สวัสดีค๊าาา ตอนนี้ก็มาถึง Day 6 ในฟุกุชิมะของอิ้มกันแล้วนะคะ
ใครยังไม่ได้ชมห้าตอนแรกตามไปด่วนๆ เลยนะ
ตะลุยฟุกุชิมะ : DAY 1 เดินชิลๆ กับบรรยากาศสวยๆ
พร้อมทานเนื้อย่างร้านดังที่ IIZAKA ONSEN
https://psstorytrip.com/2017/11/23/iizakaonsen/
ตะลุยฟุกุชิมะ : DAY 2 ชมใบไม้เปลี่ยนสี
และเดินป่าท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงามที่บึงน้ำ 5 สี GOSHIKINUMA
https://psstorytrip.com/2017/11/24/goshikinuma/
ตะลุยฟุกุชิมะ : DAY 3 เที่ยว KITAKATA ชิม RAMEN เจ้าดัง
และเข้าพัก HIGASHIYAMA ONSEN ONSEN ชื่อดังของเมือง AIZU
https://psstorytrip.com/2017/11/25/kitakata/
ตะลุยฟุกุชิมะ : DAY 4 ผ่อนคลายกับ ONSEN ชั้นเลิศ
ที่ SHOSUKE-NO-YADO TAKINOYU
ในหมู่บ้านกลางหุบเขา HIGASHIYAMA ONSEN
และตระเวนเที่ยวเมืองซามูไร AIZU-WAKAMATSU
https://psstorytrip.com/2017/11/26/aizu-wakamatsu/
ตะลุยฟุกุชิมะ : DAY 5 ชมความงามของ TONOHETSURI
ย้อนยุคสู่สมัยเอโดะที่ OUCHIJUKU และแวะสถานีแมว ASHINOMAKI ONSEN
https://psstorytrip.com/2017/11/28/ouchijuku-tonohetsuri-ashinomaki-onsen/
สำหรับ Day 6 นี้อิ้มจะพาไปชมความสวยงามของรถไฟสายโรแมนติก Tadami Line
ที่สะพาน Daiichi Kyouryou
แช่ออนเซ็นชมวิวแม่น้ำทาดามิที่ Eko-kan
และเที่ยวเมือง Aizu Yanizu ชมใบไม้แดงที่ Enzoji Temple
บ้านเกิดมาสคอตชื่อดัง Akabeko
น่าเสียดายที่วันนี้อากาศไม่เป็นใจ ฝนตกตลอดทั้งวัน
จึงทำให้การเดินทางติดขัดนิดๆ ไม่สะดวก สบายเท่าที่ควร
แต่ถึงแม้ฝนจะตกบรรยากาศก็ยังสวยงามมากเป็นอีกวันที่ประทับใจค่ะ
โดยรวมการเดินทางใน Day 6 นี้อิ้มใช้ Jr East pass Tohoku ทั้งวันนะคะ
ตั้งแต่ออกจาก Aizu miyashita จนกลับมายัง Fukushima
เอาหล่ะไม่พูดมากไปเที่ยวกันต่อกับ Day 6 พร้อมแล้วไปชมรีวิวนี้กันเล้ยยย
ชอบกดไลก์ ใช่กดแชร์ ยาวๆ ไปนะจ้ะ
สามารถรับชมเป็นแบบคลิปวีดีโอได้ที่นี่ อย่าลืมกด HD เพื่อความชัดในการรับชม
แล้วอย่าลืมกดติดตาม กด subscribe กดไลก์ กดแชร์ได้เลยนะค๊าาา
เช้าวันนี้อิ้มตื่นจาก Eko-Kan แต่เช้า เพราะคุณป้าจะพาเรามาส่งที่บริเวณจุดพักรถ
Mishima Juku Roadside Station
ซึ่งจะอยู่ใกล้ๆ กับจุดชมวิวรถไฟสาย Tadami Line
Tadami River First Bridge viewpoint
นัดกับคุณป้า 05.15 นาที
และคุณป้าก็ขับรถพามาส่งโดยใช้เวลาประมาณ 5 นาทีจากที่พักค่ะ
