เชียงราย
ดินแดนเหนือสุดของสยาม
มีชายแดนติดเพื่อนบ้านถึงสองประเทศ
ที่นี่มีธรรมชาติให้ชมอย่างสมบูรณ์ ต้นไม้ ทิวเขา ริมน้ำโขง และสายหมอก
กลายเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดเชียงรายโดยไม่ต้องอธิบายอะไรมาก
สำหรับเชียงราย ที่เที่ยวหลักๆ ที่ผู้คนรู้จักก็มีอยู่มากมาย
ไม่ว่าจะเป็น ภูชี้ฟ้า แม่สลอง ไร่ชาฉุยฟง หรือ ดอยตุง
สถานที่ที่อิ้มกล่าวมาถือเป็นที่เที่ยวยอดฮิต ที่ใครมาถึงเชียงราย ต้องไปเยือนให้ได้
แต่รีวิวนี้อิ้มจะขอพูดถึงอีกสถานที่นึง ซึ่ง อยู่ในจังหวัดเชียงราย
แต่คนไทยไม่ค่อยรู้จักที่นี่สักเท่าไหร่ กลายเป็นว่านักท่องเที่ยวต่างชาติ
รู้จักที่นี่มากกว่าด้วยซ้ำ อิ้มจะพูดถึงรีสอร์ทนึงในอำเภอเชียงของ
อำเภอเชียงของอยู่ติดกับอำเภอเชียงแสนค่ะ
ที่สำคัญมากกว่านั้นคือ คุณแม่อิ้มเป็นคนเชียงของ
อยากพรีเซนต์บ้านเกิดคุณแม่ว่างั้น อิอิ
ถ้าใครมาเที่ยวเชียงแสนแนะนำให้มาเที่ยวเชียงของต่อได้เลย
เพราะจะมีเส้นทางเลียบโขงเป็นเส้นทางสายโรแมนติก
ซึ่งเส้นทางนี้จะค่อนข้างคดเคี้ยว
และต้องใช้ความระมัดระวังสำหรับผู้ที่ไม่เคยใช้เส้นทาง
แต่รับรองว่าเส้นทางนี้ชิลและวิวสวยงามมากกกกกก
โอเคค่ะ เรามาพูดถึงรีสอร์ทนี้กันหน่อยดีกว่า
จริงๆ อิ้มเคยเอาลงเฟสบุคไปแล้วกระแสตอบรับดีมากกกก
มีแต่คนถามว่าที่นี่คือที่ไหน อย่างไร อิ้มก็เลยมารีวิวให้ชมแบบฉบับเต็ม
ที่นี่มีชื่อว่า Lanjia Lodge เป็นภาษาม้ง
อ่านเป็นภาษาไทยว่า “ลานเจี๊ยะ”
Lanjia lodge
ที่นี่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ ไม่มีตู้เย็น ไม่มีทีวี
มีแต่ธรรมชาติ ภูเขา สายน้ำ และสายหมอก
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสงบ และต้องการมาพักผ่อนอย่างแท้จริง
อยากชมกันแล้วใช่ไหมคะ ว่าที่นี่สวยงามและน่าพักผ่อนขนาดไหน
พร้อมแล้วไปชมรีวิวนี้กันเลยค๊าา
สัมผัสวิถีชาวม้ง สุข สงบ เรียบง่าย ท่ามกลางขุนเขาและสายหมอก
@Lanjia Lodge เชียงราย
ก่อนอื่นขอฝากบ้านหลังเล็กๆอีกหนึ่งหลังของอิ้มด้วยนะค๊าา
https://www.facebook.com/psstorytrip
ติดต่อ lanjia lodge ได้ตามช่องทางด้านล่างนี้ได้เลย
Website : http://www.asian-oasis.com/chiang-rai-thailand.html
