ลพบุรี เมืองที่ได้ขึ้นชื่อว่าลิงเยอะมาก พูดถึงลพบุรี ใครๆ ก็ต้องนึกถึงลิงกับทานตะวัน เพราะเหมือนกับกลายเป็นมาสคอตของจังหวัดไปแล้ว
ส่วนตัว อิ้มไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปจังหวัดนี้สักเท่าไหร่ ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้ว ที่นี่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ มาก(ห่างจากกรุงเทพฯ เพียง 150 กิโลเท่านั้น) แล้วก็คิดเองเออเองว่าคงไม่มีอะไรนอกจากลิง ส่วนทานตะวันก็ต้องไปในช่วงฤดู ไม่อย่างงั้นก็ไม่เห็นอะไร แต่ครั้งนี้ได้มีโอกาสกลับไปอีกจึงรู้สึกว่า ลพบุรี น่าเที่ยวมาก เป็นเมืองเก่าที่มีประวัติศาสตร์ที่สำคัญและน่าสนใจมาก จริงๆ มีเวลาควรมาหลายๆ วันหน่อยจะดีมากเลยค่ะ เพราะมีหลายจุดน่าสนใจ แต่สำหรับท่านไหนที่ไม่มีเวลา อิ้มรวบรวมเป็น one day trip มาฝาก
มีที่กิน ที่เที่ยว พอกรุบกริบ
พร้อมแล้วไปชมรีวิวนี้กันเล้ยยย
one day trip ลพบุรี ดีต่อใจ ใครๆ ก็ไปได้
ออกเดินทางจาก กทม ประมาณ 8 โมงกว่า สักเก้าโมงครึ่งก็มาถึงลพบุรีแล้วจ้าา
มาถึงก็ต้องหาอะไรรองท้องสักหน่อย เค้าว่า ก๋วยเตี๋ยวต้มยำเฉลิมไทย จัดว่าเด็ด อิ้มก็ลองไปทานดู
ลายแทงและเบอร์โทรกดเข้าไปที่แฟนเพจได้เลยจ้า
https://www.facebook.com/chalermthainoodle/
มาถึงแล้วก็สั่งแบบจัดเต็มมาเลย ชามแรกเป็นบะหมี่ต้มยำทะเล วินาทีแรกที่เห็น อืมมมม งานดี เครื่องทะเลมาเต็ม ถ้วยใหญ่มาก เรียกมองไม่เห็นเส้นกันเลยทีเดียว ชามนี้ราคา 100 บาทถ้วยใหญ่เวอร์วังอลังการมาก
อีกถ้วยเป็นเย็นตาโฟต้มยำทะเล ชามละ 100 บาทเช่นกัน
นอกจากต้มยำทะเลแล้ว เค้าก็ยังมี ก๋วยเตี๋ยวน้ำใส หมู ชามละประมาณ 40 บาทจ้ะ
แต่นาทีนี้มันฟินมากบอกเลย
กุ้งตัวโต เต็มคำ รสชาติอร่อย เข้มข้น มาลพบุรีต้องจัดนะคะ ไม่งั้นถือว่าพลาดมาก
ทานข้าวเสร็จเดินทางมาต่อที่
พระนารายณ์ราชนิเวศน์ และ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสมเด็จพระนารายณ์
พระนารายณ์ราชนิเวศน์ ตั้งอยู่ที่อำเภอเมือง ชาวเมืองลพบุรีเรียกที่นี่กันจนติดปากว่า “วังนารายณ์” เป็นพระราชวังที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้โปรดให้สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2208-2209 ออกแบบโดยวิศวกรชาวฝรั่งเศส ความสวยงามของที่นี่อยู่ที่ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบไทยผสมตะวันตก โดยความสำคัญของพระราชวังแห่งนี้อยู่ที่สมเด็จพระนารายณ์จะทรงโปรดประทับช่วงตลอดฤดูฝน แต่ภายหลังการเสด็จสวรรคตพระนารายณ์ราชนิเวศน์ได้ถูกทิ้งร้าง จนถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์โปรดให้บูรณะพระราชวังของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช สร้างพระที่นั่งขึ้นใหม่ และพระราชทานนามว่า “พระนารายณ์ราชนิเวศน์” มาจนถึงปัจจุบัน
