ถ้าพูดถึงจังหวัด ยโสธร สิ่งแรกที่คุณจะนึกถึงอะไร ???

ลาบยโส… แหยมยโส โอ้ยตายไปกันใหญ่แล้ว

หลายๆ ท่านอาจจะยังไม่รู้จักยโสธรดีนัก ซึ่งอิ้มเองก็เช่นกัน ครั้งนี้ได้มีโอกาสไปสัมผัสดินแดนที่มากไปด้วยวัฒนธรรม  ผู้คนน่ารัก  วัดวาอารามเก่าแก่ จังหวัดยโสธรมีอะไรอีกมากมายที่น่าค้นหา ครั้งนี้น่าเสียดานที่อิ้มมีโอกาสเพียง 2 วัน 1 คืน สถานที่หรือร้านอาหารที่นำมารีวิวอาจจะยังไม่ครบ แต่รับรองค่ะ ว่าค่อนข้างที่จะจุใจแน่นอน จะเป็นอย่างไรนั้นตามไปชมรีวิวพร้อมๆกันเลยค้าาาา

ก่อนชมรีวิวนี้อิ้มขอฝากอีกหนึ่งช่องทางในการร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์การท่องเที่ยว

บ้านหลังเล็กๆอีกหนึ่งหลังของ อิ้ม ด้วยนะคะ

https://www.facebook.com/psstorytrip

และถ้าหากอยาก สอบถามข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติม กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สามารถโทรได้เบอร์นี้นะคะ TAT Call Center 1672 เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย หรือทาง website ก็มีนาจา http://www.tourismthailand.org

การมายโสธรครั้งนี้ อิ้มเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวนะคะ ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ ประมาณ 5 ชั่วโมงนิดๆ

พอมาถึงก็หิวทันที เสิร์ชหาข้อมูลก็พบว่ามี “ร้านก๋วยเตี๋ยวกุดชุม” ซึ่งเป็นร้านก๋วยเตี๋ยว และอาหารเมนูเส้นเจ้าเด็ดของยโสธร ว่ากันว่าที่นี่เป็นร้านลูกชิ้นเจ้าดังและอร่อยสุดในยโสธรเค้าว่ากันอย่างนั้นแถมตั้งอยู่ในตัวเมือง เอาล่ะ ตอนนั้นวาดฝันเมนูไว้ในใจทันทีแต่ไปถึงปรากฎว่า ร้านปิดจ้า ไม่ได้ปิดธรรมดา ป้ายต่างๆ หายไปหมด ได้แต่ถอนใจเบาๆ อืมไม่เป็นไร จากนั้นอิ้มก็อดความหิวไว้ก่อนแล้วเดินทางไปยังที่หมายแรกนั่นก็คือ “โบสถ์คริสต์บ้านซ่งแย้” จริงๆแล้วยโสธรเป็นจังหวัดที่มีสิ่งที่เป็นอันซีนไทยแลนด์หลากหลายอย่างค่ะ อย่างเช่นที่นี่ “โบสถ์คริสต์บ้านซ่งแย้” ตั้งอยู่  ตำบลคำเตย อำเภอไทยเจริญ ห่างจากตัวอำเภอยโสธรประมาณ 50 กิโลเมตร เขาเล่าว่าที่นี่เป็นโบสถ์ไม้ขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทย เก่าแก่มากกกก ไม่รอช้าตามไปเลยค่ะ

แต่เหมือนสวรรค์จะเข้าข้างนะ เพราะระหว่างทางเกือบถึง”โบสถ์คริสต์บ้านซ่งแย้” อิ้มเจอร้านก๋วยเตี๋ยวที่มีชื่อร้านว่า ก๋วยเตี๋ยวกุดชุม รีบพุ่งหลาวไปเลยจ้าาา

ร้านตั้งอยู่ที่ ซอยเทศบาล 12 เข้าซอยไป 50 เมตรร้านจะอยู่ขวามือ เบอร์โทร 088-369-1999 เผื่อใครไปไม่ถูก

