ฮัลโหล fukushima
นี่ แกรรร รู้ไหมว่าตอนนี้ใครๆ เค้าก็ฮิตไปเที่ยวญี่ปุ่นน๊า
ยิ่งช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีแบบนี้บอกเลยว่าดีต่อใจสุดๆ
แต่จะเที่ยวในโตเกียว มันก็ดูจะคนเยอะๆ หน่อย
เห็นตอนนี้ใครๆ ก็ไปเที่ยว ฟุกุชิมะ กัน
แล้วเราจะรอช้าอยู่ใย เดี๋ยวจะเที่ยวไม่ทันเพื่อนๆ
เอาหล่ะ กดจองตั๋วแล้วไปตะลุยฟุกุชิมะกันเล้ยยยย
สามารถรับชมเป็นแบบคลิปวีดีโอได้ที่นี่ อย่าลืมกด HD เพื่อความชัดในการรับชม
แล้วอย่าลืมกดติดตาม กด subscribe กดไลก์ กดแชร์ได้เลยน๊าาาา
การเดินทางครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ที่อิ้มไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น
เรียกว่าพอมีประสบการณ์อยู่บ้าง
งั้นขอแบ่งปันข้อมูลสักเล้กน้อยนะคะ
การเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองบอกเลยว่าง่ายมากกกกกกก
หลายคนอาจจะกลัวหลง กลัวไม่ทันรถไฟ กลัวไปผิดเมือง
แต่อิ้มบอกเลยว่า ไม่ต้องกลัว
เพียงแค่เรามี pocket wifi และรู้จักใช้อินเตอร์เน็ตให้เป็นประโยชน์
พยายามจำให้ได้ว่าเราพักที่ไหน ควรทำแพลนการเดินทางมาทุกครั้ง
เป็นไปได้ศึกษาสถานที่ที่เราจะมาให้ดีว่าจุดไหนเปิด ปิดวันไหน
มาเที่ยวได้ทุกวันไหม จะได้มาแล้วไม่เสียเที่ยว
และ Google Map เป็นสิ่งสำคัญมาก
เพราะจะช่วยเราดูเรื่องระยะทาง ไม่ว่าเราจะขึ้นรถไฟ หรือเช่ารถขับ
ระบบจะคำนวณระยะเวลาให้เรา เราก็จะจำเวลาที่จะถึงสถานีปลายทางได้ไม่ยาก
การขนส่งของญี่ปุ่นเรื่องเวลาค่อนข้างแม่นยำ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวล
พยายามไปถึงที่หมายให้ก่อนเวลา เช่น รอรถไฟ รอขึ้นเครื่อง อย่าไปจวนเจียน
ไม่งั้นจะเสี่ยงในการตกรถไฟ หรือตกเครื่องบินได้
ถ้าเราไปต่างเมือง หรือต่างจังหวัด การตกรถไฟ
หรือไม่ศึกษาเวลาก่อนเดินทาง
อาจจะทำให้คุณเสียเวลาไปเป็นชั่วโมงๆ เลยนะคะ
สำหรับการเดินทางของอิ้มในทริปนี้จะใช้รถไฟเป็นหลัก
เว็บที่ใช้ดูตารางรถไฟ http://www.hyperdia.com/en/
มีบอกทุกรอบ เวลาเป๊ะ
อย่างเวลาอิ้มจะทำแพลนในการเดินทาง อิ้มก็จะดูที่ hyperdia เป็นหลัก
ถ้าจะมาเที่ยวญี่ปุ่น คุณต้องรู้จัก hyperdia เพราะเค้าจะกลายเป็นเพื่อนที่รู้ใจ
ไปจนเกือบจบทริป
จริงๆ แล้วญี่ปุ่น นี่คนไทยเยอะมากกกกกก ไปทางไหนก็มีคนไทย
ถ้าไม่เข้าใจ หรือรู้สึกว่าตัวเองจะเริ่มหลง ควรถาม
ถามหาคนไทย ถ้าไม่มีไม่เจอ ไปถามคนญี่ปุ่น
ถ้าเราพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ไม่ต้องกลัว
คนญี่ปุ่นก็พูดไม่ค่อยได้เช่นกัน 5555
เวลาจะถามเอารูปให้เค้าดูก็ได้ หรือจะใช้ภาษามือก็ได้เช่นกัน
เอาที่แต่ละท่านสะดวก
และลงจากสถานีทุกครั้งให้แวะไปที่ tourist information
พยายามไปถามว่ามีที่ไหนในเมืองน่าสนใจ
หรือมีที่ไหนน่าไปเที่ยว หรือมีไหนอร่อยๆ บางทีเราอาจจะได้รู้สถานที่ใหม่ๆ
