หลายๆ คนชอบใช้วันหยุดพักผ่อนไปที่ๆ ใกล้กรุงเทพฯ
เพราะไม่มีเวลาเดินทางไปไกล
และจุดมุ่งหมายหลักๆ นั่นก็คือ พัทยา
แต่หากจะหาความสงบจากพัทยา ชั่วโมงนี้ ถือว่ายากมาก
เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร
เพราะแต่ละจุดก็วุ่นวาย ยุ่งเหยิง
แถมจิตนาการความฝันที่มีให้กับทะเลพัทยา
สำหรับอิ้มมันเลือนลางมาก
นานแค่ไหนที่มาพัทยา แล้วไม่ได้เอาเท้าไปเหยียบทราย
นานแค่ไหนที่มาพัทยา แล้วไม่ได้เดินริมทะเลชมพระอาทิตย์ตก
เพราะแต่ละครั้งเมื่อมาเที่ยวพัทยา
อิ้มมักจะเข้าไปในโรงแรมหรือรีสอร์ทและไม่ค่อยออกมาอีกเลย
อาจจะเป็นเพราะว่าเราชอบความสงบ เลยไม่ชอบแสงสีมากนัก
เอ๊ะ หรือเราจะแก่รึเปล่า 5555
เอาหล่ะ ดึงสติกลับมาแพร้บบ
แล้วความทรงจำที่ดีของพัทยาก็กลับมาหาอิ้มอีกครั้ง เมื่ออิ้มได้รู้จักรีสอร์ทนี้
Rabbit Resort Pattaya
รีสอร์ทที่แสนจะเงียบสงบ ตั้งอยู่ที่หาดดงตาล
เป็นยังไงล่ะ งง ใช่ไหม ไหนบอกมาพัทยาแล้วหาดดงตาลคืออะไร
ไม่ต้องงง จ้า ตามไปชมรายละเอีนดทั้งหมดในรีวิวเล้ยยย
อ้อ นอกจากนั้นที่นี่ยังอนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้าพักได้ด้วยนะคะ
ใครชอบพาน้องๆ มาเที่ยว จดไว้ในลิสต์ได้เลย
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมของรีสอร์ท
https://th-th.facebook.com/rabbitresort.my
ก่อนอื่นขอฝากบ้านหลังเล็กๆอีกหนึ่งหลังของอิ้มด้วยนะคะ
https://www.facebook.com/psstorytrip
Rabbit resort ตั้งอยู่ที่หาดดงตาง ห่างจากตัวเมืองพัทยา 15 นาที
หาดดงตาลเป็นอีกหนึ่งชายหาดที่ใกล้กับหาดจอมเทียน
เป็นชายหาดที่มีความสงบ
หากต้องการหลีกหนีแนวร่มและเตียงผ้าใบที่แออัดของชายหาดจอมเทียนที่นี่ตอบโจทย์มาก
หาดทรายของที่นี่จะค่อนข้างกว้างและสะอาด
รวมถึงน้ำทะเลก็จะใส ที่สำคัญนักท่องเที่ยวน้อยมาก
หาดดงตาลไม่มีถนนเลียบชายหาด จึงทำให้ไม่มีร้านค้าริมทะเล
หรือร้านแผงลอยที่เราเห็นกันจนชินตา
ภาพเหล่านั้นจะหายไปเมื่อคุณได้มาเที่ยวหาดตงตาล
หากคุณต้องการมุมสงบ ๆ เพื่อการพักผ่อนชิลๆ เป็นส่วนตัว
และชื่นชมกับสีฟ้าของน้ำทะเล และใช้ชีวิตวันหยุดได้อย่างผ่อนคลาย
อิ้มแนะนำที่นี่ค่ะ หาดดงตาล
และหากจะหารีสอร์ทที่มีความเงียบสงบในพัทยา
ก็ต้องที่นี่ค่ะ Rabbit Resort Pattaya
ตามภาพด้านล่างจะมีสระว่ายน้ำของแรบบิทรีสอร์ทอยู่
นั่นแหละค่ะ บริเวณโดยรอบของที่นี่
เป็นต้นไม้ล้อมรอบ ไม่ใช่ตึกล้อมรอบเหมือนทั่วๆ ไป
