ขนอม ชื่อนี้มีแต่ความสุข

หากพูดถึง ขนอม คุณนึกถึงอะไร

ปลาโลมาสีชมพู

หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด

เมืองโรแมนติกริมทะเล

อาหารซีฟู้ดสดๆ

ใช่ค่ะ ที่กล่าวมาคือความเป็นขนอมทั้งหมด

แต่เชื่อไหมคะว่าสำหรับอิ้ม

ขนอมมีอะไรมากกว่านั้น

ไม่ว่าจะเป็นความสงบ

ความเรียบง่าย

และรอยยิ้มที่เห็นได้ทั่วไป

ความมีน้ำใจของชาวบ้าน

รวมไปถึงธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์

อิ้มได้พบเห็นอะไรแปลกใหม่ แปลกตา

อย่างเช่น Pancake rock หรือเขาหินพับผ้า

เป็นสถานที่ที่อิ้มประทับใจมากในทริปนี้

เพราะฉะนั้นพอพูดถึงชื่อของขนอม

อิ้มก็จะนึกถึงแต่ความสุข

เพราะเป็นอีกทริปนึงที่ประทับใจ

รีวิวนี้อิ้มจะพาเที่ยวขนอมแบบชิลๆ

เที่ยวง่ายๆ นอนโฮมสเตย์

รับรองว่าประทับใจทุกท่านแน่ๆ

ตามไปชมรีวิวพร้อมๆ กันเลยค๊าา

ก่อนอื่นขอฝากร้านก่อนนะ อิอิ

https://www.facebook.com/psstorytrip

0

จากทริปที่แล้วอิ้มพาทุกท่านเดินทางมาเที่ยวนครศรี

โดยเริ่มต้นที่บ้านแหลมโฮมสเตย์

ใครยังไม่ได้ชมตามไปชมเลยจ้า

https://psstorytrip.com/2017/07/28/baanleamhomestay/

จากบ้านแหลมโฮมสเตย์ อิ้มก็แวะเข้าตัวเมืองก่อน

เผื่อมาร้านนี้ค่ะ

ร้านโกปี้-นครศรีธรรมราช

โกปี้ ร้านดังประจำเมืองคอน

ร้านอาหารตกแต่งเรียบง่าย

ลักษณะเป็นห้องโถงกว้างเปิดโล่ง

เน้นสไตล์คลาสสิค มีความดั้งเดิม

ร้านมีหลายสาขาค่ะ

แต่อิ้มเลือกมาสาขาแรก

ที่อยู่บริเวณด้านหลังห้างโรบินสันโอเชี่ยน

เพราะว่าน่าจะมีความออริจินอลอยู่มาก

ถือเป็นร้านอาหารที่ควรมาทานเมื่อมาเยือนนครศรี

ร้านเปิดบริการทุกวัน เวลา 06.30-16.30น. และ 17.00-22.00 น.นะคะ

1 (1)

เดินเข้ามาในร้านจะเป็นครัวเปิดที่สามารถมองเห็นเค้าทำอาหารได้

บะกุดเต๋นี่ทำรัวๆ เกมส์ไวมากกกก

1 (8)

เดินเข้ามานั่งด้านในดีกว่าค่า

1 (7)

อย่างที่เกริ่นไปสำหรับอาหารชื่อดังที่มาแล้วพลาดไม่ได้

นั่นก็คือ“บักกุดเต๋” ค่ะ

ถือว่าเป็นพระเอกของร้านเลยก็ว่าได้

บักกุดเต๋ของที่นี่เสิร์ฟมาในหม้อดินที่ดูหน้าตาน่าทานสุดๆ

กลิ่นหอมจากสมุนไพรจีน

และเครื่องเทศลอยเตะจมูกกันเลยทีเดียว

เราเลือกทานกันหลายอย่างเลยค่ะ

ก็ทุกอย่างน่ากินสุดๆ ไม่ว่าจะเป็น ขาหมู

โจ๊กกระดูกหมู คั่วกลิ้ง และกระดูกหมูอบ อร่อยมากกกกกก

4

2 (1)2 (2)2 (3)2 (4)

ทานคาวเสร็จแล้วอย่าลืมสั่งจาโก้ยมาทานนะคะ

จิ้มนมอร่อยเหาะ

อ้อๆๆ จาโก้ยก็คือ ปาท่องโก๋ นี่แหละจ้า อย่าเพื่งงงไป

3 (1)

ข้าวเหนียวเบญจรงค์ อร่อยมากกกก

3 (2)

อิ่มท้องแบบเรียกว่าจุกลำไส้กันไปเลย

เดี๋ยวพาไปผ่อนคลายกันหน่อยดีกว่า

รอบที่แล้วทำสปาโคลน วันนี้ก็จะมาทำสปาต่อ

แต่ไม่ใช่สปาโคลนนะคะ เป็นสปาปลาค่ะ อิอิ

รอบนี้มาทำสปาแต่ละที่บอกเลยไม่ธรรมดาจริงๆ

สถานีต่อไปจากตัวเมือง อิ้มมุ่งหน้าไปที่ขนอมทันที

ขับรถราว 60 กิโล ก็มาถึงค่ะ

จากนั้นให้มุ่งหน้ามายัง

สวนลุงวิญญ์-ป้าผ่อง

ที่นี่มีอาหาร เครื่องดื่ม

สปาปลา ที่สำคัญคนไม่เยอะด้วย

5

เข้ามาด้านในแล้วค๊าาา

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่อิ้มกับบรีส

มาทำสปาปลากัน

ครั้งแรกมันจะเจ็บๆ ไม่นานก็ชิน

หมายถึงสปาปลาหรอกนะ อย่าเพิ่งคิดไปไกล 555

ปลาที่นี่จัดว่าเยอะเลยทีเดียว

หยุบหยับ หยุบหยับ ดีชรุงง

6 (1)6 (2)6 (3)6 (4)6 (5)