พื้นที่ทั้งหมดภายในพระราชวังแบ่งออกเป็น 3 เขต คือ เขตพระราชฐานชั้นนอกประกอบด้วย อ่างเก็บน้ำซับเหล็ก สิบสองท้องพระคลัง ตึกพระเจ้าเหา ตึกรับรองคณะทูตต่างประเทศโรงช้างหลวง 10 โรง ส่วนต่อมาคือ เขตพระราชฐานชั้นกลาง มีอาคารต่างๆ ได้แก่ พระที่นั่งจันทรพิศาล พระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาทหมู่พระที่นั่งพิมานมงกุฏ (ประกอบด้วยพระที่นั่ง 4 องค์เชื่อมติดกัน ได้แก่ พระที่นั่งพิมานมงกุฎ ,พระที่นั่งสุทธิวินิจฉัย ,พระที่นั่งไชยศาสตรากร และพระที่นั่งอักษรศาสตราคม) ทิมดาบ หรือ ที่พักของทหารรักษาการณ์และสุดท้ายคือเขตพระราชฐานในมีพระที่นั่งสุทธาสวรรย์และหมู่ตึกพระประเทียบ
ราคาเข้าชม คนไทยท่านละ 30 บาทค่ะ
สารภาพ ด้วยความจริง ว่าอิ้มไม่ค่อยรู้ประวัติเมืองลพบุรี สักเท่าไหร่ พอมาถึงที่นี่แอบอึ้งไปชั่วขณะ คิดในใจว่า ลพบุรีมีอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ
ด้านนอกที่เห็นนี้คือเขตพระราชฐานชั้นนอก เป็นหมู่ตึกสิบสองท้องพระคลัง เป็นตึกที่ตั้งเรียงรายอยู่ระหว่างอ่างเก็บน้ำและตึกเลี้ยงรับรองแขกเมือง เป็นอาคารที่สร้างอย่างมีระเบียบด้วยอิฐ เป็นสองแถวยาวเรียงชิดติดกันมีถนนผ่านกลาง รวม 12 หลัง เข้าใจว่าเป็นคลังเก็บสินค้าหรือเก็บสิ่งของที่ใช้ใน ราชการ ในสมัยเก่า
เสร็จแล้วเดี๋ยวไปชมด้านใน ทางเดินเข้าสู่เขต พระราชฐานชั้นกลางค่ะ
เดินเข้ามาส่วนแรกที่เรามองเห็น จะเป็นพระที่นั่งจันทรไพศาล
เดี๋ยวเราเข้ามา ในพระที่นั่งจันทรพิศาลกันค่ะ
พระที่นั่งจันทรพิศาล เป็นลักษณะสถาปัตยกรรมแบบทรงไทย ปัจจุบันใช้แสดงเรื่องประวัติศาสตร์สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และศาสนาวัตถุต่างๆ ในพุทธสตวรรษที่ 19-24
เดินมาสุดห้องจะเป็น ธรรมมาสน์โกษาปาน จากวัดเสาธงทอง ซึ่งลวดลายและการแกะสลักไม้ต่างๆ เป็นเอกลักษณ์ลวดลายในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
อาคารสีขาวตรงกลางภาพ คือ พระที่นั่งพิมานมงกุฎ ปัจจุบันพระที่นั่งหมู่นี้รวมกับพระที่นั่งจันทรพิศาล
ได้จัดให้เป็น
“พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสมเด็จพระนารายณ์”
แผนผังการจัดแสดงค่ะ ชั้นที่ 2 ขึ้นไปไม่อนุญาติให้ถ่ายภาพนะคะ
มาเริ่มที่ ชั้นแรกค่ะ ผังอาคารชั้นแรกจะจัดแสดง ภาชนะดินเผา อุตสาหกรรมก่อนประวัติศาสตร์ แหล่งโบราณคดี ศิลปกรรม เรียกว่าไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนแน่ๆค่ะ มีแต่ของที่มีค่าทั้งนั้น
เสร็จแล้วอิ้มขึ้นไปชั้นที่ สอง และสามตามลำดับเรียกว่ามีค่าทางจิตใจมาก ไม่น่าเชื่อว่า อิ้มจะใช้เวลาอยู่ที่นี่เกือบ 2 ชั่วโมง รู้สึกว่าบางอย่างเรามองข้ามไปจริงๆ เสียค่าเข้า 30 บาทได้ความรู้หลักล้าน
และสุดท้าย
เขตพระราชฐานใน
ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชมีพระที่นั่งเพียงพระองค์เดียว
พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ เป็นพระที่นั่งที่ประทับของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชพระองค์ทรงเสด็จสวรรคต ณ พระที่นั่งองค์นี้เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2231
ที่ตั้ง : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์
ถนนสรศักดิ์ อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี
โทรศัพท์ & โทรสาร (036) 411-458
วันและเวลาทำการ
● พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์
เปิด : วันพุธ – วันอาทิตย์ เวลา 09.00 – 16.00 น.