ส่วนหน้าหาดของที่นี่ก็สงบ สะอาด ตามภาพข้างล่างนี้เลยค่ะ
มีแบบเป็นคลิปวีดีโอด้วยนะ อย่าลืมปรับภาพเป็น HD เพื่อความชัดในการรับชมนะคะ
ส่วนการเดินทางสามารถเสิร์ช Google Map ไปได้เลยค่ะ
แต่รีสอร์ทไม่ได้อยู่ติดถนนต้องผ่านหมู่บ้านเข้าไป
พอถึงหน้าหมู่บ้านปุ๊ปให้เราแลกบัตรเอาไว้นะคะ
พอขับรถเข้าไปจอดในรีสอร์ทให้แจ้งพนักงาน
แล้วเค้าจะไปนำบัตรมาคืนให้เราค่ะ
จอดรถเสร็จแล้วก็เดินเข้ามาภายในบริเวณรีสอร์ท รู้สึกว่าร่มรื่นมาก
จุดแรกที่เราจะผ่านคือสระว่ายน้ำค่ะ แต่ส่วนนี้เป็นสระว่ายน้ำของเด็ก
เพราะฉะนั้นครอบครัวครัวที่มีเด็กก็จะมาอยู่บริเวณนี้แยกโซนได้ชัดเจน
แรบบิท รีสอร์ท มีพื้นที่ 10 ไร่ ล้อมรอบด้วยธรรมชาติและต้นไม้น้อยใหญ่
จึงเป็นรีสอร์ทที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบความเงียบสงบเป็นส่วนตัว
และต้องการพักผ่อนอย่างแท้จริง
ด้านหน้ารีสอร์ทติดชายหาดที่สวยงาม
มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ถึงสองสระ
แบ่งแยกเป็นสัดส่วนชัดเจนระหว่างสระสำหรับครอบครัว
และสระสำหรับผู้ใหญ่ที่ให้ความเป็นส่วนตัวเงียบสงบ
อย่างจุดแรกที่เราจะผ่านคือสระว่ายน้ำค่ะ เป็นสระว่ายน้ำสำหรับครอบครัว
ผ่านมาจากจุดแรกแวะเช็กอินกันก่อนนะคะ
Lobby มีความน่ารัก
นั่งพักผ่อนจิบ Welcome Drink ให้ชื่นใจก่อนเข้าห้องพักนะคะ
Welcome drink ถูกเสิร์ฟมาพร้อม Welcome gift เป็นเทียนกระต่าย
น่ารัก เชียวค่ะ นำกลับบ้านได้เลย
แรบบิท รีสอร์ท พัทยา มีห้องพักสไตล์รีสอร์ท 49 ห้อง
เลือกได้ทั้งแบบ Forest View และ Pool View
ซึ่งแต่ละหลังจะมีความเป็นส่วนตัวและเงียบสงบ
ตั้งอยู่ลดหลั่นกันลงมาจากไหล่เขาจนถึงริมหาด
มีทั้งบ้านชั้นเดียวแบบสวีท และวิลล่า 2 ชั้นขนาดใหญ่
สำหรับมาเป็นคู่หรือครอบครัวใหญ่
ตัวห้องพักมีความเป็นส่วนตัว กว้างขวาง
มีระเบียงส่วนตัว มีสวนล้อมรอบ และเห็นวิวสระน้ำ
ตกแต่งด้วยคอนเซ็ปต์ Asian Contemporary
เน้นโทนสีที่เข้ากับธรรมชาติและสีไม้เป็นหลัก ดูสบายตา ผสมกลิ่นอายแบบไทย
ห้องพักมีทั้งหมด 5 ประเภท ดังนี้ค่ะ
Gold Forest Room และ Sliver Forest Room
Gold Antique Room และ Silver Antique Room
Gold Antique –Extra Bedroom และ Silver Antique –Extra Bedroom
Gold Cottage
Gold Villa และ Silver Villa
โดยห้องที่อิ้มพักเป็น Gold Cottage ค่ะ
Gold Cottage มีพื้นที่ 50 ตร.ม.