ดูใบหน้าสิคะ ไม่รู้สึกอารายมากเลยจริงจริ๊งงง

7 (1)

ขนาดบรีสไปพายเรือคายัค ทดสอบดูว่ากลางน้ำ

มีปลาเยอะไหม

นี่คือสีหน้าและคำตอบค่ะ

7 (2)

ต่อมาเราไปชมเจดีย์ปะการัง

โบราณสถานเก่าแก่ของเมืองขนอม

เชื่อกันว่ามีอายุมากกว่า 1000 ปี

ประดิษฐานอยู่บนยอดเขาธาตุ

ในวัดจันทน์ธาตุทาราม

เจดียืแห่งนี้มีความศักดิ์สิทธิ์มาก

และมีความเชื่อตำนานเล่าขานมาช้านาน

เรื่องเล่ามีอยู่ว่าเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ และประชาชนจาก

ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี

ที่มีจิตศรัทธาในองค์พระบรมธาตุ นครศรีธรรมราช

ได้นำแก้วแหวนเงินทอง และของมีค่าต่าง ๆ

เพื่อไปบรรจุในองค์พระบรมธาตุนคร

แต่ในระหว่างการเดินทาง เรือได้อับปาง

บางส่วนรอดชีวิต และถูกคลื่นซัดมาเกยฝั่งที่นี่

เลยได้ร่วมกันสร้างเจดีย์จากหินปะการัง

เพื่อบรรจุของมีค่าที่ยังเหลืออยู่

แทนการนำไปบรรจุที่พระบรมธาตุ นครศรีธรรมราช

8 (1)

เจดีย์สร้างขึ้นโดยนำหินปะการัง

มาจัดสร้างเป็นเจดีย์ทั้งองค์ รอบๆเจดีย์

เรียกว่าคนสมัยก่อนพยายามมากๆ เลยนะคะ

8 (2)

DCIM100MEDIADJI_0428.JPGDCIM100MEDIADJI_0437.JPG

ต่อมาเราเดินทางไปที่ท่าเรือชุมชนอ่าวเตล็ดค่ะ

บริเวณนี้เองจะเป็นท่าเรือชุมชนที่ชาวบ้านมาหาปลาและออกเรือ

นอกจากนั้นพรุ่งนี้เราจะไปดูปลาโลมาสีชมพูก็ต้องมาขึ้นเรือที่ท่าเรือนี้ค่ะ

9 (1)

วิถีชีวิตของชาวชุมชนที่นี่

มีความเรียบง่าย

ชาวบ้านอ่าวเตล็ด อ.ขนอม

จ.นครศรีธรรมราช ช่วยกันรวบรวมเงิน

และ แรงกายแรงใจ

สร้างสะพานไม้ยาวกว่า 100 เมตร

เป็นท่าเทียบเรือในพื้นที่อ่าวดินเลน

เพื่อเป็นแหล่งเพาะฟักสัตว์น้ำวัยอ่อน

สะพานนี้จึงได้ชื่อว่าสะพานสำเหร็ด

สำเร็จด้วยแรงใจแรงกาย

นับถือใจจริงๆ ค่ะ

9 (3)

9 (2)

พระอาทิตย์กำลังจะตก

เป็นสัญญาณที่คอยบอกเราว่ากำลังจะหมดไปอีกหนึ่งวัน

แต่หนึ่งวันของอิ้มอาจจะโชคดีกว่าคนอื่นหน่อย

ที่ไม่ต้องดูพระอาทิตย์ผ่านหน้าต่างห้องทำงาน

สถานที่ที่อิ้มไปแต่ละที่มักมีความสวยงามต่างกัน

สร้างความประทับใจให้อิ้มหลากหลายครั้ง

อิ้มนั่งอยู่ตรงนี้พักนึงค่ะ เพราะลมเย็นสบายมาก

นั่งสักพักอิ้มก็ออกมาจากสะพาน

เห็นด้านซ้ายมือมีถ้ำ

เดินขึ้นมาแค่นิดเดียว

ถ้ำนี้มีชื่อว่า

ถ้ำติสโสคูหาเทวาธรรม

ชาวบ้านที่นี่ก็ร่วมมือร่วมใจสร้างกันมาเช่นกัน

นี่แหละค่ะที่อิ้มบอกว่าชาวบ้านที่นี่เค้ารวยน้ำใจจริงๆ

9 (4)9 (5)

เอาหล่ะค่ะได้เวลาเข้าที่พักกันแล้ว

คืนนี้อิ้มเลือกนอนที่ อ่าวเตล็ดโฮมสเตย์

ใครสนใจติดต่อได้ตามเบอร์โทรข้างล่างเลยนะคะ

10 (1)