Facebook : https://www.facebook.com/lanjialodge/
Tel : 0863843848
และฝากรีวิวเชียงราย เชียงของที่อิ้มเคยรีวิวไว้เผื่อใครอยากไปเที่ยวนะค๊าา
https://psstorytrip.com/2016/01/26/chiangrai/
จากตัวเมืองเชียงราย วิ่งมาทางแม่สาย
แล้วใช้แยกเข้าเชียงแสน จากใช้เส้นทางโรแมนติกเลียบแม่น้ำโขง
สู่อำเภอเชียงของ จากสนามบินเชียงรายใช้เวลา ประมาณ 2 ชั่วโมง
แนะนำให้เช่ารถขับมานะคะ เพราะเส้นทางสวยมาก
ส่วนใครไม่สะดวก ก็สามารถให้ทาง lanjia lodge ไปรับได้ทั้งจากสนามบิน
และ ตัวอำเภอเชียงของ มีค่าใช้จ่ายในการรับส่งนะคะ
หรือบางคนจะนั่งรถทัวร์มาลงที่เชียงของ
และให้รถจากรีสอร์ทไปรับค่าใช้จ่ายจะถูกกว่ามาจากสนามบินค่ะ
ค่าใช้จ่ายต่างๆ สามารถสอบถามโดยตรง
กับทาง lanjia lodge ผ่านช่องทางด้านบนได้เลยนะคะ
และถ้าจะมาพักแนะนำให้สอบถามเส้นทางจากรีสอร์ทอีกทีจะได้ไม่หลงจ้า
Lanjia lodge อ่านว่า ลานเจี๊ยะ เป็นภาษาม้ง แปลว่า สดชื่น
เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผู้มาพักได้กลับไป แน่นอนต้องเป็นความสดชื่น
เหมือนกับได้รีเฟรชและชาร์ตแบตให้ตัวเอง
การตกแต่งทั้งหมด แนบอิงธรรมชาติ ใช้ใบจาก และไม้ไผ่ ทุกหลังทำจากมือ
และช่วยกันของชาวบ้าน การใช้หลังคาแบบนี้ถือว่าเป็นแบบดั้งเดิม
และต้องใช้ผู้ที่มีความชำนาญในการทำ เพราะต้องรองรับทั้งแดดและฝน
บ้านพักทั้งหมดมี 4 หลัง หลังนึงมีสี่ห้อง ห้องนึงพักได้ 2-3 ท่าน
หลังนึงพักได้ถึง 8-12 ท่านรองรับทั้งการมาเป็นคู่และเป็นหมู่คณะ
Lanjia lodge จะไม่ได้เป็นเหมือนรีสอร์ทหรือโรงแรมทั่วๆ ไป
ที่นี่อยู่ท่ามกลางชนเผ่าม้งและลาหู่ เพราะฉะนั้นการมาพักที่นี่ไม่ธรรมดาแน่นอน
เค้าจะขายเป็น Package นะคะ
อย่าง Classic Package
ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 4,800 Baht/night/package ราคานี้ต่อหนุึ่งห้อง สองท่าน
รวมอาหารเช้าและเย็น และกิจกรรมต่างๆ มากมาย เรียนรู้วิธีชุมชน
เรียนรู้วัฒนธรรมของม้งและชาวลาหู่
เรียกว่าหาชมได้ยากทีเดียว
การเดินทางขับตาม GPS มาเลยนะคะ ขับช้าๆ เพราะทางขึ้นจะแคบและมองไม่ค่อยเห็น
ทางขึ้นจะอยู่ตรงที่มีสองแม่ลูกเดินกางร่มขึ้นไปค่ะ
ขับรถมาจอดด้านบนแล้วจะมีพนักงานมาช่วยเรายกกระเป๋าค่ะ