ห้องกว้างขวางและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
ภายในตกแต่งด้วยสไตล์ไทยโมเดิร์น
ผสมผสานวัฒนธรรมเดิมเข้ากับสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว
โดยบริเวณรอบๆ เป็นต้นไม้ใหญ่อยู่ท่ามกลางบรรยากาศริมสระน้ำ
ด้านบนเป็นเพดานสูงโปร่งทำให้ไม่อึดอัด
มีโต๊ะทำงานและโซฟาเบดขนาดใหญ่
จริงๆ ก็เหมือนเตียงเลยค่ะ นอนได้สบาย
ถัดมาเป็นห้องด้านหลังค่ะ มีชา กาแฟ ไมโครเวฟไว้ให้บริการ
ตู้เสื้อผ้าเป็น built in แขวนได้ทั้งสองฝั่งซ้ายขวา
มีร่ม ชุดคลุมอาบน้ำที่เป็นคล้ายๆ ยูกาตะ ใส่สบายทีเดียว
นอกจากนั้นยังมี ผ้าขนหนู slippers ตู้เซฟ ไว้ให้บริการค่ะ
ส่วนประตูด้านหน้าก็คือห้องน้ำนะคะ
ต้องบอกเลยว่าห้องน้ำมีขนาดกว้างมากทีเดียว
คุณคะ !!! มันน่ารักมากกก ขวดใส่แชมพูและดูเป็นเหมือนโอ่ง
ดีไซน์ชนะเลิศจริงๆ โดยรวมเค้าใส่ใจในรายละเอียดมากๆ
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมที่นี่ถึงมีแขกกลับมาเยี่ยมเยือนบ่อยครั้ง
เสร็จจากห้องที่อิ้มพัก มาชอบห้องถัดไปกันค่ะ
Gold Antique Room
Gold Antique Room มีขนาดพื้นที่ใช้สอยกว้างถึง 55 ตร.ม.
ด้วยขนาดห้องที่กว้างขวาง การตกแต่งภายในที่สวยงาม
เพิ่มความสะดวกสบายด้วยเตียงขนาดใหญ่ถึง 2 เตียงด้วยกัน
มีระเบียงกว้างรับบรรยากาศธรรมชาติ
อีกแบบที่จะพามาชมค่ะ
Gold Forest Room
พื้นที่ใช้สอย 45 ตร.ม. กำลังดีทีเดียว
มีระเบียงส่วนตัวที่คุณสามารถใกล้ชิดกับสวนสวย
ภายในตกแต่งคล้ายๆ กันหมดต่างกันที่สีสันนิดหน่อยค่ะ
ชมห้องพักเสร็จมาชมบริเวณโดยรอบกันบ้าง
ช่วงเย็นๆ ต้องมุมนี้ค่ะ Beach Bar
Beach Bar อยู่ด้านหน้าหาดดงตาลพัทยา มีดนตรีเบาๆ และเครื่องดื่มเย็นๆ ไว้บริการ
ไม่ใช่เฉพาะแขกในรีสอร์ทเท่านั้นที่จะใช้บริการได้
แขกด้านนอกก็สามารถมานั่งชิลได้เช่นเกียวกัน
ช่วงเวลาแบบนี้ อิ้มชอบที่สุด
เวลานั้นคืออิ้มถามตัวเองตลอดว่าชั้นอยู่พัทยาจริงๆ เหรอ 555
หน้า Beach Bar มีความชิลขั้นสุด
เสียดายถ้าวันนี้อากาศดีเราจะได้เห็นวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยงามมาก
แก้วนี้คือ Virgin mojito mango เป็น Mocktail
อร่อยมากกกกก
เสร็จจาก Beach bar ก็มาชมอีกส่วนนึงนะคะ
ส่วนนี้คือห้องอาหาร ชื่อว่า
Chefs Company Bistro
Chefs Company Bistro เป็นห้องอาหารติดหาดริมทะเล