อ่าวเตล็ดโฮมสเตย์ เป็นบ้านของพี่เมฆค่ะ

อยู่กันสองคนสามีภรรยา

พี่เมฆถือว่าเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง

ในส่วนของการท่องเที่ยวและพัฒนาอ่าวเตล็ด

ดังนั้นจึงคิดทำโฮมสเตย์ซึ่งแนวคิดคล้ายๆ

กับบ้านแหลมโฮมสเตย์

คืออยากถ่ายทอดความเรียบง่ายของชีวิตชาวประมงที่หาเช้ากินค่ำ

และให้ผู้ที่มาเที่ยวรู้สึกอุ่นใจ

เหมือนกับมาเที่ยวบ้านญาติ

ทั้งนี้อ่าวเตล็ดไม่ได้มีแค่ชุมชนที่น่าอยู่

แต่สถานที่ท่องเที่ยวบริเวณใกล้เคียง

น่าสนใจมาก

มีกิจกรรมให้ร่วมทำกันหลายอย่าง

ราคาที่พักที่นี่อยู่ที่คนละ 1500 บาท

รับ 5 คนขึ้นไป แต่หากมาน้อยกว่า

สามารถแจ้งกับพี่เมฆได้

เพราะเค้าจะมีเรทราคาอีกเรทนึงให้ค่ะ

สำหรับ 1500 บาท ก็จะได้ที่พัก 1 คืน

อาหารสามมื้อ และทัวร์ไปชมปลาโลมา

เกาะนุ้ยนอก เขาหินพับผ้า และไปถ้ำเขาวังทอง

ทำไมอิ้มถึงตัดสินใจมาพักที่นี่

แน่นอนค่ะ การมาเที่ยวเชิงอนุรักษ์

ถ้ามาเที่ยวเองเราก็จะไม่ได้เรียนรู้อะไรมากมาย เท่าคนท้องถิ่น

การมาพักโฮมสเตย์กับพี่เฆม

เหมือนเราจะมีไกด์ท้องถิ่นไปในตัว

แน่นอนว่ามันดีกว่าเรามาซื้อทัวร์เรือไปเองแน่ๆ

นี่คือเหตุผลที่ตัดสินใจพักที่นี่ค่ะ

มาชมตัวบ้านกันนะคะ

ตัวบ้านกว้างขวางร่มรื่น

11 (1)

ภายในห้องนอนค่ะ มีทีวี พัดลม

กลางคืนอากาศเย็นสบาย หลับลึกทีเดียว

11 (2)

แอบกระซิบพี่เมฆว่ามื้อนี้เราขอผ่านปูไปก่อนได้ไหม 55555

เพราะไปจัดหนักที่บ้านแหลมมาปูยังไม่ย่อยเลย

นี่คืออาหารมื้อเย็นวันนี้อิ้มเน้นเป็นอาหารพื้นบ้าน

และปลากระบอกซึ่งมีอยู่มากที่อ่าวเตล็ดนี้ค่ะ

11 (3)11 (4)

จานนี้อร่อยมากกั้งผัดฉ่า กั้งสดหวาน ตัวใหญ่

และใส่ไข่เพิ่มความมันเข้าไปอีก

11 (5)

ปลากระบอกต้มขมิ้น บีบมะนาวเพิ่มความเปรี้ยวได้ตามใจชอบ

อ้อๆๆ น้ำพริกกะปิอร่อยมากกก

กะปิที่นี่ดี สามารถซื้อไปเป็นของฝากได้เลยนะคะ

11 (6)