บรรยากาศร้านค่ะ โปร่งๆ โล่งสบาย

คืออิ้มไม่แน่ใจนะคะ ว่าใช่เจ้าแรกที่ชื่อดังไหม แต่เข้ามาที่ร้านหอมน้ำซุปเนื้อมากกก

จัดมาเลยค่ะ มาม่าลูกชิ้นเนื้อเปื่อย ราคาถ้วยละ 40 บาท พิเศษ 50 บาทค่ะ

ตามมาติดๆ ด้วยเส้นหมี่ลูกชิ้นเนื้อเปื่อย อร่อยมากกกกก ไม่ได้เกิดจากความหิวแน่นอน น้ำซุปกลมกล่อม เนื้อเปื่อนนุ่มละลายในปาก ที่สำคัญลูกชิ้นเด้ง กรุบกรอบ

จัดลวกจิ้มมาอีกสักจานเพื่อความชัวร์

ร้านนี้ใช้เป็นน้ำจิ้มคล้ายๆแจ่วค่ะ จิ้มกับลวกจิ้ม อร่อยมากกก ถูกใจที่สุด ใครผ่านมาแถวนี้แล้วชอบทานก๋วยเตี๋ยวเนื้อแนะนำนะคะ ไม่ผิดหวังเลย

อิ่มท้องกันแล้วเดินทางต่ออีกแค่ไม่ถึง 5 นาทีเราก็มาถึง Unseen In Thailand หนึ่งในแลนด์มาร์คสำคัญที่ควรมาเที่ยวในจังหวัดยโสธร นั่นก็คือ โบสถ์คริสต์บ้านซ่งแย้ หรือ วัดอัครเทวดามีคาแอลซ่งแย้

ดูภายนอกก็ว่าสวยงามมากแล้วนะคะ เดี๋ยวเราไปชมด้านในกันดีกว่า

แทบจะร้องว้าวว ออกมาเพราะเป็นโบสถ์ที่มีความคลาสสิกมากใหญ่โต สวยงาม

โบสถ์คริสต์บ้านซ่งแย้ เป็นโบสถ์ไม้ขนาดใหญ่ กว้างประมาณ 16 เมตร ยาวประมาณ 57 เมตร ใช้เสาทั้งเล็กและใหญ่จำนวนประมาณ 227 ต้น สร้างด้วยไม้หมดทั้งหลัง รวมทั้งหลังคาก็ใช้แผ่นไม้จำนวนกว่า 80,000 แผ่นมามุงอย่างสวยงาม ซึ่งรวมอายุของโบสถ์แห่งนี้ก็มีอายุมากกว่า 100 ปีแล้ว

ที่นี่มีประวัติเก่าแก่  ที่เล่าสืบกันมาว่าในปี ค.ศ.1908 มีผู้หนีตายอพยพจากที่ต่าง ๆ กัน เข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่นี้รวม 5 ครอบครัว ซึ่งหนีมาด้วยสาเหตุเดียวกัน คือ ถูกกล่าวหาว่าเป็นผีปอบ จึงถูกชาวบ้านรุมทำร้ายและขับไล่ จากนั้นได้เดินทางไปหาบาทหลวงเดชาแนล และบาทหลวงออมโบรซีโอ ที่บ้านเซซ่ง ต.เชียงเพ็ง อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร ขอให้ไปช่วยขับไล่ผีปิศาจที่สิงสู่อยู่กับตนและ ครอบครัว ซึ่ง บาทหลวงทั้ง 2 ท่าน ก็ยอมเข้าป่าลึกไปตามคำขอ เมื่อรู้สึกดีขึ้น ทั้ง 5 ครอบครัว จึงเข้านับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก

ต่อมาบ้านหนองซ่งแย้ มีผู้คนอพยพ ไปอยู่มากขึ้น ในปี ค.ศ. 1909 ชาวบ้านปลูกกระต๊อบ ฝาขัด แตะเล็กๆ ใช้ประกอบพิธีทางศาสนา นับว่าเป็นจุดกำเนิดวัดซ่งแย้ หรือชื่ออย่าง เป็นทางการ เป็นภาษาละตินว่า วัดอัครเทวดามิคาแอล ตามชื่อนักบุญองค์สำคัญ เป็นภาษาอังกฤษคือโบสถ์ เซนต์ไมเคิล เป็นภาษาฝรั่งเศสคือ โบสถ์แซงต์ มิเชล โดยมีบาทหลวงเดชาแนล เป็นอธิการโบสถ์คนแรก และคนในบ้านหนองซ่งแย้ซึ่งล้วนแต่เป็นชาวไทยอีสาน ได้มาเข้ารีต ถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เกือบทั้งหมด

หลังจากนั้น ได้มีการสร้างอาคารโบสถ์ใหม่หลายครั้ง โบสถ์ไม้เนื้อแข็งหลังปัจจุบันนี้ เป็นโบสถ์หลังที่ 4 วางแผนก่อสร้างปี ค.ศ. 1936 ชาวบ้านพากันรวบรวมไม้ ลงมือสร้างปี ค.ศ. 1947 ตัวโบสถ์รูปทรงที่สร้างขึ้นมีลักษณะแบบศิลปะไทย กว้าง 16 เมตร ยาว 57 เมตร จัดเป็นโบสถ์ไม้ที่ใหญ่ที่สุด ในประเทศไทยนั่นเองค่ะ

เสร็จจาก โบสถ์คริสต์บ้านซ่งแย้ หรือ วัดอัครเทวดามีคาแอลซ่งแย้ อิ้มมุ่งตรงมาที่อำเภอเมืองทันทีเพื่อมาชมแลนด์มาร์กแห่งใหม่ นั่นก็คือ “พิพิธภัณฑ์พญาคันคาก” แลนด์มาร์คแห่งใหม่ในจังหวัดยโสธร สุดยิ่งใหญ่ริมแม่น้ำทวนใน จ.ยโสธร เป็นตึกพิพิธภัณฑ์รูปคางคก ความสูง 19 เมตร หรือเท่ากับตึก 5 ชั้น สำหรับชาวอีสาน คางคกเป็นสัตว์ที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ และเป็นตำนานความเชื่อเกี่ยวกับประเพณีบุญบั้งไฟที่มีมาช้านาน จึงเป็นที่มาของแลนด์มาร์คแห่งใหม่ ที่ใครไปเที่ยวยโสธรก็ต้องแวะไปเช็คอินนะคะ แต่ด้านในพญาคันคากก็ยังไม่เสร็จเรียบร้อยดีนัก จึงต้องมีการปิดปรับปรุง ซึ่งจะเปิดให้บริการอีกทีในวันที่ 25 มกราคม 2560 ค่ะ

พญาคันคาก เป็นอาคารในบริเวณวิมานพญาแถน ซึ่งมี 3 อาคาร คือ อาคารพญาแถน อาคารพญานาค และอาคารพญาคันคาก ด้วยความแปลประหลาดของรูปร่างของอาคารผู้คนก็เลยมุ่งที่จะไปอาคารพญาคันคากมากที่สุด ในอาคารหลังนี้ที่สูง 19 เมตร ประมาณ ตึก 8-9 ชั้น ข้างในทำเป็นพื้นที่จัดนิทรรศการจำนวน 4 ชั้น ได้แก่

ชั้นที่ 1 เรื่องราวประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเมืองยโสธร

ชั้นที่ 2 เป็นภาพเรื่องตำนานพญาแถนและพญาคันคาก

ชั้นที่ 3 ตำนานของบั้งไฟ

ชั้นที่ 4 อัตลักษณ์ความเป็นเมืองยโสธร

สูง ใหญ่ อลังการและโอ่โถงมาก ตรงปากจะเป็นชั้น 5 เป็นสถานที่ชมวิวเดี๋ยวอิ้มจะพาขึ้นไปชมค่ะ