นอกเหนือจากที่เห็นในรีวิวก็ได้
หากช็อปปิ้งจนเงินหมด ไม่มีบัตรเครดิต ไม่ต้องกังวล
หากบัตรคุณมีสัญลักษณ์จำพวก VISA, MASTER CARD
สามารถกดเงินได้จากตู้เอทีเอ็ม ดังนี้
ตู้ ATM Sevenbank : อยู่ใน 7-11 แต่กดได้ทีละหมื่นเยนนะ ที่สำคัญเป็นภาษาไทย
กดสะดวก หาง่าย ไม่ยุ่งยาก
ตู้ ATM JP BANK : ตู้เยอะ ไม่ยุ่งยาก
ATM JP BANK เป็นกิจการของไปรษณีย์ญี่ปุ่น(Japan Post Bank)
ซึ่งตู้สีเขียวนี้เป็นอีกหนึ่งตู้ที่ให้บริการกดเงินเยนสำหรับนักท่องเที่ยว
อันนี้กดเริ่มต้นหลักพันได้ แต่จะเป็นภาษาอังกฤษ
และสุดท้ายเรื่องปลั๊ก
ที่ญี่ปุ่นไม่มีปลั๊กสามตานะคะ
แนะนำให้เอาปลั๊กสามตาไปด้วยไม่งั้นถ้าลืมเอาไปจะลำบาก
เพราะแทบหาซื้อไม่ได้เลยจ้า
เอาหล่ะ แนะนำมาเหยียดยาววววว พอรู้หลักการกันแล้ว
เดี๋ยวมาเริ่มต้นเกี่ยวกับการซื้อตั๋วเครื่องบินและการจองที่พักกันเลยค๊าา
สำหรับการเดินทางในครั้งนี้อิ้มเลือกใช้บริการจองตั๋วเครื่องบินและที่พัก
จาก traveloka
ที่เลือกจองกับ Traveloka เพราะสะดวกดีมีทั้ง App บนมือถือ
และ website เวลาจองก็ง่าย ยิ่งถ้าจองล่วงหน้ารับประกันความถูก
แถมยังให้บริการครบจบในที่เดียว เพราะเค้ามีทั้งการจองตั๋วเครื่องบิน
จองที่พัก คลิ๊กเวบเดียวเอาอยู่
ซึ่งเวลาจะจองให้ค้นหาผ่านทางเวบไซต์
https://www.traveloka.com/th-th/
และ APP TRAVELOKA
ผลการค้นหาจะน่าทึ่งสุดๆ เพราะเราจะได้ราคาทุกสายการบินออกมาหมดเลย
แล้วเราก็ค่อยๆ จำกัดการค้นหา และเลือกในแบบที่เราต้องการ
เช่นอยากบินเวลาไหน ต้องเปลี่ยนเครื่องไหม ราคาที่ไหนเวิร์คสุด
เมื่อได้เที่ยวบินที่พอใจ เราสามารถจองตั๋วเครื่องบินผ่านทาง Traveloka
ต่อได้เลยไม่ต้องย้อนกลับไปจองผ่านเวบไซต์สายการบิน
ยิ่งถ้าเราจองเนิ่นๆ นานๆ ราคาจะยิ่งถูก
ช่องทางการชำระเงินก็มีมากมายทั้ง
7-Eleven, Credit Card, Counter Payment, ATM, Internet Banking
เพียงแค่นี้ก็รอรับตั๋วเครื่องบิน หรือ E-ticket
ส่งเข้าทาง email และสามารถนำไปใช้เช็คอินได้แล้ว
เป็นไงคะบอกแล้วว่าสะดวกสุดๆ
ส่วนการเดินทางเที่ยวญี่ปุ่นของอิ้มครั้งนี้ใช้เวลา 7 วันไม่นับวันเดินทางเน๊อะ
เพราะฉะนั้นในรีวิว จะแบ่งเป็น 7 รีวิวอ่านให้จุใจกันไปเลย
คือทริป Fukushima นี้รูปเยอะมากกก
เพราะอิ้มไปในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีและเป็นช่วงพีคของฟุกุชิมะพอดี
ไม่ต้องบอกเลยแหละว่ากดชัตเตอร์รัวขนาดไหน อิอิ
เอาหล่ะค่ะ ได้เวลาเดินทางสู่ญี่ปุ่นแย้ววววว
อิ้มเลือกเดินทางกับไปแอร์เอเชียเอ็กซ์
เพราะเค้ามีเที่ยวบินที่อิ้มต้องการเวลาก็โอเค
เค้ามีไฟล์ทบินตรงไปนาริตะวันละ 2 ไฟล์ท
ช่วงเช้าหนึ่งไฟล์ทนึง และก่อนเที่ยงคืนหนึ่งไฟล์ท
แน่นวลลล อิ้มเลือกบินไฟล์ทก่อนเที่ยงคืน
จะได้หลับสักตื่นบนเครื่องและตื่นรับความสดชื่นในเช้าวันใหม่ที่อยู่ญี่ปุ่น
เปล่าหรอกจริงๆ ประหยัดค่าที่พักน่ะ 5555