อิ่มท้องเมื่อคืนแล้วเช้าวันนี้เรามีนัดออกเดินทางแต่เช้า

เผื่อไปชมปลาโลมาสีชมพู

หลายคนอาจจะงงว่า ขนอมมีปลาโลมาด้วยเหรอ

มีค่ะ มีเยอะด้วย

ขนอมเป็นเมืองที่มีชายทะเลยาว 32 กิโลเมตร

มีอ่าวน้อยใหญ่จำนวน 16 อ่าว

ขนอมจึงเป็นอำเภอหนึ่งที่มีทรัพยากรท่องเที่ยวมากมาย

มีการวิเคราะห์กันว่าสาเหตุที่พบโลมาชนิดนี้ในอ่าวขนอม

เนื่องจากต้องการหลบมรสุมจากพื้นที่อื่น

มาสู่บริเวณที่มีคลื่นลมสงบกว่า

และต้องการติดตามกลุ่มอาหาร

ได้แก่ ปลากด หรือปลาดุกทะเล

โลมาสีชมพู หมายถึง โลมาสูงวัย หรือโลมาที่อายุมากๆ

ยิ่งอายุมากปากจะจางลงเรื่อย ๆ  มีอายุประมาณ 40-50 ปี

ชอบอาศัยตามชายฝั่งปากแม่น้ำตลอดอ่าวขนอม

แหล่งที่อยู่ประจำคือ บริเวณอ่าวเตล็ด

อันนี้คืออีกเหตุผลที่พักที่นี่ค่ะ

โลมาอยู่ใกล้อ่าวเตล็ดมากกก

อีกทั้งยังคุ้นเคยและสนิทกับคน

โดยเมื่อได้ยินเสียงเรือหางยาว

จะว่ายน้ำเข้ามาหาทันที แสนรู้และฉลาดจริงๆ

แต่การมาชมปลาโลมาไม่ควรนำอาหารให้เค้านะคะ

นักท่องเที่ยวควรตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ

เนื่องจากปลาโลมาเหล่านี้เป็นปลาที่อยู่ในธรรมชาติ

การที่นักท่องเที่ยวซื้ออาหารปลาที่ขายบริเวณท่าเรือ

ทำให้ปลาเปลี่ยนนิสัยการหากินได้ 

ปัจจุบันนักท่องเที่ยวที่มาหาดขนอม

จะมีโอกาสเห็นปลาโลมาเหล่านี้หากินด้วยวิธีนี้น้อยมาก

จึงไม่มีโอกาสเห็นปลาโลมา

กระโดดพุ่งทะยานสู่เหนือน้ำสักเท่าไหร่

ปัจจุบันที่โลมานั้นเชื่องกับเสียงเรือ

ด้วยสาเหตุที่ชาวประมงเวลาเข้าฝั่ง

จะนำเศษปลาที่ติดอวนมาโยนเลี้ยงปลาโลมา

แต่สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชม

มักคาดหวังจะเห็นปลาโลมาสีชมพูอย่างใกล้ชิด 

จึงซื้อเหยื่อปลาเล็กๆอย่างปลาจวด

ปลาแมว ที่ขายให้แก่นักท่องเที่ยวบริเวณท่าเรือ

หากปลาหากปลาโลมาเหล่านี้ได้ทานไป

เพราะปลาเหล่านี้ไม่ได้เป็นปลาที่ติดมาสดๆจากอวน

สิ่งที่ตามมาคือการทำให้ความสามารถ

ในการหากินตามธรรมชาติของปลาโลมาสีชมพูได้เสียไป

ซึ่งทำให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศสิ่งแวดล้อม

นอกจากนั้น

หากอาหารไม่สด และอาหารมีสารตกค้าง

อาจจะส่งผลให้ปลาโลมาเสียชีวิตได้

ซึ่งเคยเกิดเหตุการณ์นี้มาแล้ว

ฉะนั้นไปเที่ยวควรฟังกฎระเบียบ

และปฎิบัติตามอย่างเคร่งครัดนะคะ

ปลาโลมาจะได้อยู่กับเรานานๆ 

การได้มาเที่ยวชมทะเลขนอมเพื่อชมปลาโลมาสีชมพู

ถือเป็นประสบการณ์หาที่อื่นไม่ได้ในประเทศไทย

โดยเฉพาะที่หาดขนอมนี้ มีอยู่ประมาณ 50 ตัว

แต่การเดินทางมาชมปลาโลมานั้นต้องมาแต่เช้า

และสภาพอากาศไม่ร้อน

หลังเที่ยงไปโอกาสพบเห็นน้อยมาก

พี่เมฆเองเป็นเจ้าบ้านจึงรู้ว่าเราควรออกมาชมเวลาไหนมากที่สุด

ได้เปรียบกว่าเห็นๆ

ไกด์สุดเทพของเรา

นี่ค่ะพี่เมฆอยู่ด้านหลังเป็นเหมือนกัปตันแจ็คสแปร์โร่ว อิอิ

ระหว่างรอโลมาค่ะ

DCIM100MEDIADJI_0460.JPG

มีแบบเป็นคลิป VDO ด้วยน๊าา

สามารถชมน้องโลมาได้อย่างเพลิดเพลิน

และอย่าปรับเป็น HD เพื่อความชัดในการรับชมนะคะ

12 (0)

อุ้ยๆๆๆๆ ล่องเรืออกมานิดเดียว

เห็นหลังขาวๆ ไกลๆ ไหมคะ

12 (1)

กรีสสสสสสสสสส

ปลาโลมามาแล้วค่ะ แว้บไปแว้บมาน่ารักเชียว

13 (1)13 (2)

จ้ะเอ๋ เป็นประสบการณ์ที่อเมซิ่งมากกกกกกกกก

13 (3)13 (4)

วันนี้อิ้มโชคดีมากที่เห็นโลมาฝูงใหญ่ มีประมาณ 10 ตัวได้ค่ะ

13 (5)13 (6)

อยู่ได้สักพักเราจะเห็นเลยว่า

โลมาน่ารักและไม่มีอาหารตื่่นคนแต่อย่างใด

เค้าจะหาอาหารของเค้าว่ายไปว่ายมา

เพราะฉะนั้นเราก็ควรมองด้วยดวงตา

และบันทักความทรงจำด้วยภาพถ่าย

เห็นสมควรแล้วก็พอค่ะ

ปล่อยให้เค้าได้อยู่กับธรรมชาติต่อ

เสียดายที่อิ้มถ่ายภาพปลาโลมาสีชมพูไม่ทัน

เพราะเค้าว่ายไวมาก

13 (7)

ต่อมาเราล่องเรือไปอีกนิดเพื่อไปชมสิ่งมหัศจรรย์

“บ่อน้ำจืด”กลางทะเล

และไปกราบหลวงปู่ทวดที่…เกาะนุ้ยนอก

นั่งเรือต่อไปแป๊ปเดียวเท่านั้นค่ะ

14

เกาะนุ้ยนอก เกาะเล็กกลางทะเลในอำเภอขนอม

แต่มีสิ่งที่มหัศจรรย์บนเกาะ

ทำให้เกาะแห่งนี้กลายเป็นสถานที่ Unseen

เนื่องจากบนเกาะนี้มีบ่อน้ำจืด

ที่มีรูปร่างคล้ายกับรอยเท้า

สามารถมองเห็นได้ในตอนที่น้ำทะเลลดลง

ถ้าเป็นช่วงที่น้ำขึ้น

บ่อน้ำนี้ก็จะถูกน้ำทะเลท่วมหมด

เชื่อกันว่า พื้นที่แห่งนี้คือบริเวณที่เกิดตำนาน

“หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด”