ตอนแรกพี่ต่อกับพี่เอ๋อ้อย แนะนำให้เรารีบตื่นไปดูรถไฟเที่ยวแรกแต่เช้า
เพื่อที่จะมาชมรถไฟเที่ยวถัดไปในอีกจุดชมวิวให้ทัน
ซึ่งอิ้มก็ตั้งใจไปให้ทัน
แต่ๆๆๆๆๆๆ ตอนเช้าฝนตกหนักมาก ตอนอิ้มมาถึงกว่าจะเดินขึ้นมาจุดชมวิว
ค่อนข้างยากนิดนึงเพราะมันมืดมากกกกกกกและลื่นมากกกกก
ซึ่งบริเวณทางขึ้นจุดชมวิวรถไฟสาย Tadami Line
จะอยู่บนเขาต้องเดินขึ้นไปเท่านั้น
ก่อนขึ้นจะมีป้ายบอกจุดตำแหน่งการชมวิว
โดยจะเริ่มตั้งแต่จุด A B C และไปสิ้นสุดที่จุด D
แนะนำให้ขึ้นไปที่จุด D นะคะเพราะจะเป็นจุดที่สูงที่สุด
สำหรับใครที่จะมาชมรถไฟและเดินทางมาจากที่อื่นให้มาลงสถานี AizuMiyashita
ในช่วงวันหยุด จะมีรถรับ-ส่ง
ระหว่าง สถานี Aizu-Miyashita ไปยัง Tadami River First Bridge viewpoint เวลา 7.35 น.
ขากลับจะมี 2 รอบ 10.20 กับ 13.20 น.
จาก Tadami River First Bridge viewpoint – สถานี Aizu-Miyashita
ค่าบริการ 500 เยน เด็ก 300 เยน
รายละเอียดสามารถคลิ๊กเข้าไปที่นี่ค่ะ
แต่ถ้าวันธรรมดาแล้วสภาพอากาศไม่เป็นใจและเช้าขนาดนี้
เดินเท่านั้นเลยจ้า จากสถานี Aizu-Miyashita ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
(สำหรับคนแข็งแรง 5555 )
ระหว่างทางที่ขึ้นมา จุด A B C อย่าได้ถามไม่ได้ถ่ายไว้เลยค่า ฝนหนักจริงอะไรจริง
อิ้มขึ้นมาถึงในจุด D ในสภาพที่ทุลักทุเลมากกก
จุดชมวิวนี้อยู่ระหว่างสถานี
Aizu-hinohara Station
วิ่งบนสะพาน Daiichi Kyouryou
Aizu-nishikata Station
สามารถเปิดดูตารางเวลาได้จาก http://www.hyperdia.com/en/
ซึ่งได้เวลาตามนี้ค่ะ
Aizu-nishikata Station – Aizu-hinohara Station
06.01 – 06.05 / 07.37 – 07.41 / 09.15 – 09.19 /
13.03 – 13.07 / 15.57 – 16.01 / 19.39 – 19.43
Aizu-hinohara Station – Aizu-nishikata Station
07.21 – 07.25 / 09.03 – 09.07 / 14.21 – 14.25 / 18.12 – 18.16 /
20.57 – 21.01 / 20.57 – 21.01 / 22.56 – 22.59
รถไฟจะวิ่งผ่านสองสถานีนี้ใช้เวลาประมาณ 4 นาที
อิ้มมาถึงแล้วก็มีเวลารอเลยเลือกไปยืนที่จุดที่สูงเกือบที่สุด
ตอนนั้นมีคนมารอถ่ายประมาณสี่ห้าคนค่ะ ถือว่ามีเพื่อนไม่เหงา อิอิ
แต่นังขาตั้งกล้องนี่ก็เกเรมากกก เอียงไปเอียงมา
กว่าจะเริ่มตั้งเสร็จ เสร็จก็ไม่ตรง ฝนก็ตก โอ้ยยยยย เริ่มหงุดหงิด
รอสักพักหมอกก็ปกคลุมรางรถไฟเป็นระยะ ๆ ให้เราหวาดเสียว
จนถึงนาทีที่เรารอคอย
รถไฟ ออกจาสถานี Aizu-nishikata Station 06.01 น
และจะถึงสถานี Aizu-hinohara Station 06.05 น.