ปิด : วันจันทร์ วันอังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์
● โบราณสถานพระนารายณ์ราชนิเวศน์
เปิดทำการทุกวัน เวลา 07.00 – 17.30 น.
มองดูนาฬิกาก็เข้าสู่ช่วงเที่ยงแล้ว ออกมาจาก พระนารายณ์ราชนิเวศน์ ตรงข้ามจะมีร้านกาแฟ อิ้มรีบดิ่งเข้าไปทันที
ร้านนี้มีชื่อว่า NOM CUP D ค่ะ
https://www.facebook.com/ToonNomCupD/
ร้านตกแต่งน่ารักดีค่ะ ช่วงกลางวันคนแน่นเกือบทุกโต๊ะ
ลองสั่งนมเผือกมาทาน เข้าท่าดีค่ะ หอม หวาน มัน
ต่อมาเค้าท้าให้ลอง ปังซ่อนชีส Signature ของร้าน อืมมม ใช้ได้ค่ะ ขนมปังนุ่ม ชีสยืดได้อีก
เมนูสุดท้าย ปลื้มได้อีก Toast Caramel คนรักคาราเมล ต้องห้ามพลาด จานนี้อร่อยมากค่ะ
มาเที่ยวละบุรี อย่าลืมแวะร้านนี้นะคะ บรรยากาศดี ขนมอร่อย
ต่อมาค่ะ ศาลพระกาฬ
ศาลพระกาฬ หรือเดิมเรียกว่า ศาลสูง เป็นที่ประดิษฐาน เจ้าพ่อพระกาฬ เทวรูปโบราณยุคขอมเรืองอำนาจ เป็นโบราณสถานและศาสนสถานที่ตั้งอยู่กลางวงเวียนชื่อ วงเวียนศรีสุนทร บนถนนนารายณ์มหาราช
ถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวลพบุรีเลยก็ว่าได้ค่ะ
ถัดมาอีกนิดซึ่งอยู่ติดกันเลย นั่นก็คือ
พระปรางค์สามยอด
พระปรางค์สามยอด ตั้งอยู่บนเนินดินด้านตะวันตกของทางรถไฟ มีลักษณะเป็นปรางค์เรียงต่อกัน 3 องค์ มีฉนวนทางเดินเชื่อมติดต่อกัน พระปรางค์สามยอดเป็นศิลปะเขมรแบบบายน ซึ่งมีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 18 สร้างด้วยศิลาแลง และตกแต่งลวดลายปูนปั้นที่สวยงาม เสาประดับกรอบประตูแกะสลักเป็นรูปฤาษีนั่งชันเข่าในซุ้มเรือนแก้ว ซึ่งเป็นแบบเฉพาะของเสาประดับกรอบประตูศิลปะเขมรแบบบายน ปรางค์องค์กลางมีฐาน แต่เดิมเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปและมีเพดานไม้เขียนลวดลายเป็นดอกจันสีแดง
บริเวณโดยรอบ มีฝูงลิงกว่า 300 ตัว ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของจังหวัดลพบุรี
แต่ระวังกันหน่อยก็ดีนะคะ เพราะน้องลิงอยู่บริเวณนั้นเยอะมาก ตอนถ่ายรูปยังแอบกลัวว่าจะโดนน้องลิงกัด 55555
เสร็จจากในตัวเมืองขับรถเตร่ ออกมานอกเมืองสักนิดค่ะ สถานีต่อไปอิ้มจะพาไปวัดเขาวงพระจันทร์
เขาเล่าว่า … ถ้าหากอยากมาพิสูจน์รักแท้ ต้องมาพิชิตเขาหนุมานวัดใจ ด้วยการขึ้นบันได 3,790 ขั้น ที่วัดเขาวงพระจันทร์ อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี ด้วยระยะทางที่สูงลิบกับการขึ้นไปสูงยอดเขา การมากับคนรักจะทำให้รู้จักกันมากขึ้น อาจจะรักกันมากขึ้นหรือกลับลงมาอาจจะเลิกกันเลยก็ได้ แต่อาจจะไม่ถึงขั้นนั้นนะคะ จริงๆ แล้วด้านบน“เขาวงพระจันทร์” ได้ชื่อว่าเป็นภูเขาที่สูงที่สุดของจังหวัดลพบุรี โดยสูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 650 เมตร และมีชื่อเสียงทำให้คนรู้จักจังหวัดลพบุรี บริเวณเชิงเขาเป็นที่ตั้งของวัดเขาวงพระจันทร์ มีบันไดขึ้นไปสู่ยอดเขา 3,790 ขั้น มีความยาว 1,680 เมตร และยังมีบันไดขึ้นต่อไปได้อีก 180 ขั้น รวมแล้วมีบันไดขึ้นเขาทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 4,000 ขั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2-3 ชั่วโมง สองข้างทางเต็มไปด้วยป่าไม้ขึ้นสลับซับซ้อนเต็มไปหมด บางแห่งจะเป็นที่ลาด บางแห่งจะเป็นที่ชัน เมื่อขึ้นไปถึงยอดเขาวงพระจันทร์จะมองเห็นทิวทัศน์เบื้องล่างได้ไกลสุดสายตา
นี่ค่ะทางขึ้น