เวลาเราบินไฟล์ทดึกจะถึงเช้าแล้วเราก็เที่ยวต่อได้ทันที
การเดินทางจะใช้เวลาบิน ประมาณ 6 ชั่วโมง
และเวลาที่ญี่ปุ่นจะเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง
เพราะฉะนั้นจะถึงญี่ปุ่นประมาณแปดโมงเช้า(ซึ่งบ้านเราจะประมาณ 6 โมงเช้า)
ซึ่งแอร์เอเชียเอ็กซ์จะอยู่ที่ Terminal 2
พอมาถึงญี่ปุ่นก็ต้องถ่ายมุมนี้มันคือไฮไลท์เลยนะ
พร้อมคิดแคปชั่นเกร์ๆ แล้วอัพสเตตัสเฟสบุคว่า
ฮัลโหล๋วววว เจแปน !!!
เด่วๆ อย่าเพิ่งลั้นลาไปเพราะเราต้องผ่านกระบวนการ ตม -รับกระเป๋า- และผ่านศุลกากร
แต่ที่ญี่ปุ่นเค้าใจดีนะ
เราก็แค่เตรียมตัวให้พร้อมเค้าถามอะไรมาก็ตอบให้ได้
แค่นี้ก็ไม่มีปัญหาแล้วจ้าาาา
พอครบทุกกระบวนการก็ดีใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
เพราะในเวลานี้คุณได้ถึงญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการแล้ววว เย้ๆๆๆๆ
เอาหล่ะเมื่อมาถึงแล้วเราก็ต้องเตรียมตัวเดินทางต่อ
การเดินทางของอิ้มครั้งนี้จะใช้รถไฟเป็นหลัก
พอดูจาก Hyperdia แล้วน้านนนนน
มีการนั่ง ชินคังเซ็น ด้วยสินะ อิ้มลองหาข้อมูลการนั่งรถไฟแต่ละวัน
คำนวณแล้วว่าควรซื้อพาสดีกว่า
พาสนี้มีชื่อว่า JR East pass tohoku
JR East pass tohoku สามารถซื้อมาจากไทยได้เลยราคา 19000 เยน
หรือจะมาซื้อที่ญี่ปุ่นก็ได้นะ แต่ราคา 20000 เยน
แพลวกว่ากัน 1000 เยนแน่ะ
ถ้าซื้อมาจากไทยจะได้เป็นสลิปมานะคะ
เรามาแลกเป็นตั๋วที่นี่ได้เลย
โดย มาที่ JR EAST Travel Service Center
JR East pass tohoku สามารถใช้งานได้ 5 วัน ไม่ต้องติดต่อกันก็ได้
โดยจะยืดหยุ่นได้ถึง 14 วัน
ก็ใช้เวลาต่อแถวพักนึงค่ะ หลังจากนั้นให้เราแจ้งเจ้าหน้าที่เลยว่าจะไปลงที่ไหน
อย่างอิ้มไปลงที่ Fukushima ก็แจ้งเค้าไปได้เลยว่า Fukushima Station
และให้เค้าจองที่นั่งให้เราเลย เค้าจะจองตั๋วให้เราตั้งแต่สนามบิน
ไปยังจุดหมายปลายทาง
ซึ่งการเดินทางไป ฟุกุชิมะ จะนั่งรถไฟสองต่อ
คือเริ่มจากการนั่ง Narita express ไปลงสถานีโตเกียว
เพื่อเปลี่ยนสายไปนั่ง Shinkansen และมุ่งหน้าไปยัง ฟุกุชิมะ
ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินประมาณ 3 ชั่วโมงค่ะ
สำหรับบางคนที่กลัวจะหลงตอนเปลี่ยนไปนั่ง Shinkansen ที่สถานีโตเกียว
แนะนำว่าตอนที่เค้าออกตั๋ว ให้ทิ้งระยะเวลาช่วงที่เปลี่ยนขบวนไว้หน่อย
เลทไปขึ้นขบวนใหม่สักครั่งชั่วโมง หรือชั่วโมงนึงก็ได้
จะได้มีเวลาเข้าห้องน้ำ และหาอะไรรองท้องในมื้อเช้า
และจะได้ไม่ต้องรีบเดินจนหลงค่ะ
สำหรับใครที่มาจนชินก็ตีตั๋วด่วนเดินฉับๆ ดิ่งไปตามเที่ยวรถไฟปกติได้เลย…
ขึ้นมานั่ง NEX กันแล้ววววว
Narita express หรือ NEX
รถไฟเที่ยวนี้มุ่งเข้า Tokyo ไปยังหลายสถานีหลัก ไม่แวะสถานีย่อย
ยิงยาวไป Tokyo Station, Shinjuku
เพราะฉะนั้นสายนี้จะเดินทางถึง Tokyo Station ในเวลาไม่ถึง 1 ชม.