นั่นหมายความว่า รถไฟจะโผล่ออกมาให้เราเห็นในเวลา 06.03 น.
แต่ไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะเวลารถไฟจะมาจะมีเสียงหวูดดังสนั่น ขจรประสาท
ให้เราสะดุ้งกันเลยทีเดียวเชียว
แล้วนาทีนั้นของอิ้มก็มาถึงค่ะ รีบกดชัตเตอร์เลย
แล้วหลังจากภาพนี้หมอกเจ้ากรรมก็ดันลอยมาปิดรถไฟ หายเข้าไปในเมฆหมอก
พร้อมสายฝนที่โหมกระหน่ำลงมาอีกอย่างหนัก
เที่ยวแรกชั้นคงได้แค่ภาพนี้สินะ T^T
พอรถไปผ่านไปหมอกก็ลอยหายไปเช่นกัน เวรกรรมโดยแท้
จากที่จะเดินไปตามจุดที่พี่ชายได้บอกน้องเอาไว้
หมดกัน One Day trip กับ รถไฟสาย Tadami line
แต่ก็เอาเถอะนะ ตรงนี้เป็นจุดที่ฮอตฮิตที่สุด
อิ้มก็เลยตัดสินใจที่จะรอรอบถัดไปที่นี่
ซึ่งจะมาในเวลา 07.27, 07.39 ,09.09 , 09.17
แต่เรานัดคุณป้าทานข้าวเช้าไว้ตอนเก้าโมง
เพราะฉะนั้นเรามีโอกาสอีกแค่ตอนรอบ 07.27, 07.39 เท่านั้น
ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีก็เป็นช่วงที่คนนิยมมาชมรถไฟมากทีเดียวค่ะ
เพราะจะเห็นทัศนียภาพที่สวยงาม รถไฟขบวนน้อย วิ่งข้ามสะพาน
รายล้อมไปด้วยขุนเขาและใบไม้สีสันต่างๆ
เป็นภาพที่ดูแล้วสวยงามมาก
สำหรับรถไฟสาย Tadami Line เป็นรถไฟสายเดียวที่วิ่งตลอด 4 ฤดู
โดยจะวิ่งผ่านทัศนียภาพที่สวยงามทั้ง 4 ฤดูของญี่ปุ่น
นี่คือการเดินทางของรถไฟสาย Tadami
จุดที่จะชมวิวรถไฟสายนี้จริงๆ มีอยู่อีกหลายที่เลยนะคะ
และที่สำคัญสวยงามทุกฤดู ไม่ว่าจะฤดูร้อน ฤดูหนาว ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูใบไม้ผลิ
แต่อิ้มอยากมาชมความสวยงามอีกครั้งในฤดูหนาว
ถ้ามีโอกาสจะมาชมอีกครั้ง ไม่พลาดแน่นอน
พอแสงแดดเริ่มสาดส่องวิวตรงหน้าทำให้อิ้มประทับใจและหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
ถ่ายแค่ภาพสะพาน Daiichi Kyouryou ยังสวยงามมาก
สวยเหมือนภาพในฝันเลยค่า
ระหว่างที่เรากำลังรอนั้นก็เริ่มมีนักท่องเที่ยวขึ้นมารอชมรถไฟกันเยอะมาก
มาจนเยอะ จนล้น จนต้องกลับไปถ่ายที่จุด C แทน
น่าสงสารเค้าเหมือนกันนะคะ
แต่เราเองก็มาไกลทำได้แค่ถ่ายให้ไวที่สุด
และก็ถึงเวลาของอิ้มสักทีค่ะ
ปู้นๆๆๆๆๆ แชะๆๆๆๆๆๆๆ เสียงชัตเตอร์แถวนั้นดังกระหน่ำมากกกก
ซูมให้ดูใกล้ๆ อีกนิดนะคะ
เป็นรถไฟที่น่ารักบรรยากาศรอบข้างสวยงาม สมเป็นรถไฟสายโรแมนติกจริงๆ