ขึ้นมาถึงกับหอบ 5555 แต่วิวที่ได้ก็ถือว่าคุ้มนะ อ้อๆๆ การมาชมไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ฟรีนะคะ

ลงมาด้านล่างก็มีจุดชมวิวหลายจุด

จุดนี้ก็น่าสนใจค่ะ เป็นรูปปั้นขบวนแห่บั้งไฟ ซึ่งสอดคล้องกับตำนานพญาแถน พญาคันคาก และพญานาค

ด้านนี้จะเป็นอาคารพญานาคค่ะ

ในอนาคตคาดว่าที่นี่จะสร้างอะไรอีกมากมาย ซึ่งจะเป็นสถานที่ถ่ายทอดความสำคัญ ความเป็นมาของจังหวัดยโสธร ซึ่งควรค่าและควรมาเป็นอย่างยิ่ง จะมาช่วงเช้าหรือเย็นก็จะดีนะคะ อากาศไม่ร้อนแต่ถ้ามาตอนกลางวันแนะนำพกร่มมาด้วยจ้าแดดค่อนข้างแรง

โหะๆๆ ทำไมหิว 55555 ระหว่างขากลับออกมาอิ้มแวะทานก๋วยเตี๋ยวโกติ่งค่ะ เห็นคนทานเยอะเลยลองแวะดู

บรรยากาศภายในร้านค่ะ

ร้านโกติ่งจะเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวน้ำตกนะคะ แต่ก็มีก๋วยเตี๋ยวต้มยำด้วย อิ้มลองสั่งต้มยำมาทาน รสชาติค่อนข้างธรรมดาไปหน่อยเหมือนเป็นก๋วยเตี๋ยวน้ำตกแล้วใส่พริกเผาเพิ่มค่ะ ไม่ค่อยเปรี้ยว

แต่จะบอกว่าก๋วยเตี๋ยวน้ำตกอร่อยเหาะเลยทีเดียว

ลวกจิ้มอีกแว้ววว

มาถึงทีเด็ดค่ะ เนื้อเปื่อยร้านนี้อร่อยมาก ย้ำ เนื้อเปื่อยร้านนี้อร่อยมาก เนื้อเปื่อยนุ่มละลายในปาก น้ำจิ้มเป็นซีฟู้ด แซ่บระเบิด อร่อยจนต้องขอน้ำจิ้มเพิ่ม ราคาถ้วยละ 40 บาทค่ะ พิเศษ 50 บาท แต่ถ้วยใหญ่มากนะ เกือบทานไม่หมด

สถานีต่อไป อิ้มขับรถต่อมายัง พระธาตุก่องข้าวน้อย ตั้งอยู่ในทุ่งนา ตำบลตาดทอง ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 9กิโลเมตร

พระธาตุก่องข้าวน้อยเป็นเจดีย์เก่าสมัยขอม สร้างในพุทธศตวรรษที่ 23-25ตรงกับสมัยอยุธยาตอนปลาย ตั้งอยู่ในเขตวัดพระธาตุก่องข้าวน้อย ซึ่งแต่เดิมเป็นเพียงทุ่งนาในเขตตำบลตาดทอง พระธาตุก่องข้าวน้อยเป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูน รูปทรงแปลกไปจากเจดีย์โดยทั่วไป คือมีลักษณะเป็นก่องข้าว