เป็นร้านอาหารที่ขึ้นชื่อระดับนึงเลยค่ะ
แขกมาทานอาหารทั้งช่วงกลางวันและเย็นพอสมควร
ภายในมี 2 โซนให้คุณเลือก ทั้งโซนห้องแอร์
และ โซน Outdoor
แต่อิ้มว่ามาทะเลนั่ง Outdoor ดีกว่านะคะ
เพราะจะได้สัมผัส รับลมทะเล เย็นสบาย
และบรรยากาศโรแมนติกในช่วงเย็น
จับจองที่นั่งได้แล้ว มาทานดินเนอร์กันนะคะ
นั่งมุมนี้ดีกว่า เห็นทะเลชัดเจน
สั่ง Signature drink มาทานกันค่ะ
แก้วนี้เค้านำส่วนผสมของสมุนไพรมาผสมผสานได้อย่างลงตัว
ทั้ง น้ำตะไคร้ กับ อันชัญ
ทานแล้วสดชื่น ดีต่อสุขภาพ
แก้วนี้เป็น Fresh Strawberry
เมนูนี้คาดว่าสาว ๆ แนวเฮลตี้น่าจะชอบทาน
จัดเสิร์ฟใส่แก้วทรงสวยงามน่าจะถูกใจสายเซลฟี่
Chefs Company เป็นห้องอาหารสไตล์ ไทย-ฟิวชั่น-สุขภาพ
นำเมนูทางตะวันออกและตะวันตกมาผสมผสานอย่างลงตัว
อาหารที่นี่จึงเน้นรสชาติที่อร่อยและสุขภาพดี
จานแรกเป็น tempura รวมมีทั้งผักและกุ้ง
ต่อมาเป็นต้มโป๊ะแตก เครื่องทะเลมาเต็มมาก รสชาติแซ่บเวอร์
ต่อมาเป็นยำถั่วพูค่ะ รสชาติเข้มข้น ถึงเครื่อง
แต่ที่นี่เค้าเป็นจากไข่ต้มเป็นไข่เค็ม ทานกับข้าวสวยมีความเข้ากันมากกก
ข้าวผัดปลาเค็มจานใหญ่ค่ะ
จานนี้ต้องยกนิ้วให้เลยสำหรับผัดฉ่าทะเล
เครื่องเค้าแน่นมากกกก สดและตัวใหญ่
รสชาติถึงเครื่อง หากทานเผ็ดไม่เผ็ด บอกเชฟได้เลยนะคะ
เดี๋ยวเชฟจัดให้
อิ่มจากอาหารเย็นมาเดินย่อยกันบริเวณริมสระว่ายน้ำค่ะ
เป็นสระว่ายน้ำโซนผู้ใหญ่ เงียบสงบ รายล้อมด้วยธรรมชาติ
ตอนเช้าอิ้มออกมาเดินเล่นริมหาดดงตาลซึ่งอยู่หน้ารีสอร์ท
มีความสงบ อากาศดีปลอดโปร่ง
ไม่มีกิจกรรมทางน้ำ ให้รบกวนหัวใจ เป็นโซนที่เหมาะกับการพักผ่อนจริงๆ
กลับมาที่รีสอร์ทค่ะ เดี๋ยวเรามาทานอาหารเช้ากัน
อาหารเช้าที่นี่เป็นไลน์บุตเฟ่ต์นะคะ
มีค่อนข้างหลากหลายเลย ครบครันทีเดียว
ทั้งขนมปัง เครื่องดื่ม น้ำผลไม้ สลัด กาแฟร้อนเย็น สถานีไข่
อาหารไทย อาหารตะวันตก ฯ และอีกหลากหลาย
เมนูไข่ก็มีหลายแบบนะคะ ทั้งออมเลต ไข่ดาว ไข่กะทะ
ข้าวต้ม เบาๆ
อีกอย่างที่ห้ามพลาดคือแพนเค้ก อร่อยสุดๆ
พร้อมแล้วทานเล้ยยยย
ทานอาหารเสร็จอิ้มก็กลับนั่งชิลๆ พักผ่อน ฟังเสียงนกร้อง
ฟังเสียงลม เสียงทะเลอยู่ที่ห้อง
พอสักช่วงเที่ยงก็มีกระรอกมากมายมาทานอาหารที่ทางรีสอร์ทวางไว้ให้
อิ้มจึงถามเค้าว่าเค้าเลี้ยงไว้เหรอ
ได้ความว่าไม่ได้เลี้ยง เป็นกระรอกธรรมชาติ