หลังจากที่เมื่อเช้าอิ้มบ่นเรื่องฝนตกไป
แต่พอตอนนี้ฝนหยุดเค้าก็ได้ให้รางวัลกับเราไว้ด้วย
เสียดายน่าจะมาพร้อมๆ รถไฟนะคะ
ไม่งั้นน่าจะได้ภาพที่ประทับใจมากกว่านี้อีก
เสร็จจากชมรถไฟอิ้มก็รีบเดินกลับมายังที่พักค่ะ
ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงนิดๆ
ระหว่างทางมีวิวสวยๆ ให้ชมตลอด
ตอนแรกเค้าว่าเดินกับครึ่งชั่วโมง
แต่อิ้มดันปาเข้าไปกือบ ชมนู่นค่ะ 5555
แล้วก็มาถึงที่พักค่ะ
Eiko_kan
ที่่อยู่ 4113 Shiomizu ,Miyashita,Mishima-Machi,Onuma-gun,Fukushima-ken
TEL : (81)-241-52-2636
FAX : (81)-241-52-2642
เรียวกังของเราจะซ่อนตัวอยู่ข้างแม่น้ำ
เมื่อคืนอิ้มมาถึงค่ำก็เลยไม่ได้ถ่ายภาพให้ชมกัน
เวลาเราเข้าที่พักเค้าจะมีรองเท้าให้เราเปลี่ยนค่ะ
เข้ามาด้านในจะเค้าท์เตอร์เล็กๆ เป็น Reception ขนาดย่อม
ในส่วนของห้องพักจะขึ้นไปชั้น 2 ห้องอาหารเลี้ยวขวา แช่ออนเซ็นแลี้ยวซ้าย
กลับมาแล้วเราก็รีบไปทานอาหารเช้ากัน เพราะแอบเลทเวลาคุณป้ามานิดนุง
แล้วก็มาถึงค่ะ อาหารเช้าของเราน่ามั่มมากกก
ข้าวและซุปขอเพิ่มได้อีกนะคะ
ทานข้าวเสร็จก็ได้เวลาไปแช่ออนเซ็นผ่อนคลายร่างกาย
เดินผ่าน Reception ตรงเข้ามาด้านในเลยค่ะ
ที่นั่งพักผ่อนด้านหน้าทางเข้าออนเซ็น
เค้าจะแบ่งเป็นฝั่งชายหญิงนะคะ
ไปชมในฝั่งผู้หญิงกันค่ะ
เปิดมาจะเป็นห้องแต่งตัว และที่เก็บเสื้อผ้า
ห้องออนเซ็นฝั่งผู้หญิง
ที่นี่เป็นบ่อน้ำร้อนในร่มที่มีบานหน้าต่างขนาดใหญ่สำหรับชมวิวทิวทัศน์
ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายไปกับการแช่น้ำร้อน
พร้อมๆ กับชมวิวแม่น้ำ Tadami ฟังเสียงน้ำไหลๆ เอื่อยๆ
ว่ากันว่าออนเซ็นที่นี่มีส่วนช่วยให้ผิวสวย และนุ่มขึ้นด้วยค่ะ
จริงๆ ฝั่งผู้หญิง วิวจะไม่สวยเท่าฝั่งผู้ชายนะคะ
ฝั่งผู้ชายอิ้มไม่ได้เข้าไป ให้บรีสเข้าไปถ่ายให้แทนค่ะ
โชคดีตอนที่เราถ่ายไม่มีนักท่องเที่ยวเลย
ทางเรียวกังจึงอนุญาตให้เราเข้าไปถ่ายได้
ในส่วนของฝั่งผู้ชายจะไม่มีผ้าม่านมาบัง ทำให้เห็นวิวด้านนอกเต็มตา
สำหรับใครที่ไม่ได้เข้าพักที่นี่แล้วสนใจเข้ามาแช่ออนเซ็น
ราคาจะอยู่ที่ 600 เยนนะคะ
แช่ออนเซ็นสักพักสบายเนื้อสบายตัว
อิ้มก็เก็บของและเตรียมตัวเช็คเอาท์ค่ะ
ก่อนกลับคุณป้าให้ปฎิทินอิ้มเป็นของขวัญปีใหม่
เป็นปฎิทินที่รวมภาพถ่ายของรถไฟสาย Tadami ในฤดูกาลต่างๆ