หน้าตาทางเดินไปยังบ้านพักของเรา
ขนาดในรูปอาจจะดูบ้านหลังไม่ใหญ่นะคะ แต่ของจริงหลังใหญ่มากกก
เข้ามายังบ้านพักค่ะ แบ่งเป็นสัดส่วนทั้งสี่ห้องมีห้องน้ำในตัวด้วยทุกห้องนะคะ
การเข้าพักที่นี่เราแทบจะไม่ต้องทำอะไรเลยเพราะบ้านแต่ละหลัง
จะมีพ่อบ้านแม่บ้าน 2 คน
เค้าจะดูแลเราประหนึ่งว่ามี “บัตเลอร์” ดูแลอย่างใกล้ชิด
มาตรฐานการดูแลอยู่ในระดับโรงแรม 4-5 ดาวเลยนะคะ
อิ้มแปลกใจมากว่าทำไมดูพนักงานเค้าบริการเราได้อย่างคล่องแคล่ว
จึงถามอะไรไปหลายอย่าง ได้ใจความว่า ที่นี่เปิดมายาวนานถึง 9 ปี
และนักท่องเที่ยวส่วนมากเป็นชาวต่างชาติจะมาเป็นกรุ๊ปทัวร์ ค้างทีละหลายวัน
อ้อๆๆๆ ทีนี้อิ้มเลยถึงบ้างอ้อ และเข้าใจเลยว่าทำไมเค้าถึงดูแลเราได้ดี
เพราะเค้ามีประสบการณ์มาแล้วนี่เอง
ห้องพักที่นี่จะประมาณนี้ค่ะ
อ้อๆ แมลงมีเยอะแนะนำว่าถ้าเป็นคนแพ้แมลงควรนำยามาทานด้วย
แต่ตอนกลางคืนเค้าจะกางมุ้งให้เราเสร็จสรรพ
ภายในห้องไม่มีพัดลมนะคะ อากาศธรรมดาหัวค่ำ ร้อนนิดๆ แต่พอดึกๆ เริ่มหนาว
อิ้มไปช่วงปลายกันยานะคะ แต่เค้าบอกว่าช่วงหน้าหนาว หนาวเอาเรื่องเลย
ห้องพักกว้างขวางค่ะ มีหน้าต่างเปิดออกมาเห็นวิวสวยงาม
หากมองไกลๆ จะเห็นวิวแม่น้ำโขงและเห็นชายแดนฝั่งเพื่อนบ้าน
ตรงนี้เป็นวิวจากห้องน้ำ เป็นไงล่ะ เริ่ดเวอร์
ช่วงเย็นอิ้มใช้เวลานั่งชิลกับบรรยากาศ ซึ่งมันชิลมากก เงียบสุดๆ
ไม่ต้องกลัวเหงานะคะ เพราะถึงเค้าไม่มีทีวีให้
แต่เค้าก็มี Wifi ให้แทน ดีกว่ามีทีวีอีกนะอิ้มว่า 5555
อีกอย่างที่ประทับใจที่นี่ก็เห็นจะเป็นเรื่องของความสะอาด
ที่นี่สะอาดมากกกก ขนาดเป็นพื้นไม้ เวลาเราเดินไม่มีความสากเท้าเลยสักนิด
แทบไม่มีฝุ่นให้เห็นเลยค่ะ ดูแลจุดนี้ได้ดีเบี่ยม
นอกจากมุมที่เราจะนั่งทานอาหารเย็นกันแล้ว
เค้ายังมีเก้าอี้ตัวยาวเรียกว่ายาวเหยียด สามารถนอนยาวๆ ได้เลย
เก้าอี้ยาวตัวนี้อิ้มนี่นอนขี้เกียจเพลินนนไปเลยจ้า
แต่ข้อเสียคือแมลงเยอะมากกกกก ใครแพ้ต้องพกยามาทีเดียวเชียว
แล้วก็ได้เวลาอาหารเย็นของเราแล้ววววว
อาหารก็เป็นอาหารธรรมดา แต่รสชาติดีทีเดียว อิ้มเบิ้ลข้าวไปสองหม้อถ้าจำไม่ผิด อิอิ
กับข้าวจะเปลี่ยนรูปแบบไปไม่ซ้ำกันนะคะ
ระหว่างที่เราทานข้าว หนึ่งกิจกรรมที่ดีๆ ที่ทาง Lanjia Lodge