ตามความเชื่อนั้นเล่าว่า

หลวงปู่ทวด ได้เดินทางไปกับเรือจากสงขลา

ไปยังกรุงศรีอยุธยา

ระหว่างทางเกิดพายุและทำให้เรือขาดแคลนน้ำจืด

หลวงพ่อทวดจึงได้เหยียบน้ำ กลางทะเล

ทำให้น้ำทะเลบริเวณนี้

กลายเป็นแอ่งน้ำจืดกลางทะเลขึ้นเพื่อให้ลูกเรือได้ดื่ม

บนยอดเขาของเกาะนุ้ยจึงมีหลวงปู่ทวดประดิษฐานอยู่ด้วย

แต่ตามหลักวิทยาศาสตร์นักธรณีวิทยาอธิบายว่า

“บ่อน้ำจืด” แห่งนี้

เป็นช่องเปิดที่ต่อเนื่องกับรอยแตกในชั้นหินใต้ผิวโลก

และรอยแตกนั้นเชื่อมต่อกับสายน้ำใต้ดินหรือสายน้ำบาดาล

ที่ซึมลงใต้ดิน จากพื้นแผ่นดินบนฝั่งเมื่อระดับน้ำทะเลลดต่ำลง

น้ำจืดข้างล่างก็ดันน้ำเค็มออกหมด

กลายเป็นบ่อน้ำจืดที่อยู่กลางทะเลน้ำเค็ม

เป็นความเชื่อทั้งสองฝั่งค่ะ

อิ้มโชคดีอีกแล้ววันนี้น้ำลงอิ้มจึงมีโอกาสได้เห็นบ่อน้ำจืด

15 (1)15 (2)

มึความได้ชิม มันจืดจริงๆ ด้วย

น่าแปลกมาก เวลาน้ำขึ้นน้ำทะเลก็ท่วมหมด

พอน้ำลด ก็ยังกลายเป็นน้ำจืดอยู่

16 (1)16 (2)

ขึ้นมาสักการะหลวงปู่ทวดกันค่ะ

16 (3)

ระหว่างเดินทางต่อพี่เมฆก็พาไปชมวิถีชาวบ้าน

ซึ่งจับกุ้งด้วยมือเปล่า

17 (1)17 (2)17 (3)

ตัวเบ้อเร่อเลยค่ะ วันนึงเค้าจับได้หลายตัวเชียว

17 (4)

หลังจากนั้นเดินทางต่อค่ะ

เราจะไปดู Pancake Rock แห่งขนอมกัน

เอาจริงๆ ตอนแรกไม่ได้ศึกษาเลยว่าที่นี่มี

Pancake Rock

ตอนที่พี่เมฆเล่าให้ฟังยังมีความอึนเยอะมากว่าเอ๊ะคืออะไรกันแน่

คิดว่าคงไม่ได้สวยงามขนาดนั้น

แต่ที่ไหนได้ล่ะ

18 (1)

นี่ค่ะ เริ่มแล้ว

คือภาพถ่ายออกมาไม่สวยเท่าสถานที่จริงเลย

ไม่สามารถบรรยายสิ่งที่เห็นได้

คิดภาพตามนะคะ

เราเรือลำเล็ก แล่นผ่านเขาหินขนาดใหญ่

อลังการมาก สวยงามมาก

18 (2)

“เขาหินพับผ้า” หรือ “Pancake rock”

เป็นผาหินรูปร่างแปลกตา

ที่พบเห็นได้บริเวณกลางทะเลขนอม

ไม่ไกลจา เกาะนุ้ยนอก และชายฝั่งอ่าวเตล็ด

หินพับผ้านี้เป็นปรากฎการณ์ทางธรณีวิทยา

มีลักษณะเหมือนเป็นแผ่นหินที่ทับซ้อนเรียงกันเป็นชั้นๆสูงขึ้นไป

หินพับผ้าเกิดจากการตกตะกอนในท้องทะเล

ที่มีส่วนประกอบที่แตกต่างกันกลายเป็นชั้นหิน

เมื่อเปลือกโลกเปลี่ยนแปลงเกิดการกัดกร่อน

เผยให้เห็นชั้นหินเป็นชั้นๆ

เหมือนกับผ้าพับกันเป็นชั้นๆเลยกลายเป็นที่มาของชื่อ

“หินพับผ้า” แต่ไม่ได้เป็นเส้นตรงเรียงกันตามแนวนอนเสียทีเดียว

หินเหล่านี้จะมีการเอียงไปเอียงมาตามความลาดเอียงของการกำเนิด

บางจุดสามารถเดินไปเยี่ยมชมได้

เช่นที่ชาวบ้านเรียกบางจุดว่าเป็น เวทีพุ่มพวง

ส่วนชาวต่างประเทศนั้น

มักเรียกหินพับผ้าว่าเป็นแพนเค้กร็อค (Pancake Rock)

เนื่องจากหินพับผ้าไปมีลักษณะคล้ายกับ Pancake Rock

สถานที่ท่องเที่ยวของหมู่บ้าน Punakaiki

ที่ตั้งอยู่ที่ทางเกาะใต้ฝั่งตะวันตกของประเทศนิวซีแลนด์

19 (1)19 (2)

อากาศเป็นใจสำหรับอิ้มมากในทริปนี้

น้ำลงพอดีค่ะ ด้านในที่เห็นเป็นหินที่มีลักษณะคล้ายเวที

ชาวบ้านจึงเรียกว่า เวทีพุ่มพวง

เป็นฉายาของแท่นหินที่ซ้อนเป็นชั้นขนาดใหญ่

สลับชั้นหินปูนและหินดาน

มีทางขึ้นลงธรรมชาติคล้ายเวทีคอนเสิร์ต

ตั้งอยู่ริมหาดบนเกาะถ้ำ

ปกติบริเวณนี้เป็นที่หลบฝน

รับประทานอาหาร พักผ่อน

สนุกสนานของชาวประมงยามออกทะเล

19 (3)19 (4)