สวยงามมากกกก
สำหรับการเข้าพักที่นี่ โดยรวมประทับใจ ที่พักสะอาด อาหารอร่อย
ป้าๆ ใจดีดูแลเราเหมือนลูกหลาน
ขับรถไปรับที่สถานีและไปส่งที่จุดชมวิว
ใจดีมากๆ และออนเซ็นที่นี่ยังสวยงาม
รับรองว่าถ้ามาที่นี่กันแล้วจะติดใจแน่นอน
แต่น่าเสียดายช่วงที่อิ้มมาราคาสูงไปนิด
แต่ก็ยังถูกกว่าที่อื่นมากในช่วงวันนั้น เพราะวันนั้นเป็นวันหยุดราชการ
ที่พักอื่นๆ ทั้งเต็ม ทั้งราคาสูง ได้มาพักที่นี่ถือว่าโชคดีมากเลยค่ะ
ย้ำราคาที่พักอีกที
อิ้มจองมาราคา 30540 เยนสำหรับสองคน (เป็นวันหยุดราชการราคาจะสูงกว่าปกติ)
ราคารวมอาหารเย็นและเช้า
แต่ถ้าในวันเวลาปกติราคาจะเริ่มที่ 12000 เยน
ราคารวมอาหารเย็นและเช้า
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาด้วยนะคะ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทรจองที่พัก
Miyashita Onsen Eikokan / http://www.mishima-kankou.net/spas/
TEL : (81)-241-52-2636
FAX : (81)-241-52-2642
และอีเมล์ที่อิ้มใช้คุยจองที่พัก mishima@oboe.ne.jp
เช็คเอาท์เสร็จอิ้มก็มาเดินเล่นชมวิวรอบๆ กันหน่อยนะคะ
จากจุดนี้จะมองเห็น
ออนเซ็นของเราอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามและเงียบสงบ
ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสียิ่งทำให้ที่นี่ดูมีเสน่ห์มากทีเดียว
เมืองนี้มีมุมถ่ายภาพเยอะจริงๆ เสียดายเวลาเราน้อยไป
และสภาพอากาศก็ไม่อำนวยฝนเริ่มลงเม็ดมาอีกแล้วค่ะ
รีบกลับเข้าไปใกล้สถานี ระหว่างทางก็มุมให้ถ่ายภาพตลอด
บรรยากาศในเมืองมันช่างเงียบสงบ
สำหรับบางคนอาจจะไม่ชอบเพราะอาจจะรู้สึกว่าเงียบเกินไป
แต่สำหรับอิ้ม อิ้มกลับรู้สึกชอบความสงบแบบนี้
เป็นความสุขแบบเรียบง่ายที่ตามหา
สำหรับในเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวกหรือร้านค้า
เค้าก็มีนะคะ อย่างจุดจะเป็นตู้เอทีเอ็ม
ด้านนี้เป็นมินิมาร์ท
เดินชมบรรยากาศน่ารักๆ ของเมืองนี้กันต่อค่ะ
ชอบบรรยากาศของเมืองนี้จังเลยค่ะ
เดินมาเรื่อยๆ เราจะเจอกับจุดนี้ Tourist information
อยากได้ข้อมูลอะไรเข้าไปถามได้เลยมีหมดเลย
เดินเล่นมาเรื่อยๆ ก็จะถึงสถานี Aizu Miyashita แล้วค่ะ
เอาหล่ะ ใกล้ได้เวลารอรถไฟขบวนถัดไปกันแล้ว
ระหว่างที่รอรถไฟอากาศเริ่มหนาว
อิ้มก็ไม่พลาดที่จะกดเครื่องดื่มอุ่นๆ ทาน