เตรียมไว้ให้นั่นก็คือ การแสดงพื้นบ้านจาก ชนเผ่าม้งและลาหู่
โดยเริ่มต้นที่ชนเผ่าลาหู่ก่อนค่ะ
ชนเผ่าลาหู่จะเป็นคุณลุง คุณป้า น่ารักและยังสุขภาพดีมากๆ
ในการแสดงเค้าจะใช้เพลงที่ไว้บรรเลงเวลาปีใหม่หรืองานรื่นเริง
ซึ่งหาฟังได้ยาก บางครั้งอาจจะได้ฟังแค่ช่วงปีใหม่เท่านั้น
ซึ่งจะใช้เครื่องดนตรีประจำเผ่า เรียกว่า แคน บรรเลงพร้อมท่าประกอบจังหวะ
ต่อมาจะเป็นชนเผ่าม้งนะคะ
ม้ง จะเป็นน้องนักเรียนค่ะ มีทั้งผู้ชายและผู้หญิง
ในการแสดงเค้าจะใช้เพลงที่ไว้บรรเลงเวลาปีใหม่หรืองานรื่นเริง
ซึ่งจะใช้เครื่องดนตรีประจำเผ่า เรียกว่า แคน บรรเลงพร้อมท่าประกอบจังหวะ
เช่นเดียวกับ ลาหู่ค่ะ
การแสดงจบแล้วขอถ่ายภาพประทับใจไว้สักนิด
หากจบการแสดงแล้วประทับใจ อาจจะให้ทิป
เพื่อเป็นสินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ให้คนแสดงได้นะคะ
ชมการแสดงเสร็จพร้อมทานอาหารเสร็จพอดี
ได้เวลาออกมาสำรวจดวงดาวกันแล้ว
คืนที่ดาวเต็มฟ้าที่ Lanjia Lodge
ชมดาวเสร็จก็ได้เวลาเข้านอนค่ะ
อ้อๆ ก่อนนอนบัตเลอร์ของเราจะมาถามว่าอาหารเช้าจะทานอะไร
อาหารจะจัดเสิร์ฟเป็นเซ็ตนะคะ
มีทั้งข้าวต้ม ไข่ดาว ออมเล็ต หรือขนมปังโฮมเมด
สั่งได้ตามชอบค่ะ
เข้ามาในห้องนอนเค้าก็กางมุ้งไว้รอเราเรียบร้อยแล้ว
โอ้ยย หนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อน
ตอนเช้าสักหกโมงครึ่ง อิ้มก็เปิดหน้าต่างออกมาแบบไม่ได้คิดอะไร
ในอารมณ์ที่งัวเงียอยู่น้านนนนนน
ถึงกับตาสว่างขึ้นมาทันที เพราะทะเลหมอกได้ล้อมเราไว้หมดแล้ว
จากการสอบถามได้ความว่า
ที่นี่มีหมอกตลอดเกือบทั้งปีค่ะ ที่อิ้มเห็นถือว่าเบาบางไม่เยอะมาก
คือไม่น่าเชื่อเลยค่ะ ว่าหมอกยามเช้าที่นี่จะสวยงามขนาดนี้
และไม่น่าเชื่อว่าจะมองเห็นทะเลหมอก
ว่าแล้ว ชงกาแฟสักแก้วมาทานดีกว่า เหมือนเปลี่ยนสถานที่ทำงาน
แต่เป็นที่ทำงานที่พิเศษมากๆ
เวลานั้นมีความสุขมากกับวิวที่อยู่ตรงหน้า
รีบคว้าทั้งกล้องใหญ่กล้องเล็กมาเก็บภาพความประทับใจ
ทั้งเป็นวีดีโอและภาพนิ่ง
มองไกลๆ จะเห็นถนนทอดยาว นั่นแหละค่ะเส้นทางเลียบภูเขาและแม่น้ำโขงที่อิ้มบอก
วิวแบบนี้ กับที่พักแบบนี้ ถูกใจอิ้มสุดๆ เวลามีหมอกแบบนี้
เหมือนลอยอยู่กลางอากาศยังไงอย่างงั้น
ได้เวลาทานอาหารเช้าแล้วนะคะ