เห็นแบบนี้จัดไปหนึ่งภาพสำหรับเปลี่ยนรูปโปรไฟล์

19 (5)

หินสวยมากลักษณะเป็นเหมือนผ้าพับไว้เรียงซ้อนๆ กันจริงๆ ด้วย

19 (6)

ถือแบบเบาๆ

19 (7)

นอนยาวไปเลยจ้า

อย่างที่บอกไปค่ะ

ภาพถ่ายไม่สามารถทำให้เห็นได้เต็มตา

เพราะฉะนั้นต้องลองมาสัมผัสเอง

ที่นี่สวยมาก อลังการมากกกก

ถือเป็น Unseen Thailand

ที่หาดูที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว

19 (8)19 (9)19 (10)19 (11)2021 (1)21 (2)21 (3)21 (4)

หลังจากนั้นเตรียมตัวเดินทางกลับค่ะ

ระหว่างทางก็แอบเห็นว่ามีรังนกนางแอ่นด้วย

2223

และอีกจุดสำคัญที่ต้องพูดถึงนั่นก็คือ

“ช่องรูเล็ด”สัญลักษณ์แห่งท้องทะเลขนอม 

ช่องรูเล็ด อยู่ในเขตตำบลท้องเนียน

ซึ่งเป็นรอยต่อของอำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี

กับอำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช

เป็นจุดเหนือสุดแดนขนอม

มีลักษณะเป็นร่องน้ำลึก

อยู่ระหว่างเกาะถ้ำกับเขาหัวช้าง

และเป็นที่อาศัยของสัตว์น้ำนานาชนิด

เหมาะแก่การเที่ยวชมธรรมชาติของสัตว์นานาชนิด

บริเวณรอบ ๆ มีเกาะแก่งที่สวยงามแปลกตา

2425

ระหว่างนั้นอิ้มเห็นธงสีส้มๆ แขวนอยู่เต็มไปหมด

จึงถามพี่เมฆว่าคืออะไร

พี่เมฆบอกว่าคือการ

จัดพิธีบวชหญ้าทะเล

เพื่อกันพื้นที่นี้ในการเป็นเขตอภัยทาน

และกำหนดเขตอนุรักษ์หญ้าทะเล

ซึ่งเป็นแหล่งอาหารสำคัญของ

โลมา พะยูน และเต่าทะเลนั่นเองค่ะ

26 (1)26 (2)

บริเวณน้ำไม่ลึกพี่เมฆบอกว่าจะทำอะไรให้ดู

พูดไม่ทันขาดคำ

พี่เมฆก็ล้วงลงไปในน้ำแป๊ปเดียว

หอยชักตีนก็เต็มกำมือ

เรียกว่าอุดมสมบูรณ์จริงๆ

26 (3)

เสร็จเรียบร้อยก็กลับมาที่บ้านพี่เมฆอีกครั้ง

เพื่อทานข้าวกลางวันค่ะ

อ้อพอดีตอนเช้าวันนี้อิ้มรีบออกมาจึงไม่ได้ทานอาหารเช้า

ปกติคนที่พักอ่าวเตล็ดโฮมสเตย์พี่เมฆจะมี

กาแฟ ขนมปัง และโจ๊ก ไว้บริการนะคะ

ด้วยความที่ติดใจกั้งผัดฉ่า

วันนี้ก็เลยให้พี่เมฆจัดให้ชุดใหญ่อีก

27 (1)

หมูผัดกะปิจ้า บอกเลยอร่อยมากกกกกกกกกกกกกกก

27 (2)

น้ำพริกกะปิ อีกแย้วว

บีบมะนาวเยอะๆ อร่อยมากกกกก

28

อิ่มท้องแล้วพี่เมฆพาเรามุ่งหน้าต่อไปยังถ้ำเขาวังทองค่ะ

ระหว่างทางเป็นอุโมงต้นไม้สวยงามมาก

29 (1)

มาถึงแล้วค่ะ ที่นี่ไม่ได้เก็บค่าเข้าชม

แต่มีค่าบริการไฟฉายอันละ 20 บาท

และจะมีไกด์ ซึ่งเป็นไกด์ที่เป็นจิตอาสา

ไม่ได้มีเงินเดือนจากส่วนใดๆ

ฉะนั้นอิ้มคิดว่าเราควรจ่ายค่าไกด์นะคะ

ตอนที่อิ้มไปเราเต็มใจให้ไกด์

ตามจำนวนคนที่เดินทางหัวละประมาณ 50 บาท

เพราะไกด์จะดูแลเราตลอดเส้นทาง

พร้อมทั้งอธิบายส่วนต่างๆ ในถ้ำรวมถึงประวัติความเป็นมาให้เราฟัง

ถ้ำเขาวังทอง ไม่อนุญาติให้ขึ้นไปชมเพียงลำพัง

ต้องมีไกด์เท่านั้น ภายในเป็นหินงอกหินย้อย

เราต้องได้รับคำแนะนำจากไกด์ท้องถิ่นเท่านั้น

29 (2)30 (1)