แต่ช่วงกลางวันเค้าจะเอาข้าวมาวางไว้
หลังจากนั้นกระรอกก็กรูลงมาจากต้นไม้นับสิบตัว
ตัวใหญ่ๆ ทั้งนั้นเลยค่ะ น่ารักมาก
หลายคนอ่านมาถึงตรงนี้อาจจะยังงงว่าทำไมไม่มี กระต่ายล่ะ
แล้วชื่อ Rabbit Resort ได้แต่ใดมา
เป็นคำถามที่อิ้มก็ไปถามเค้ามาเหมือนกันค่ะ 555
ได้ความว่าเจ้าของเกิดปีกระต่ายและมีความชอบกระต่ายมาก
หลังจากนั้นจึงนำกระต่ายมาเลี้ยงไว้ ปรากฎว่ากระต่ายเป็นสัตว์ที่ขี้กลัว
และดูแลยาก และเจ้าของสงสารไม่อยากนำมาขังกรงไว้
เพราะเห็นสัตว์ไม่ได้รับอิสระ จึงตัดสินใจเลิกเลี้ยง
จึงเปลี่ยนมาเป็นรูปปั้นกระต่ายตามจุดต่างๆ และใช้เป็นโลโก้ของรีสอร์ทแทน
เราจะเห็นใต้พื้นสระว่ายน้ำเป็นรูปกระต่ายตัวใหญ่มากอย่างชัดเจน
ช่วงบ่าย อิ้มใช้เวลาผ่อนคลายริมสระว่ายน้ำ
เพราะตั้งใจว่าจะทาน Lunch กันที่นี่
เริ่มต้น เราสั่งเครื่องดื่มมาทานกันก่อนนะคะ
แก้วนี้เป็น Virgin mojito mango อร่อยเหมือนเดิม
อีกแก้วเป็น Strawberry Milkshake
อร่อยละมุนลิ้น ทานตอนกลางวันที่สดชื่นมากๆ เลยค่ะ
มาดูเมนูช่วงกลางวันบ้างนะคะ
จานนี้เป็นแซนวิชแฮมชีสเสิร์ฟพร้อมสลัดผักและเฟร้นฟรายด์
เป็นแซนวิชแฮมชีสที่เลอค่ามากกก
แซนวิชแฮมชีสเนื้อแน่นัดไปด้วยชีส
และก็ก็ราดชีสให้ชุ่มฉ่ำ กัดไปทางไหนมีแต่ความเป็นชีส
รับประกันสายชีสต้องร้องว้าวแน่นอน
Fusilli ต้มยำทะเล
อร่อย แปลกใหม่ มีความเข้ากันได้อย่างลงตัว เครื่องทะเลเค้าตู้มมากกก
ต่อมาเป็น ซี่โครงหมูซอสบาร์บีคิวย่างบนเตาถ่านชาโคล
ถือเป็น Signature ของเค้าเลยนะคะ
เสิร์ฟมาได้น่าทาน และรสชาติก็ยังอร่อยมาก
เค้าใช้ซี่โครงหมูที่มีคุณภาพหมักด้วยเครื่องเทศสูตรพิเศษของทางร้าน
แล้วอบด้วยเวลาที่นานหลายชั่วโมงจนได้เนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำลิ้น
ร่อนไม่ติดกระดูก ปรุงรสด้วยซอสบาร์บีคิว
อร่อยล้ำ จานนี้อร่อยถูกใจอิ้มมาก
เสิร์ฟพร้อมมันม่วงและสลัดผัก
จัดเสิร์ฟได้น่าทานมากทีเดียว
มาที่นี่ต้องทานนะคะ ไม่อย่างนั้นถือว่าพลาดมาก
ตบท้ายด้วยของหวานอย่างข้าวเหนียวมะม่วง
เคยเห็นที่อื่นทำเป็นลักษณะซูชิ แต่ที่นี่ทำเป็นโรล
แล้วโรยงาดำ น่าทานสุดๆ
ตกแต่งได้น่าทาน มะม่วงหวาน ข้าวเหนียวมีความหอม
ทานคู่กับไอศกรีม วนิลา เข้ากั๊นน เข้ากัน
ช่วงบ่ายอิ้มใช้เวลาพักผ่อนริมสระว่ายน้ำ ว่ายกันเพลินจนลืมเวลาไปเลย