ถามว่าอิ้มได้ขึ้นไปไหม ตอบเลยว่า ไม่ได้ขึ้นค่ะ 5555
ไม่ได้ขี้เกียจหรืออย่างไร แต่อิ้มไปถึงช่วงห้าโมงเย็นคิดว่า การขึ้นเขาวงพระจันทร์ควรมาตั้งแต่เช้าหรือประมาณตีห้า เพราะถ้าขึ้นไปถึงด้านบน อากาศจะเย็นสบายและมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้น เวลานั้นจะสวยงามมาก ไว้โอกาสหน้าอิ้มจะต้องมาให้ได้ค่ะ เสียใจเวลาน้อยไปหน่อย ถ้าจะจัด one day trip อิ้มแนะนำให้มาที่นี่เป็นที่แรกนะคะ มาถึงสักตีห้ารับรองฟิน
ด้านบนยอดเขานี้ สามารถกราบสักการะรอยพระพุทธบาท กราบนมัสการเทพและสิ่งศักดิ์สิทธิ์หลายพระองค์ องค์เทพเจ้ากวนอู องค์พระถังซัมจั๋ง องค์เจ้าพ่อไต๋เสี่ย แม่นางประจันต์ องค์พระโพธิสัตว์กวนอิม ฯลฯ
ต่อมาอีกสถานที่ สำคัญนั่นก็คือ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ตั้งอยู่ ณ บ้านหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี เป็นเขื่อนดินที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ซึ่งแม่น้ำป่าสักมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 13 ในจำนวน 25 ลุ่มน้ำของประเทศไทย เป็นพื้นที่ลุ่มน้ำประมาณ 14,520 ตารางกิโลเมตร
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระราชดำริเมื่อ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2532 ให้กรมชลประทานศึกษาความเหมาะสมของโครงการเขื่อนกักเก็บน้ำแม่น้ำป่าสัก อย่างเร่งด่วน เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำ เพื่อประโยชน์ต่อพื้นที่เพาะปลูก และ บรรเทาปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นประจำในลุ่มน้ำป่าสัก เป็นผลสืบเนื่องมายังเขตกรุงเทพมหานคร และเขตปริมณฑลด้วย ซึ่งนำความเดือนร้อนมาให้ราษฎร์เกือบทุกปี ต่อมาเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2536 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชดำรัส เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนพรรษา เกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งน้ำของกรมชลประทานว่า หากเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปัจจุบัน ก็สามารถแก้ปัญหาน้ำท่วม ภัยแล้ง และขาดแคลนน้ำให้กับประชาชนได้ จะต้องก่อสร้างเขื่อน 2แห่ง ที่แม่น้ำป่าสัก และแม่น้ำนครนายก ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้ดำเนินการ เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2537 โครงการนี้ใช้เวลาก่อสร้าง 5 ปี ระหว่าง พ.ศ. 2537 – 2542 และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาพระราชทานนามเขื่อนนี้ว่า “เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์” อันหมายถึง
“เขื่อนแม่น้ำป่าสักที่เก็บกักน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
ปกติเค้าจะมาที่นี่ช่วงกลางวัน อิ้มว่าอาจจะร้อนไปนิด วันนี้จึงเลือกมาช่วงเย็นหน่อย อากาศดีมากเลยค่ะ
และที่นี่เรียกได้ว่าเป็น Unseen Thailand อีกหนึ่งแห่งก็ว่าเพราะว่าเค้ามี “รถไฟลอยน้ำ” ณ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ โดยจะมีขบวนรถไฟที่วิ่งทอดยาวไปบนอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนป่าสักฯ ชมวิวและธรรมชาติสวยๆ พร้อมกิจกรรมอีกมากมาย จะให้ดีต้องนอนที่นี่หนึ่งคืน และรอขึ้นรถไฟในเที่ยวเช้า พลาดไม่ได้เลยนะคะ!