เค้าจะจัดเป็นเซ็ตๆ เช่นเคย หลายอย่างอาจจะไม่ได้จัดแบบมือโปร
แต่สัมผัสได้เลยว่า เค้าตั้งใจในการจัดเสิร์ฟ และทำอาหารเป็นอย่างมาก
เห็นถึงความตั้งใจของเค้า ดูน่ารักและน่าประทับใจมากๆ
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ก็จะมีไกด์เป็นสาวชางม้ง
มาตระเวนพาเราไปชมหมู่บ้าน โดยจะเริ่มตั้งแต่ ลาหู่ก่อน
ลาหู่ที่อยู่ที่นี่มีไม่เยอะค่ะ มีไม่กี่หลังคาเรือน
หมู่บ้านลาหู่จะอยู่ด้านบนเขาเดินขึ้นไปประมาณ 500 เมตร
ระหว่างทาง น้องจะอธิบาย ชีวิตความเป็นอยู่ เรื่องราวๆ ต่างๆ ให้เราฟัง
จนไปถึงบ้านหลังนึง ซึ่งน้องบอกว่าที่นี่คือบ้านหมอผี
อิ้มก็ เห้ยยยยย คือไม่น่าเชื่อว่ามีอยู่จริงๆ
หลายคนอาจจะคิดว่าหมอผี คือหมอผี จริงๆ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ
เข้ามาในบ้านเราจะเจอหมอผีของชาวลาหู่หน้าตาดูใจดีทีเดียว
จากการสอบถามเค้าจะสืบทอดกันเป็นตระกูล
ทายาทต่อทายาท ถ้าลูกไม่อยากเป็น ก็จะให้หลานสืบทอด
ไม่ได้เลือกว่าใครจะเป็นก็ได้
หมอผี สำหรับชาวบ้านก็คล้ายๆ หมอแผนปัจจุบันค่ะ
แต่การรักษาเค้าจะใช้ความเชื่อ และธรรมชาติ อาการโดยรอบเป็นส่วนประกอบ
มันก็น่าแปลกที่บางคนไปรักษาหมอแผนปัจจุบันไม่หาย
แต่กลับมารักษากับหมอผีหาย
ส่วนของพิธีเค้าจะไม่สามารถทำให้เราดูได้นะคะ
ถ้าไม่ได้รักษาจริงๆ
เอาเป็นว่าเรารับชมเพื่อการเรียนรู้เท่านั้นพอนะคะ
(โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม)
จากนั้นเราก็ไปจุดอื่นกันต่อค่ะ
วิถีชีวิตชนเผ่า เค้าอยู่อย่างเรียบง่ายดีนะคะ
นี่ๆ เขียนเป็นตัวย่อได้น่ารักมาก ผญบ (ผู้ใหญ่บ้าน) อิอิ
จากนั้นมาเรียนทำผ้าบาติกกันต่อค่ะ
ที่นี่เป็นการทำผ้าบาติกแบบโบราณ โดยอุ้ยซึ่งอายุ หกสิบว่าเห็นจะได้
ด้วยความสงสัย จึงถามเค้าอีกแล้วว่า
ทำแบบนี้เอาไปขายหรือส่งต่อที่ไหน
ได้ใจความว่า ผลงานที่ผลิตโดยมือ ซึ่งนำไปทำกระเป๋า หมวก และอะไรอีกมากมาย
มีคนมารับซื้อไปขายต่อ และบางครั้ง ชาวต่างชาติที่เข้ามาพักและเรียนทำบาติก
จะอุดหนุนทุกๆ ครั้ง แทบจะหมดเกลี้ยง เพราะชาวต่างชาติมาทีเป็นกรุ๊ปทัวร์
ว้าววว ไม่น่าเชื่อนะคะ เค้าอยู่แบบเรียบง่าย แต่อยู่ได้อย่างมีความสุข
มีช่องทางทำมาหากิน โดยที่ไม่ต้องเบียดเบียนใคร