บางทีความสุขก็ไม่จำเป็นต้องหวือหวา แค่มีคนข้างกาย
กับสถานที่ที่มีความเป็นส่วนตัว และสงบ
แค่นี้ก็เพียงพอแล้วค่ะ
อีกอย่างที่ต้องชื่นชมที่นี่ก็คือว่าเค้ามีต้นไม้เยอะก็จริง
แต่ไม่มีใบร่วงหล่นตามพื้นและสระว่ายน้ำ
ดูแลพื้นที่ได้อย่างดีเยี่ยม
ช่วงเย็นๆ ออกมาชมพระอาทิตย์ตกหน้ารีสอร์ทกันค่ะ
มองวิวเพลินๆ
เย็นนี้อากาศไม่ดีเท่าที่ควร แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่สวยงามมาก
แสงแดดอ่อนยามเย็นกระทบกับเกลี่ยวคลื่น
เป็นเวลาแห่งความสุขของใครหลายๆ คน
รวมถึงตัวอิ้มเองด้วยค่ะ
ช่วงเย็นอิ้มกลับมาทานอาหารที่ Chefs Company เช่นเคย
จานนี้เป็นยำเนื้อย่าง เค้าใช้มะเขื่อฝานบางๆ ลงไปด้วย
จานนี้รสชาติดีเลยค่ะ ทานเพลินๆ หมดไม่รู้ตัว
อีกจานเป็นลาบหมูค่ะ
ต้มยำกุ้งน้ำข้น เข้มข้นถูกใจเช่นเคย
สุดท้ายเป็น พอร์คชอปค่ะ อิ้มชอบมากกกก
พอร์คชอปก็ว่างานดีแล้ว
เค้าเสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียงที่มีทั้งผัดสดและผักย่าง
ส่วนซอสเป็นน้ำจิ้มแจ่วแซ่บๆ แบบฉบับไทย
เสิร์ฟใส่ขวดโหลเล็กๆ ดูน่าทานมาก
โดยรวมอิ้มชอบอาหารของ Chefs Company มาก นอกเหนือจากความอร่อย
ก็คือการบริการ และความใส่ใจในทุกขั้นตอน
และในส่วนของอาหารเราจะสังเกตุได้ถึงความตั้งใจและความประณีตของเชฟ
ที่พิถีพิถันตั้งใจทำให้แต่ละจานดูน่าทานและอร่อย
และเป็นเมนูที่ถูกคิดค้นออกมาให้ดูแตกต่างไม่ซ้ำใคร
ปรบมือให้เชฟ รัวๆ เลยค่ะ
สำหรับ Rabbit Resort อิ้มคิดว่าเหมาะสำหรับคนที่ชอบความเงียบ สงบ
และความเป็นธรรมชาติ เดินทางใกล้จากกรุงเทพฯ การมาพักผ่อนครั้งนี้
ทำให้อิ้มรู้สึกถึงการได้พักผ่อนอย่างแท้จริง
เป็นความรู้สึกที่หาได้ยากมากในพัทยา
ที่สำคัญอาหารที่นี่อร่อยมาก ราคาไม่แรง บรรยากาศดี ชิลมากก
มีโอกาสจะกลับมาเที่ยวอีกแน่นอนค่ะ
ก่อนรีวิวนี้จะจบลง
ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามจนมาถึงบรรทัดนี้
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ ขอบคุณทุกไลค์ ขอบคุณทุกแชร์
เป็นกำลังใจที่ดีในการทำรีวิวมากๆ
ถ้าชอบก็ฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะคะ
อัพเดทเรื่องกิน เช็กอินเรื่องเที่ยว ได้ที่นี่ psstory เรื่องราวดีๆในการเดินทาง
แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้านะคะ สวัสดีค่ะ