เข้ามาด้านในสถานีก็เห็นป้ายใหญ่ๆ เหมือนเป็นโพลสำรวจเล็กๆ
เค้าจะให้เราแปะค่ะว่าเรามาจากประเทศไหน
ซึ่งไตหวันนำโด่งมาเป็นอันดับหนึ่ง ไทยเรามาเป็นอันดับสอง
และตามด้วยฮ่องกงค่ะ
รถไฟมาแว้ววววว มาพร้อมสายฝนเชียวนะ หึหึ ช่างเป็นวันที่ชุ่มฉ่ำจริงๆ
และสถานีที่เราจะเดินทางไปต่อมีชื่อว่า Aizu yanaizu ค่ะ
อิ้มเดินทางจากสถานี Aizu Miyashita ใช้เวลาเดินทางมาสถานี Aizu Yanaizu
ประมาณ 23 นาที
และถ้าเดินทางด้วยรถไฟเริ่มต้นที่ Aizu Wakamatsu
ต่อรถไฟสาย JR Tadami Line มาลงที่สถานี Aizu Yanaizu
ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
แต่สถานีนี้จะไม่มีคนดูแลนะคะ
ที่สำคัญสำหรับเราในตอนนั้นก็คือ ไม่มีตู้ฝากกระเป๋า !!!
งานเข้าละทีนี้ ไหนจะฝนตกอีก
ทำอะไรไม่ได้นอกจากรอค่ะ รอสักพักก็เริ่มซา
แต่อิ้มคิดว่ารอแบบนี้ไม่ค่อยเข้าท่าแน่ๆ
กลัวจะไม่ได้เที่ยว โชคดีอยู่บ้างที่สถานีมีร่มวางไว้ให้ยืมใช้
ก็เลยตัดสินใจเอาร่มมา
แล้วอิ้มก็เลยเที่ยวมันทั้งกระเป๋าใบใหญ่ๆ นี่แหละค่า 5555
เดินมาเรื่อยๆ จากสถานีนะคะ แล้วจะเจออิคคิวซัง
(น่าจะใช่นะ 555 ) ชี้ให้เราเลี้ยวเดินต่อไปด้านบน
จากสถานี Aizu yaniazu ใช้เวลาเดินไปถึงวัด เอ็นโซจิ ประมาณ 10 นาที
พอเดินมาด้านบนฝนก็เริ่มตกหนักอีกครั้ง
แล้วอิ้มก็ไปเจอร้านนี้ค่ะ เห็นขนมอะไรสักอย่าง
ก็เลยลองซื้อชิม ปรากฎว่า ว้าววววว อร่อยมากๆ
อากาศหนาวๆ ได้ขนมอุ่นๆ แบบนี้รู้สึกดีจริงๆ
เลยลองถามคุณป้าว่าชื่อขนมอะไร ป้าตอบว่ามันจู
อิ้มก็ไม่รู้จัก จนมาลองหาข้อมูล ก็ได้ประมาณนี้ค่ะ
Manju หรือขนมมันจู คือ ขนมสอดไส้โดยแป้ง
มักทำจากแป้งมันเทศ (บางครั้งใช้แป้งโซบะ) ในส่วนของไส้นั้นอาจเป็นถั่วแดง
เป็นถั่วบดและมีมันเทศหรือเกาลัดอยู่ตรงกลางไส้อีกที
นำไปนึ่ง อบหรือย่าง ซึ่งรูปลักษณ์ของขนมมีหลากหลายทั้งแบบก้อนกลม
ใบเมเปิ้ล หรือมันจูลูกเจี๊ยบ แล้วแต่ลักษณะของร้าน
อิ้มนั่งชิมขนมหน้าร้านอยู่นานเพราะฝนก็ตกแล้วตกอีก
พอเรากำลังจะเดินออกไป คุณป้าเรียกเราชี้มาที่กระเป๋า
และชี้ให้วางไว้ที่ร้าน นาทีนั้นนี่ดีใจมากๆ
ไอ้ความหนักเราไม่บ่น แต่ฝนตกเนี่ยทำเอาไม่สู้เหมือนกัน
อิ้มก็ขอบคุณ คุณป้าเป็นการใหญ่
นี่แหละค่ะ ความมีน้ำใจของคนญี่ปุ่น ประทับใจมากๆ