อิ้มรักวิถีชีวิตแบบนี้จัง
การครีเอทลายต่างๆ ก็มาจาก อุ้ย (ยาย) คนนี้เลยค่ะ
ถ้าสนใจทำผ้าบาติกเค้าคิดผืนละร้อยนะคะ
ค่าเรียนไม่ได้คิดเพราะเค้ารวมไปในแพ็คเกจแล้วจ้า
เสร็จจากบาติก เราก็ไปชมหมู่บ้านม้งกันต่อ จากนี้ต้องเดินลงเขาไปค่ะ
ระหว่างทางก็เจอเด็กน้อยน่ารักแววตาสดใส
เอาหล่ะ หมู่บ้านม้งอยู่ฝั่งตรงข้ามนี่เอง ข้ามถนนไปเลยค่ะ
ความคิดอิ้มเหมือนชนเผ่าม้งที่นี่จะมีประชากรมากกว่าลาหู่
และค่อนข้างจะมีความทันสมัยกว่านิดๆ
ดูจากบ้านเรือนและร้านค้าค่ะ
ระหว่างที่เดินๆ อยู่ก็เจอกรุ๊ปทัวร์ต่างชาติ
เดินสวนเราเตรียมตัวเช็คอินที่พักพอดี
ทุกคนมาเที่ยวและดูแฮปปี้มากๆ ดูเค้าประทับใจน่าดูเลยค่ะ
พอมาถึงบ้านม้ง ก็แวะไปชมบ้านหมอผีของฝั่งม้งค่ะ
ทุกอย่างก็คล้ายลาหู่เลย
ชมบ้านหมอผีเสร็จแล้วอิ้มก็เตรียมตัวเดินทางกลับค่ะ
การมาพักผ่อนที่ Lanjia Lodge
โดยส่วนตัวอิ้มชอบมากๆ เพราะไม่เคยได้เปิดประสบการณ์ตัวเองแบบนี้
ในส่วนของที่พัก ตัวอาคาร บ้าน ตกแต่งได้ มีความดั้งเดิม
แต่ภายในใช้ความทันสมัยเข้าผสมผสาน
เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลเลยว่าการเข้าพัก จะลำบาก
อิ้มจะบอกว่าพ่อบ้านแม่บ้านเค้าดูแลเราดีกว่าโรงแรมห้าดาวบางที่ด้วยซ้ำ
รอยยิ้ม ที่จริงใจ และเต็มใจให้บริการ
ถือว่าเป็นความประทับใจและความสุขของผู้ที่ได้เข้าพัก
ส่วนเรื่องของกิจกรรม อิ้มมีโอกาสได้เรียนรู้วิถีชุมชน
ทำอะไรใหม่ๆ เห็นอะไรที่แปลกตา
รู้สึกสนุก และเพิ่มเติมความรู้ให้ตัวเอง
และที่สำคัญ บรรยากาศที่นี่ก็สวยงามมาก ยิ่งตอนเช้าอิ้มนี่ใจละลายเชียวค่ะ
บรรยากาศที่หาสัมผัสได้ยากจริงๆ
มีโอกาสจะกลับมาพักผ่อนอีกแน่นอน
เป็นการเที่ยววิถีใหม่ที่น่าสนใจและอิ้มอยากแนะนำค่ะ
ก่อนรีวิวนี้จะจบลง
ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามจนมาถึงบรรทัดนี้
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ ขอบคุณทุกไลค์ ขอบคุณทุกแชร์
เป็นกำลังใจที่ดีในการทำรีวิวมากๆ
ถ้าชอบก็ฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะคะ
อัพเดทเรื่องกิน เช็กอินเรื่องเที่ยว ได้ที่นี่ psstory เรื่องราวดีๆในการเดินทาง
แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้านะคะ สวัสดีค่ะ