ซึ่งสะดวกมากกกกก
และนี่ก็คือหน้าตาของ Jr East pass Tohoku ค่ะ
พอขึ้นรถไฟแล้ว หากใครมีกระเป๋าสัมภาระใบใหญ่
ก็ใส่ไว้ที่บริเวณที่เค้าเตรียมไว้ให้นะคะ
จะอยู่ด้านหลังประตูรถไฟแต่ละโบกี้ มีที่ล็อคกันกระเป๋าไหลด้วย
แต่อิ้มไม่ได้เอาไว้เพราะกระเป๋าเต็มฮือๆ
จากนั้นก็หาที่นั่งตามที่ระบุไวในตั๋วเป็นอันเรียบร้อย
ที่นั่งของ Narita Express นี่กว้างขวางดีงามมาก
เบาะปรับเอนได้อิ้มเลยเอากระเป๋าวางไว้หน้าที่นั่งก็โอเคนะ
กระเป๋าเดินทางไซส์ 28 นิ้ววางไว้ยังนั่งสบายเลย
แต่ๆๆๆ อย่านั่งจนเพลินนะ
คอยฟังหรือมองที่หน้าจอเอาว่าจะจอดสถานีไหนแล้ว มีจอแสดงผลชัดเจน
นั่งมองวิวข้างๆ เพลินไปเดี๋ยวเลยนะจ้ะ จะบอกให้
สำหรับทริปนี้ไปญี่ปุ่นทั้งทีขอเปลี่ยนกระเป๋าสะพายสักหน่อย
แอบสนใจกระเป๋า doughnut มานานเพราะเป็นแบรนด์จากฮ่องกง
จนมาเจอเว็บไซด์ที่เป็นผู้นำเข้าเลยจัดไปเลยค๊าา
ของแท้ รับประกันความชัวร์
https://www.facebook.com/doughnutbag/
https://www.doughnutthailand.com/
อิ้มสอยมาสองรุ่นนะ รุ่นแรกที่เอามาใช้นี้ก็คือ Woodland Small bo-he Special
วัสดุ: กันน้ำ โพลีเอสเตอร์ หนังแท้ มีช่อง สำหรับ แล็ปท็อป
ขนาด: 27.5cm x 16.5 cm (D) x 39cm (H)
ด้านนอก : 90% โพลีเอสเตอร์ 10% หนัง
ซับด้านใน : 100% โพลีเอสเตอร์
สีสันสดใสที่สู้ดดดดดด หาพวงกุญแจแบบฟรุ้งฟริ้งค์มาใช้หน่อย
เพิ่มดีกรีความน่ารักเข้าไปอี๊กกกก
สถานีโตเกียวจะเป็นสถานีใหญ่แต่ไม่ต้องกลัวหลง
จำให้มั่น ถ้าเรามีการต่อเที่ยวรถแบบนี้ต้องดูเวลาให้ดี
เพราะอาจจะตกรถได้
บางทีให้ดูแผนที่อาจจะไม่เข้าใจ อิ้มบอกทริคเล็กๆ แล้วกันนะคะ
เมื่อมาถึงสถานีโตเกียว
ให้หอบสัมภาระแล้วมุ่งหน้ามาที่ป้าย Shinkansen สีเขียวมาอย่างเดียวรับรองไม่มีหลง
จากนั้นก็ใช้บัตรเบ่งหรือ JR East Pass ยื่นให้เจ้าหน้าที่ดู
เค้าก็จะให้เราเข้ามาด้านในได้เลย
แล้วเราก็มาดูที่ตั๋วกันว่ารถไฟของเราอยู่ที่แทร็คไหน