เงียบ สงบ จนรู้สึกว่าใกล้ธรรมชาติ
นอกจากชมความสวยงามที่เขื่อนแล้ว บริเวณรอบๆ ยังมีต้นไม้และดอกไม้หลากหลายชนิด
ลพบุรี In love
หลังจากเดินเล่นชิลๆ ที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ กันแล้ว ก็กลับเข้ามาในเมือง หาอะไรทานก่อนกลับ แล้วก็มาเจอร้านนี้ค่ะ
The melon cafe’lopburi
https://www.facebook.com/The-melon-cafelopburi-1667806703496900/
The melon cafe’lopburi
ตัวร้านอาจจะอยู่ลึกหน่อยนะคะ ไม่ต้องกังวล ชับเข้ามาเรื่อยๆ ตามทางร้านมีที่จอดรถกว้างขวางสะดวกสบาย
สำหรับใครที่รักเมล่อน ห้ามพลาดร้านนี้นะคะ เค้ามีทั้งเครื่องดื่ม ขนม ที่ทำจากเมล่อน ดีงามสุดๆ
ภายในร้านยังมีมุ่มถ่ายรูปเยอะมาก
มีทั้งที่นั่ง indoor และ outdoor
สำหรับช่วงที่อิ้มไปไม่มีขายเป็นลูกๆ นะคะ เพราะยังถึงฤดูกาล มีแต่เฉพาะทำจำหน่ายเป็นอาหารและเครื่องดื่มเท่านั้นค่ะ
อิ้มนั่งด้านในร้านค่ะ แอร์เย็นฉ่ำสบายๆ มาช่วงค่ำๆ คนจะน้อยหน่อยดีค่ะไม่วุ่นวาย
เครื่องดื่มที่ทานก็จะเป็น เมล่อน สมูตตี้ หอมเมลอน เปรี้ยวๆ หวานๆ ชื่นใจ
อีกแก้วเป็นเมลอนโซดาค่ะ หวาน หอม ซ่าสดชื่น
อาหารจานหลัก ก็มีทั้งอาหารไทยเป็นอาหารจานเดียวง่ายๆ เช่นข้าวผัด
แล้วก็ผัดฉ่าไก่
เฟร้นฟรายด์ราดชีส จานนี้อร่อยมากกกก อ้วนก็ยอม
สปาเกตตี้ต้มยำกุ้งค่ะ จัดว่าเด็ด
มาถึงของหวานกันแล้วเป็นไอศกรีม ทานคู่กับเมลอนสดๆ อร่อยมากกก ถูกใจ ไว้จะกลับไปทานอีกแน่นอนจ้า
และสุดท้าย แอบเอารูปทานตะวันที่ถ่ายมาหลายปีแล้วมาฝากกันค่ะ ถือเป็นแลนด์มาร์คสำคัญ
เพราะช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคมของทุกปี ถือเป็นช่วงของ “เทศกาลทุ่งทานตะวันบาน” ดอกทานตะวันเหล่านี้จะออกดอกสีเหลืองบานเต็มท้องทุ่ง เหมาะสำหรับการมาเที่ยวชมและถ่ายรูปเก็บบรรยากาศไว้เป็นที่ระลึกมาก ๆ
เมื่อถึงฤดูกาลใครไม่มาเช็คอิน ถือว่าผิด นะจ้ะ
ก่อนรีวิวนี้จะจบลง ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามจนมาถึงบรรทัดนี้ ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ ขอบคุณทุกไลค์ ขอบคุณทุกแชร์ เป็นกำลังใจที่ดีในการทำรีวิวมากๆ ถ้าชอบก็ฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะคะ อัพเดทเรื่องกิน เช็กอินเรื่องเที่ยว ได้ที่นี่ psstory เรื่องราวดีๆในการเดินทาง แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้านะคะ สวัสดีค่ะ
ต้องตามรอยไปสักครั้งขอบคุณเรื่องราวดีๆค่ะ
ถูกใจถูกใจ
ขอบคุณนะคะ ไปเที่ยวลพบุรีกันค่ะ
ถูกใจถูกใจ