ได้รับหมวกนิรภัยมาแล้ว ลุยๆๆๆ

ที่ต้องใส่หมวกเพราะด้านในไม่ใช่การเดินปกติ

ต้องมุด ต้องผุด ต้องปีน

จึงต้องใส่หมวกนิรภัยเผื่อความปลอดภัยค่ะ

30 (2)

การเดินเยี่ยมชมถ้ำเขาวังทองนั้น

เริ่มเดินจากจุดจอดรถขึ้นเขาตามบันได 147 ขั้น

แล้วไกด์ก็จะให้เรานั่งพักสูดอากาศลึกๆ

ให้หายเหนื่อย เพราะด้านในอากาศจะชื้น

ควรทำร่างกายให้พร้อมก่อน

ระหว่างที่นั่งพัก ไกด์ก็จะอธิบาย

ประวัติและความเป็นมาต่างๆ ให้ฟัง

และกฎระเบียบในการเข้าชมถ้ำ

พี่เค้าเล่าได้ปกติมาก

แอบถามว่าพี่ไม่เหนื่อนเลยเหรอคะ

อิ้มมาแค่นี้ยังหอบแห่กๆ

พี่เค้าบอกว่าพี่เดินทุกวัน วันละหลายรอบด้วย

เหมือนเป็นการออกกำลังกาย

ทำให้สุขภาพแข็งแรง

อืมมมม ฟังไว้นะอิ้ม 5555

30 (3)

พร้อมแล้วค่ะ นั่นทีเห็นคือปากทางนะคะ ต้องมุดเข้าไปค่ะ

31 (1)

อาวุธพร้อม

31 (2)

เข้ามาแล้วค่ะ ช่วงแรกทางยังกว้างแต่ระมัดระวังนะคะ

เพราะพื้นลื่นแต่โชคดีอีกแล้ว

ช่วงที่อิ้มไปฝนไม่ตก เลยไม่ลื่นเท่าไหร่

พี่ไกด์บอกว่า

ช่วงหน้าฝนเข้าลำบากและต้องใส่รองเท้าผ้าใบอีกด้วย

32

ถ้ำเขาวังทอง ถ้ำหินปูนผสมแร่เหล็ก

ที่มีหินงอกหินย้อยรูปร่างสวยงามมากมาย

ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง

ของจังหวัดนครศรีธรรมราชและอำเภอขนอม

 ภายในถ้ำมีลักษณะเป็นโถงถ้ำขนาดใหญ่บ้างเล็กบ้าง

33 (1)33 (2)33 (3)

ตรงนี้คือหินแม่คะนิ้งนะคะ อิ้มแอบตั้งชื่อเอง

เพราะมีความเหมือนแม่คะนิ้งที่จริงๆ

หินที่เป็นสีขาวพวกนี้ยังมีชีวิต

ซึ่งถ้าไปจับเข้า

หินจะตายและกลายเป็นสีน้ำตาลในที่สุด

เพราะฉะนั้นห้ามจับนะคะ

34 (1)34 (2)

ภายในจะแบ่งเป็นห้องโถง มีหลากหลายห้อง

ที่ใหญ่ที่สุดมีเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่

ตามพื้นถ้ำ ผนังถ้ำ และเพดานถ้ำ

ประดับประดาด้วยหินงอก หินย้อย เสาหิน

เมื่อต้องแสงไฟจะดูระยิบระยับ เป็นปฏิมากรรมธรรมชาติที่สวยงามมาก

แต่ละห้องในถ้ำมีความต่างระดับพอสมควร

การเข้าชมอาจจะต้องปีนป่าย

หรือก้มต่ำจนเกือบคลาน บางช่วงก็ลื่นจากความชื้น

จึงควรสวมใส่เสื้อผ้าและรองเท้าที่เหมาะสม

เพื่อจะได้ชมธรรมชาติที่สวยงามได้อย่างสนุกสนาน

และบางช่วงก็ต้องแทรกร่างอ้วนๆ เบียดเข้าไป

เพื่อจะไปถึงห้องโถงใหญ่ที่เรียกว่าถ้ำเขาวังทองค่ะ

35 (1)

ตรงนี้เป็นเหมือนหัวชฎาจัง จินตนาการส่วนตัวนะคะ

35 (2)

ก่อนจะถึงถ้ำพี่ไกด์บอกให้เรามุดถ้ำมาแล้วค่อยๆ เงยหน้า

ปรากฎว่าเราก็เดินทางมาถึงห้องโถงใหญ่ค่ะ

สวยงามและอลังการมากกกกกกกก

ภาพถ่ายเล่าเรื่องไม่ได้อีกแล้ว

ต้องมาสัมผัสเองถึงจะรู้นะคะ

หินที่เป็นไฮไลต์ของถ้ำเขาวังทอง

มีอยู่ด้วยกันสามแห่ง ได้แก่ หินเจ้าแม่กวนอิม

หินไดโนเสาร์ และหินเจดีย์พระธาตุ

35 (6)

35 (8)

35 (11)

35 (4)

หินนี้มีลักษณะเป็นเส้นๆ พี่ไกด์บอกว่ามันคืออายุของหินค่ะ

โอ้วววว น่าทึ่งมากเป็นหินที่มีอายุน่าจะหลายร้อยปี

35 (5)

ภายในหินงอก หินย้อยสวยงาม

และอายุก็ยาวนานเช่นกัน

กว่าจะมาประกบกันเป็นเสาหินต้องใช้เวลาเป็นพันปี

เพราะแต่ละปีละหินงอกหินย้อยจะงอกปีละไม่ถึงหนึ่งมิล

35 (7)35 (9)