ตามตั๋วของอิ้มเวลา 11.00 น. เป็น yamabiko 135 อยู่แทร็คที่ 21 จ้า
ขึ้นมารอรถไฟด้านบนกันเล้ยยย
บอกเลยว่านี่เป็นการขึ้น Shinkansen ครั้งแรกของ Psstory
เพราะฉะนั้นจะมีความตื่นเต้นนิดๆ
ถ้าใครหิวก็สามารถซื้อข้าวกล่องจากสถานีมาทานบน Shinkansen ได้เลยนะคะ
แต่อิ้มยังไม่หิวเท่าไหร่ก็กะว่าจะไปกินที่ ฟุกุชิมะ ทีเดียว
ตอนนี้อากาศภาคพื้นอยู่ประมาณ 15 องศา อากาศกำลังดี
แต่ที่ไม่ดีนี่คือลมแรงมากกกก หนาวสั่นเลยทีเดียวเชียว
ยืนสั่นอยู่พักนึงค่ะ แล้ว Shinkansen ก็มาจอดอยู่ตรงหน้า
รถพร้อมคนพร้อมเราก็ไปกันเล้ยยยย
การมาเที่ยวที่ฟุุกุชิมะครั้งนี้ อิ้มต้องเลือกที่พักแบบเกร๋ๆ
คิดหลายอย่างเลยนะ เพราะอยากได้สะดวกใกล้สถานี
และก็อยากได้ที่พักแบบวิวสวยๆ และก็เอาแบบเดินทางสะดวกๆ
และที่สำคัญที่สุดคือราคาต้องถูกนะ ตัวเลือกเยอะจริงๆ เลยเรา
จึงลองหาข้อมูลที่พักให้ตรงกับที่ใจต้องการ
ซึ่งการจองล่วงหน้านานๆ แบบนี้อิ้มจองกับ Traveloka เช่นเคย
แล้วก็ไปเจอกับโรงแรมที่เดินจากสถานีเพียงแค่ 4 นาทีเท่านั้น
โรงแรมนี้คือ Apa Hotel Fukushima Ekimae ค่ะ
ลงจาก Shinkansen ก็มองเห็นโรงแรมได้จากสถานีเลย
ดูใกล้และสะดวกมากๆ
อิ้มมาถึงประมาณเที่ยงซึ่งยังไม่ถึงเวลาเช็กอิน
แต่เราสามารถนำกระเป๋าและสัมภาระไปฝากเค้าไว้ก่อนได้
แน่นอนค่ะ อิ้มรีบไปฝากโดยทันที อิอิ
และเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น !!! ฟ้าใสอยู่ดีๆ
ฝนตกซะอย่างนั้น >< ไม่เป็นไรค่ะ ยืมร่มโรงแรมติดมาด้วยก็ได้
ฝนตกแค่นี้ทำอะไร Psstory ไม่ได้หร๊อกกก
กองทัพต้องเดินด้วยท้องจริงไหมคะ
มาถึงฟุกุชิมะกันแล้วก็ต้องลองของดีประจำเมือง
ซึ่ง ฟุกุชิมะ ก็ได้ชื่อเรื่อง เกี๊ยวซ่า แต่ไม่ใช่เกี๊ยวซ่าธรรมดานะ
เค้าเรียก เอ็มบัน เกี๊ยวซ่า Emban Gyoza เป็นเกี๊ยวซ่าหน้าตาคล้าย UFO
และในฟุกุชิมะ ก็มีหลากหลายร้านมาก และสำหรับร้านที่อร่อยที่สุดจะเป็นร้านนี้ค่ะ
Gyoza no Terui
เวลาเปิด-ปิด : 2 ช่วง 11.00 – 15.00 น. และ 17:00~23:00 น.