ใครขึ้นมาเที่ยว วัดเอ็นโซจิ Enzoji Temple
อุดหนุน คุณป้าได้นะคะ คุณป้าใจดี น่ารัก ขนมอร่อยค่ะ
ได้เวลาเดินเข้าไปชมความงามด้านในแล้ว
ว่ากันว่าที่นี่ก็เป็นที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามอีกจุดนึงเลยนะคะ
นอกจากนั้นฤดูซากุระที่นี่ยังสวยงามไม่แพ้กัน
ระหว่างทางก็ที่จะเดินเข้าไปถึงตัววัดก็จะมีอาคารต่างๆ
มีความคลาสสิกและโบราณพอดู
ระหว่างทางก็มีใบไม้เปลี่ยนสีสวยงามมาก
แอบเสียดายถ้าฝนไม่ตกนะ หืมมมมมม
เดินมาไม่นานก็ถึงแล้วค่ะ
วัดเอนโซจิ (Enzoji)
วัดเอนโซจิ (Enzoji) เป็นวัดเก่าแก่ ตั้งอยู่ที่ Aizu Yaniazu มีประวัติดั้งเดิมอันยาวนาน
วัดนี้ถูกก่อสร้างขึ้นในปีค.ศ. 807 โดยนักบวชชื่อ Tokuichi Daishi
เป็นนักบวชที่มีชื่อเสียงใน Aizu มากเวลานั่น
ปัจจุบันมีวัดนี้ถูกสร้างมาแล้ว 1,300 ปี
จุดเด่นของวัดแห่งนี้คือโถงระเบียงของอาคารหลัก
ที่ตั้งอยู่บนหน้าผาขนาดใหญ่เช่นเดียวกับ วัด Kiyomisu-dera ในเกียวโต
เดิมทีระเบียงนี้สร้างมาจากไม้
แต่ช่วงหลังได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนเป็นคอนกรีตเพื่อความแข็งแรง และปลอดภัย
แต่ส่วนอื่น ๆ ในวัดก็ยังคงไว้เป็นไม้เช่นเดิม
เรียกว่าเป็นวัดไม้เก่าแก่ที่สวยงามมาก และมีเรื่องราวต่างๆ มากมายให้ศึกษาค่ะ
ด้านในไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพนะคะ
อีกส่วนนึงที่ผู้คนชอบมาเที่ยวก็คือ วิว
จากด้านบนมองลงไปมีวิวทิวทัศน์ที่งดงามราวกับภาพวาด
เป็นวิวสะพานทอดยาว มีแม่น้ำ Tadami ไหลเอื่อย ๆ สวยงามจริงๆ ค่ะ
นอกจากนั้น วัดเอนโซจิ ยังเป็นที่กำเนิดของ อะคาเบโกะ (Akabeko) น้องวัวแดงผู้โด่งดัง
ที่เป็นมาสคอตประจำเมือง Aizu
ก็ว่าอยู่ว่าตั้งแต่มาเที่ยว Aizu จะเจอน้องวัวแดงตลอดเว
เรื่องราวของ Akabeko ก็มีอยู่ว่า ในสมัยแรกเริ่มที่มีการก่อสร้างวัดเอนโซจิ
ชาวบ้านยะไนสุได้ใช้วัวแดงจำนวนหนึ่ง
เป็นพาหนะเพื่อใช้ในการขนไม้ขึ้นไปบนยอดเขา
โดยไม่ได้ใช้ยานพาหนะอื่นๆ เลย
ถือว่าวัวแดงเป็นหลักในการขนส่งครั้งนี้เลยก็ว่าได้
ใช้เวลาอยู่นานเมื่อวัดได้ก่อสร้างเสร็จแล้ว
วัวเหล่านั้นก็ไม่ยอมจากวัดไปไหน
พอชาวบ้านเห็นเป็นอย่างนั้นแล้ว
จึงมีความเชื่อว่า วัวแดงพวกนี้มีความจงรักภักดี
ชาวบ้านจึงยกย่องให้วัวแดงเหล่านั้น
กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความจงรักภักดีต่อเทพเจ้า
และถูกขนานนามว่า Akabeko (Aka หมายถึงสีแดง, Beko หมายถึงวัว)
หลังจากนั้นก็มีการนำมาทำเป็นสัญลักษณ์
รวมถึงมาทำเป็นตุ๊กตา พวงกุญแจ
และอีกหลากหลายอย่าง จึงทำให้ Akabeko
กลายเป็น มาสคอต ประจำเมือง Aizu ไปเลยค๊า
ภายในบริเวณวัดยังมีจุดสวยๆ ให้ถ่ายภาพอีกมากมาย
อย่างมุมนี้ค่ะ อิ้มชอบมากๆ
เสร็จจากด้านบนแล้วอิ้มลงไปเดินเล่นด้านล่าง
ก่อนเดินไปด้านล่างก็แวะออกไปเอากระเป๋าที่ร้านคุณป้าก่อน
ด้านล่างมีร้านค้าต่างๆ มากมายค่ะ
ร้านนี้ขายขนมมันจู เช่นกัน น่าจะเป็นร้านดังและคงอร่อยมาก
อิ้มเห็นคนมาต่อคิวยาวเหยียด ไม่ขาดสายเลยค่ะ
อิ้มเที่ยวได้ฟินมาก แต่ดูบรีสสิ กลายเป็นมนุษย์แบกไปโดยปริยาย 5555
นอกจากนั้นด้านล่างนี้ยังมีจุดชมวิวที่สวยมากๆ
ถ่ายภาพกันเพลินเลยค่ะ
พอแหงะดูนาฬิกาก็ได้เวลาเดินทางกลับกันอีกแล้ว
จาก Aizu yaniazu อิ้มก็นั่งรถไฟไปลงต่อที่สถานี Aizu wakamatsu
ตอนแรกตั้งว่าจะไปพักที่ Iwaki แล้วไปชม aquarium
แต่ด้วยร่างกายที่เริ่มไม่ไหว เพราะเราเที่ยวโหดกันทุกวัน
อิ้มก็เลยเปลี่ยนใจกระทันหันมากกก และกลับเข้าไปพักที่ฟุกุชิมะเหมือนเดิม
ก่อนกลับอิ้มก็แวะทานราเมนที่สถานี Aizu ค่ะ
ร้านนี้ถูกมาก เป็นราเมนยืนกิน สนนราคาก็ชามละ ไม่เกิน 500 เยน
อร่อยใช้ได้เลยค่ะ
จากสถานี Aizu wakamatsu
อิ้มก็นั่งรถไฟไปลง Koriyama แล้วนั่งชินคังเซ็นต่อไปยัง ฟุกุชิมะ
Day 6 อิ้มเข้าพักที่ Apa Hotel เช่นเคย
สำหรับทริปตะลุยฟุกุชิมะ : DAY 6 ของอิ้มก็จบลงเพียงเท่านั้นนะคะ
แล้วมาติดตามกันต่อในทริปตะลุยฟุกุชิมะ : DAY 7
บอกเลยว่า Day7 จะเป็น ทริปตะลุยฟุกุชิมะตอนสุดท้าย
ก็จะเที่ยวชิลๆ สบายๆ ชมเมืองฟุกุชิมะ แล้วพาทานอาหารอร่อยๆ
บอกเลยว่าสายกิน ห้ามพลาด !!!
ก่อนรีวิวนี้จะจบลง
ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามจนมาถึงบรรทัดนี้
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ ขอบคุณทุกไลค์ ขอบคุณทุกแชร์
เป็นกำลังใจที่ดีในการทำรีวิวมากๆ
ถ้าชอบก็ฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะคะ
อัพเดทเรื่องกิน เช็กอินเรื่องเที่ยว ได้ที่นี่ psstory เรื่องราวดีๆในการเดินทาง
แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้านะคะ สวัสดีค่ะ