาถึงเกาะเกร็ด
สถานีสุดท้ายของการเดินทางวันนี้ค่ะ
เกาะเกร็ด เป็นเกาะกลางน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง
และมีฐานะเป็นตำบลหนึ่งในท้องที่อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
มีเนื้อที่ประมาณ 4.2 ตารางกิโลเมตรหรือ 2,625 ไร่[1]
เป็นที่อยู่ของชาวไทยเชื้อสายมอญที่มีอาชีพปั้นเครื่องปั้นดินเผาเป็นส่วนใหญ่
มาวันธรรมดาก็อาจจะเงียบๆ หน่อยนะคะ
จุดแรกอิ้มแวะนั่นก็คือการชมเครื่องปั้นดินเผาในพิพิธภัณฑ์
จากนั้นก็เริ่มเดินในชุมชนค่ะ
แวะทานเฉาก๊วยร้านนี้อร่อยดี เย็นชื่นใจ
ติดกับร้านเฉาก๊วยจะมีร้านขนมโบราณมีหลากหลายชนิด
และคุณลุงเจ้าของร้านน่ารักและคุยเก่งมาก
ถ้ามาเที่ยวแนะนำให้แวะมาซื้อนะคะ
เรายังคงวนอยู่กับของกิน 5555
ต่อมาเราจะเดินไปที่โรงปั้นดินเผาที่มีชื่อเสียงมากของเกาะเกร็คดค่ะ
นั่นก็คือโรงปั้นหมู่ 6 ที่นี่มีการสาธิตการปั้น การแกะสลัก รวมถึงการสอนปั้นกันอย่างเป็นกันเอง
แถมใครที่ปั้นยังได้ผลงานตัวเองกลับบ้านอีกด้วย
แต่สำหรับใครที่ไม่อยากปั้นที่นี่ก็มีเครื่องปั้นดินเผาสวยงาหลากหลายแบบให้เลือกซื้อหา
การปั้นนี่เหมือนจะง่ายนะคะ แต่ความจริงไม่ง่ายเลย
ขั้นตอนต่างๆ เยอะแยะมากและต้องพิถีพิถันมากกว่าจะได้แต่ละชิ้น
เตาหมูกระทะออเจ้าก็มีนะจ้ะ อินเทรนด์สุดๆ
เดินเที่ยวเกาะเกร็ดสักพักก็ได้เวลาเดินทางกลับแล้วค่ะ
พอขึ้นมาบนเรือก็มีอาหารรอเราพอดีหายเหนื่อยจริงๆ
ข้าวแช่ที่เราซื้อจากตลาดปทุมมาค่ะ ให้พี่เค้าจัดใส่ถ้วยชามให้
ดูดีและน่าทานมาก
แล้วเราก็เริ่มเดินทางเข้าสู่กรุงเทพ ด้วยเรือเมขลา
เป็นมุมมองของกรุงเทพที่อิ้มไม่เคยได้สัมผัส
พอเข้าสู่กรุงเทพ แม้วีถีชีวิตริมน้ำเจ้าพระยาจะไม่ค่อยมีให้ได้เห็น
แต่ก็มาแทนที่ด้วยการใช้ชีวิตอันวุ่นวายของคนเมืองกรุง
ที่กลายเป็นเสน่ห์อีกอย่าง
กาลเวลาเปลี่ยนไปวิถีชิวิตริมน้ำเปลี่ยนไป
จากวิถีที่เรียบง่ายกลายเป็นวิถีแห่งการดิ้นรน แข่งขัน
ผู้คนมากมายใช้บริการเรือข้ามฟากเพื่อหลีกเลี่ยงเส้นทางจราจรทางบกที่คับคั่ง
เราผ่านวัดวาอารามและสถานที่สำคัญมากมายในมุมมองจากบนเรือเมขลา
เรือเมขลาก็พาเรามายังจุดหมายที่ท่าเรือโอเรียนเต็ล เป็นสองวันหนึ่งคืนที่อิ้มประทับใจมาก
ขอบคุณทีมงานบนเรือที่ดูแลเราอย่างดีตลอดการเดินทาง
สำหรับเรือ เมขลา
โดยรวมอิ้มประทับใจมากเพราะไม่เคยสัมผัสบรรยากาศแบบนี้เลยสักครั้งในชีวิต
เป็นการท่องเที่ยวแบบใหม่ที่เคยได้ไป
ราคาอาจจะแรงไปนิดสำหรับคนไทย
แต่อิ้มว่าถ้ารวมกันไปกลุ่มแล้วมากันหลายๆ คน จะสามารถหารค่าเรือได้ถูกลงไปอีกมาก
แนะนำมาเป็นกลุ่มนะคะ จะคุ้มค่ามากกว่า
และถ้าหากมีเวลาลองมาเที่ยวแบบนี้ดูนะคะ รับรองว่าไม่ซ้ำใครแน่นอน
******************************************************
ก่อนรีวิวนี้จะจบลง
ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามจนมาถึงบรรทัดนี้
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ ขอบคุณทุกไลค์ ขอบคุณทุกแชร์
เป็นกำลังใจที่ดีในการทำรีวิวมากๆ
ถ้าชอบก็ฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะคะ
อัพเดทเรื่องกิน เช็กอินเรื่องเที่ยว ได้ที่นี่ psstory เรื่องราวดีๆในการเดินทาง
แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้านะคะ สวัสดีค่ะ
******************************************************
ช่องทางติดต่อเรา
http://www.facebook.com/psstorytrip