พิกัด :
ทางออก JR Fukushima ทางทิศตะวันออก เดินมาทางขวามือ
ร้านอยู่เยื้องกับสถานีตำรวจ และ ใกล้กับโรงแรม Hotel Mets Fukushima
หรืออยู่ด้านหน้าห้าง S-Pal นั่นเอง
หน้าร้านจะเป็นแบบนี้ค่ะ อิ้มโชคดีที่คิวไม่ยาว
รอสองสามคิวเค้าก็เรียกแล้วค่ะ
บรรยากาศภายในร้าน ที่นี่ไม่มีเมนูภาษาอังกฤษนะคะ แนะนำให้เปิดรูปให้เค้าดู
หรือสังเกตุและสั่งตามโต๊ะข้างๆ ก็ได้ อิอิ
ที่ร้านเค้ามีอาหารหลากหลาย เป็นพวกราเมนก็มี
จะบอกว่าถ้วยใหญ่มากกกกกก ราคาประมาณ 700 เยนถ้าจำไม่ผิดนะคะ
มาแว้ววววพระเอกของเรา Emban Gyoza
จัดเสิร์ฟมาเป็นวงกลมจานใหญ่อยู่ที่ 22 ชิ้น
ทานพร้อมๆ กับข้าวเป็นอาหารหลักได้เลย
จริงๆ อิ้มชอบทานเกี๊ยวซ่าอยู่แล้ว จัดว่าถูกใจค่ะ
หน้าตาน่าทานมากกกกก เราสั่งมาเป็นเซ็ตได้เค้าจะเสิร์ฟพร้อมข้าวและซุปจ้า
แต่ถ้าหากใครอยากทานเฉพาะเกี๊ยวซ่าอย่างเดียวก็ได้นะ
เกี๊ยวซ่า 1 จาน (22 ชิ้น) ราคา 1,300 เยน ครึ่งจาน (11 ชิ้น) ราคา 650 เยน
แต่ของอิ้มต้อง Full Set เท่าน้านนนนนนนน
ตอนแรกที่ลองชิมจะบอกว่ามันดีย์มว๊ากกกกก
เกี๊ยวเค้าทอดแบบไม่อมน้ำมันเลยอ่ะ
บางกรอบ ทานเพลินๆ 22 ชิ้นแป๊ปเดียวหมดไม่รู้ตัว
หลังจากทานเกี๊ยวซ่าเสร็จอิ้มก็มุ่งหน้าต่อไปยัง IIzaka Onsen
“อิซากะ ออนเซ็น (iizaka onsen)” ที่นี่เป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่มีมาตั้งแต่ก่อนสมัยเอโดะ
มีชื่อเสียงมาช้านาน เป็นเมืองชนบทเล็กๆน่ารักๆที่อยู่กันแบบเรียบง่ายและอบอุ่น
ภายในเมืองมี Onsen และเรียวกังมากมายให้เลือกพักผ่อน
เสียดายอิ้มมีเวลาน้อยจึงได้แค่แวะไปเที่ยวแป๊ปเดียวเท่านั้น
สำหรับการเที่ยวที่ Iizaka Onsen ไม่สามารถใช้ JR ได้นะคะ
ให้นั่งรถไฟท้องถิ่นจากสถานี Fukushima มาลงที่สถานี Iizaka Onsen
ค่ารถ 370 เยน ใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมง
เดินออกจากร้านเกี๊ยวซ่ามาไม่ไกล
ก็จะถึงปากทางเข้าสถานีรถไฟที่จะพาเราไปยัง Iizaka Onsen
ขอกดตู้เครื่องดื่มซะหน่อย เดี๋ยวเค้าจะหาว่ามาไม่ถึง
กดตู้เครื่องดื่มเสร็จให้เรามารอที่ป้ายนี้ฝั่งขวามือที่เขียนว่า For IIzaka นะคะ
มาแล้ววววรถไฟของเราน่าตาน่ารักเชียว
ได้เวลาออกเดินทางไป IIzaka Onsen กันแล้วค่ะ
นั่งรถไฟชมวิวสองข้างทางเพลินๆ แป๊ปเดียวก็มาถึงค่ะ
Iizaka Onsen เป็นเมืองเล็กๆ เงียบๆ เหมาะแก่การพักผ่อนมาก ดูสงบ ไม่วุ่นวาย
มาดูแผนที่ของเมืองนี้กันค่ะ
สถานที่แรกที่อิ้มจะไปนั่นก็คือ “Kyu Horikiri Tei”
“Kyu Horikiri Tei” บ้านเก่าโบราณในสมัยเอโดะ
มีสวนเล็กๆ น่ารัก และที่สำคัญมี onsen ให้เราแช่เท้าฟรีๆ อีกด้วย
Kyu Horikiri Tei เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 9:00-21:00 น.
ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าชมนะคะ
เดินชิลๆ จากสถานีเพียงแค่ 8 นาทีเท่านั้นเอง
จริงๆ ที่แพลนไว้คือใส่ชุดยูกาตะเดินเล่นรอบเมืองสวยๆ
แต่ฝนเจ้ากรรมดันตกมาซู่ซ่าปาทังก้าปาทังกี้ซะขนาดนั้น
แถมอากาศก็เย็นลงกระทันหันจาก สิบกว่าองศาหรือเพียง 6 องศาเท่านั้น
โอ้ยยยยย จั้มอ้าวววสิคะ เดินให้ไว หมดกันแพลนชั้น !!!
นาทีนี้หนาวมากกกก ร่างกายต้องการออนเซ็น
ตายล๊าวววว เจอเพื่อนสาวร่วมรุ่น 5555 เอิ่มมมมม มองบนแพร้บบ
เด็กญี่ปุ่นเค้าทำอะไรก็ดูน่ารักไปหมดเลยเน๊อะ
ร่มคันใหญ่ น้องๆ ตัวนิดเดียว
บรรยากาศระหว่างทางค่ะ เงียบๆ คนไม่พลุกผล่าน
สมกับเป็นเมืองแห่งการพักผ่อนจริงๆ
อุ้ย ต๊ายย แล้ววว พอมาถึงฟ้าเปิดแดดออกซะอย่างนั้น
มีความงงกับสภาพอากาศเล็กน้อย
อย่างแรกที่ดิ่งตรงไปก็คือชมสวนเล็กๆ และชมบรรยากาศภายในบ้าน
ซึ่งที่นี่คือบ้านเก่าของคหบดี ภายในยังดูแลรักษาได้ดีเยี่ยม
ยังคงไว้ซึ่งความสวยงาม ดูไม่เก่าเลยค่ะ
หลังจากนั้นก็ได้เวลาที่รอคอย Onsen แช่เท้าฟรี เน้นนนว่า ฟรี!!!
วันนี้เดินทางมาด้วยความเหนื่อยล้า ได้แช่เท่านี้ก็สบายขึ้นเยอะเลย
ได้เวลาจวนเจียนประมาณสี่โมงก็ออกจากที่นี่ค่ะ เสียดายฝนไม่น่าตกเลย
ตรงนี้ก็เป็นอีกจุดไฮไลต์นึงนะคะ
บริเวณนี้ก็เป็นสถานที่แช่ออนเซน
คือเมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องความเก่าแก่ของบ่อน้ำแร่ร้อนธรรมชาติ
ดังนั้นตามที่พักเรียวกังต่างๆ ก็จะมีบริการออนเซนให้ทุกที่
ด้านนี้จะโรงอาบน้ำสาธารณะโบราณ
ซึ่งเป็นโรงอาบน้ำที่ใช้กันมาเป็นเวลายาวนาน แต่ตอนนี้ก็ยังใช้งานได้อยู่นะคะ
ตรงนี้เป็นแท้งค์น้ำเป็นถังไม้ขนาดใหญ่ดูคลาสสิกสุดๆ
จากตรงนี้อิ้มจะเดินทางต่อไปยังร้านเนื้อย่างที่มีชื่อว่าร้าน Hitachi ค่ะ
จาก Map เดินแค่เพียง สามนาทีเท่านั้นเอง
แป๊ปเดียวก็มาถึงหน้าร้านแล้วค่ะขอเอาภาพตอนขากลับมาให้ชมเน๊อะเพราะก่อนเข้าไปไม่ได้ถ่ายไว้
เนืื่องจากอิ้มมาถึงก่อนเวลาค่ะ เค้ายังไม่เปิดร้าน
แต่ด้วยความใจดีของเจ้าของร้าน
เค้าเห็นด้านนอกฝนตกหนัก
จึงให้เรามานั่งข้างในพร้อมเปิดไฟให้เรารู้สึกอบอุ่นขึ้นด้วย
ใจดีสุดๆ เลยค่า
ร้านนี้ชื่อร้าน Hitachi เป็นร้านอาหารสไตล์อิซากะยะ
บรรยากาศร้านดูสบายๆ เหมือนกับทานอาหารที่บ้านยังไงอย่างงั้น
มาดูเมนูกันหน่อย เค้าไม่มีภาษาอังกฤษนะคะ
แต่เท่าที่ถามคร่าวๆ จะมีแบบเป็นเซ็ตด้วยสำหรับสองคนจะอยู่ 4900 เยน
มีหมู มีเนื้อ อย่างละ 2 มีไส้กรอก และเกี๊ยวซ่า อย่างละ 1
ราคาไม่รวมเครื่องดื่มนะคะ
และอีกเซ็ตสำหรับคนชอบทานเบียร์ ราคา 3600 เยน
จะมีหมู เนื้อ อย่างละ 1 และเบียร์สามแก้วค่ะ