ตรงนี้จะเป็นบ่อน้ำที่ชาวบ้านเชื่อว่า

เป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ค่ะ

35 (12)

อีกปรากฏการณ์หนึ่งคือ น้ำตกถ้ำ

ที่เกิดจากหินปูนที่ละลายมากับน้ำ

แล้วน้ำนั้นก็ไหลลงที่ต่ำ

นานเข้าหินปูนเหล่านั้นก็ค่อยๆ

เกาะกันเป็นคลื่นเล็กๆ

ดูคล้ายกับชั้นน้ำตกที่ลดหลั่นกันลงมา

ถ้าหินปูนเกาะกันจนกลายเป็นขอบขนาดใหญ่

ดูเหมือนอ่างน้ำบางแห่งอาจจะมีน้ำขัง

บางแห่งอาจจะแห้ง

แต่เห็นขอบหินปูนเป็นขอบอ่างชัดเจน เขาจะเรียก ทำนบถ้ำ

ว่ากันว่าถ้ามาหน้าฝนจะสวยงามมาก

เพราะจะเห็นเป็นน้ำตกไหลลงมา

แต่เวลาเดินอาจจะเปียกและลื่น

ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก

36 (1)

35 (3)

นอกจากนั้นภายในถ้ำเขาวังทอง

ยังมีสิ่งที่แปลกประหลาด

ที่ไม่สามารถพบเห็นได้ง่ายๆก็คือ

น้อยหน่าถ้ำ หินทรงกลมที่ผุดมาจากพื้นถ้ำรูปร่างคล้ายลูกหิน

น้ำหนักมากพอควร และยังโตขึ้นได้อีกด้วย

39

เราใช้เวลาอยู่ภายในถ้ำประมาณ 45 นาทีค่ะ

เสียดายที่ไม่ได้เอาขาตั้งกล้องมา

ไม่อย่างนั้นภาพจะสวยงามมากว่านี้แน่นอน

มีโอกาสจะมาใหม่และมาหน้าฝนด้วยค่ะ

38

กลับไปเก็บข้าวของเตรียมตัวเดินทางกลับ

ถ่ายรูปกับครอบครัวพี่เมฆสักหน่อย

40 (1)

พี่ผู้หญิงคนริมคือแฟนพี่เมฆ และพี่เมฆอยู่ด้านขวามือ

ส่วนพี่ผู้ชายเสื้อสีฟ้าคือพี่พงษ์

หนึ่งในกลุ่มพัฒนาอนุรักษ์อ่าวเตล็ดโฮมสเตย์ค่ะ

เป็นการมาพักที่มีความสุขมาก

พี่เมฆดูแลเราดี private สุดๆ

เหมือนมีไกด์ส่วนตัว

ที่ไม่ได้ใช้วิชาท่องเรียนจำเพื่อมาแนะนำเรา

แต่เป็นไกด์ที่มีประสบการณ์ชีวิตจริงๆ รู้ลึกถึงรายละเอียด

นอกจากสนุก และยังได้ความรู้อีกมากเลยค่ะ

ขอบคุณพี่เมฆและครอบครัวมากๆ นะคะ

40 (2)

ก่อนกลับอิ้มแวะไปทานอาหารที่ร้าน

Summer Beach Club

ภายในร้านกิ๊บเก๋ยูเรก้ามากกกกก

มีที่นั่งทั้งโซนด้านในและด้านนอก

41 (1)

ช่วงเย็นๆ แบบนี้นั่งข้างนอกเถอะค่ะ ลมพัดเย็นสบาย

41 (2)41 (3)41 (4)

อาหารส่วนมากจะเป็นแนวฟิวชั่นเมนูมีไม่มาก

แต่อาหารรสชาติใช้ได้เชียว

41 (5)41 (6)

41 (7)

กินไปชมทะเลไปเพลินที่สุดค่ะ

หากมาขนอมแล้วหาร้านอาหารชิลๆ ทาน

แนะนำร้าน Summer Beach นะคะ

41 (8)

สำหรับการเดินทางมาเที่ยวขนอมของอิ้มในครั้งนี้

มีความประทับใจในทุกๆ อย่าง

ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว

ที่ไม่น่าเชื่อว่า ขนอมจะมีอะไรสวยงามขนาดนี้

ไม่ว่าจะเป็น

เขาหินพับผ้า ถ้ำเขาวังทอง นั่งเรือชมปลาโลมา

เป็นสิ่งสวยงามจากธรรมชาติ

ที่ไม่ได้ปรุงแต่งแต่อย่างใด

นอกจากธรรรมชาติอันสวยงาม

อิ้มก็ยังได้รับมิตรภาพใหม่ๆ

ได้ความรู้กลับไปเยอะมาก

คุ้มมากกับการมาเที่ยวขนอมในครั้งนี้

หากใครกำลังตัดสินใจมาเที่ยวขนอม

อย่าลังเลอยู่เลยนะคะ

เพราะอิ้มมั่นใจว่า คุณตัดสินใจถูกแล้ว

ก่อนรีวิวนี้จะจบลง ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามจนมาถึงบรรทัดนี้ ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ ขอบคุณทุกไลค์ ขอบคุณทุกแชร์ เป็นกำลังใจที่ดีในการทำรีวิวมากๆ ถ้าชอบก็ฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะคะ อัพเดทเรื่องกิน เช็กอินเรื่องเที่ยว ได้ที่นี่ psstory เรื่องราวดีๆในการเดินทาง แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้านะคะ สวัสดีค่ะ

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s