อย่างละสองเค้าใส่รวมจานมาเป็นหนึ่งค่ะ หั่นมาเป็นชิ้นพอดีคำ
เกี๊ยวซ่าพระเอกของเราก็มาแว้ววววว
ต่อด้วยไส้กรอก กับ เนื้อค่ะ เนื้องานดีมากกกกกลายสวยราดซอสสูตรพิเศษของทางร้าน
ซูมใกล้ๆ อีกสักที
อาหารมาพร้อมแล้วรออะไรล่ะค๊าาาาา
เค้าจะเสิร์ฟน้ำจิ้มให้สามแบบนะคะ
1 น้ำจิ้มเกี๊ยวซ่า
2 น้ำจิ้มเนื้อ น้ำจิ้มเนื้อนี่เด็ดมาก
เพราะเค้าทำจากน้ำซุปซี่โครงหมูปรุงจนได้ทีทำให้กลมกล่อม
3. น้ำจิ้มหมู เค้าจะมีวาซาบิให้ด้วย ทานพร้อมกันอร่อยลงตัว
เราใช้เวลาทานอยู่ไม่นานก็อิ่มจากนั้นก้ได้เวลาบอกลาเมือง Iizaka อย่างเป็นทางการ
จากร้าน Hitachi เดินกลับมายังสถานีใช้เวลาประมาณ 4 นาทีเท่านั้นค่ะ
ระหว่างทางฝนก็คงตกต่อเนื่องแบบไม่คิดจะหยุดกันเลย ><
อิ้มนั่งรถไฟมาจาก Iizaka Onsen กลับมายัง Fukushima
เพื่อเช็คอินที่ Apa Hotel Fukushima Ekimae ค่ะ
จริงๆ อิ้มเคยพักโรงแรมในเครือนี้มาแล้วนะ
บอกเลยว่าถูกและดี Lobby ดูหรูหรา สวยงามทีเดียว
แต่หรูหราขนาดนี้บอกเลยว่าจองมาเพียงราคา 1600++ เท่านั้น
การเช็กอินที่ก็ไม่เหมือนใคร เพราะเค้าจะเช็กอิน ชำระเงิน
และรับคีย์การ์ดผ่านตู้อัตโนมัติเท่านั้น
สะดวกมากมาย
ภายในห้องพักถึงขนาดจะไม่กว้างขวางมากนัก
แต่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันทีเดียว ที่สำคัญสะอาดมาก
เค้าจัดสรรภายในได้ดีเพราะห้องนี้มีพื้นที่เพียง 9 ตร.ม. เท่านั้น
อาจจะแคบไปหน่อย
แต่อิ้มว่าโอเคมากเพราะราคานี้คือ 2 คนหารกันแค่คนละ 800 เอง
แถมภายในห้องพักยังตกแต่งแบบโมเดิร์นสไตล์
อุปกรณ์ต่างๆ ภายในห้องก็มีให้ครบครัน
อ้อๆๆ เค้ามีออนเซ็นให้แช่ฟรีๆ ด้วยนะคะ เห็นไหมล่ะ ถูกและดีมีอยู่จริง
มองออกไปยังหน้าประตูนะคะ วางกระเป๋า 2 ใบ
ไซส์ 28 นิ้ว และ 24 นิ้ว ยังพอมีที่เหลือเดินสบายๆ
ในส่วนของห้องน้ำค่ะ มีอ่างอาบน้ำ
พร้อม amenity ครบครันมากกก เรียกว่าครบทุกอย่างจริงจัง
ได้เวลาพักผ่อนนอนหลับของอิ้มแล้วค่ะ
หมดไปอย่างรวดเร็วสำหรับวันแรกที่ ฟุกุชิมะ
เดี๋ยวติดตามกันต่อใน Day 2 in Fukushima
ว่าอิ้มจะพาไปเที่ยวที่ไหนบ้าง ฝากติดตามกันด้วยนะค๊าา
ก่อนรีวิวนี้จะจบลง
ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามจนมาถึงบรรทัดนี้
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ ขอบคุณทุกไลค์ ขอบคุณทุกแชร์
เป็นกำลังใจที่ดีในการทำรีวิวมากๆ
ถ้าชอบก็ฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะคะ
อัพเดทเรื่องกิน เช็กอินเรื่องเที่ยว ได้ที่นี่ psstory เรื่องราวดีๆในการเดินทาง
แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้านะคะ สวัสดีค่ะ