พระธาตุก่องข้าวน้อยมีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ ซึ่งผิดไปจากปูชนียสถานแห่งอื่นๆ ที่มักเกี่ยวพันกับเรื่องพุทธศาสนา แต่ประวัติความเป็นมาของพระธาตุก่องข้าวน้อยกลับเป็นเรื่องของหนุ่มชาวนาที่ทำนาตั้งแต่เช้าจนเพล มารดาส่งข้าวสายเกิดหิวข้าวจนตาลาย อารมณ์ชั่ววูบทำให้เขากระทำมาตุฆาตด้วยสาเหตุเพียงว่าข้าวที่เอามาส่งดูจะน้อยไปไม่พอกิน ครั้นเมื่อกินข้าวอิ่มแล้ว ข้าวยังไม่หมดจึงได้สติคิดสำนึกผิดที่กระทำรุนแรงต่อมารดาของตนเองจนถึงแก่ความตาย จึงได้สร้างพระธาตุก่องข้าวน้อยแห่งนี้ขึ้น เพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศลขออโหสิกรรมและล้างบาปที่ตนกระทำมาตุฆาต แก่มารดาผู้ซึ่งมีพระคุณมากยิ่ง หรือที่เราเคยได้ยินกันว่าก่องข้าวน้อยฆ่าแม่นั่นเองค่ะ

เดินทางต่อไม่ลดละสถานที่ต่อไปคือ พระธาตุกู่จาน สถานที่ตั้ง อยู่ ภายในวัดบ้านกู่จาน ตำบลกู่จาน อำเภอคำ เขื่อนแก้ว จากปากทางเข้าไปค่อนข้างไกลนะคะ ทางแคบนิดหน่อยแต่สองข้างทางเป็นวิวท้องทุ่งนาที่สวยงามทีเดียว

ที่นี่ก็เป็นสถานที่ที่ควรมานะคะ เพราะเป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่ สักการะของชาวเมืองยโสธรและจังหวัดใกล้เคียง ทุกๆ ปี ชาวตำบลกู่จานจะนำน้ำอบ น้ำหอมไป ทำพิธีสรงน้ำพระธาตุในช่วงเช้าของวัน เพ็ญ เดือน 6 ตอนบ่ายจะไปทำพิธีสรงน้ำ “กู่” หลังจากนั้นจะพากันไปที่หนองสระพัง เพื่อนำน้ำที่หนองสระพังมาทำพิธี สรงน้ำพระธาตุและใบเสมา พิธีกรรมดังกล่าวนี้ ต้องกระทำเป็นประจำทุกปี มีความเชื่อว่าหากไม่ทำพิธีดังกล่าวแล้วจะทำให้ ฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล และได้เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ความเชื่อนั้นยังคงมี ความศักดิ์สิทธิ์มากยิ่งขึ้นเมื่อได้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นแล้ว และต้องทำพิธีสรงน้ำพระ ธาตุ, กู่, ใบเสมา อีกครั้งในปีนั้น เป็นเหตุการณ์ที่ชาวบ้านกู่จานทุกคนรับทราบและจดจำได้ดีจึงได้ถือปฏิบัติพิธีนี้เป็นประจำค่ะ

เสร็จจากการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วก็มาเที่ยวชมเมืองเก่าที่ “เมืองเก่าบ้านสิงห์ท่า”

เดี๋ยวๆ มองมุมนี้นึกว่าภูเก็ตใช่ไหมคะ บอกเลยว่าไม่ใช่ เพราะที่นี่คือ เมืองเก่าบ้านสิงห์ท่า จังหวัดยโสธรแถวนี้ชิคมากเเพราะเป็นบ้านเมืองเก่าสไตล์ชิโน โปรตุกีส เพราะในอดีตที่นี่เคยได้รับอิทธิพลจากฝรั่งเศส มีการนำเข้าช่างฝีมือจากเวียดนามจำนวนมากเข้ามาสร้างบ้านเรือน ทำให้บ้านเรือนมีรูปแบบศิลปกรรมแบบจีนผสมยุโรป เกิดเป็นสไตล์ชิโน-โปรตุกีส คล้ายกับเมืองภูเก็ตนั่นเองค่ะ เดินชิลๆ ถ่ายรูปสวยๆ สบายๆ

เสร็จแล้วในบริเวณใกล้กัน สิ่งศักดิ์สิทธิ์อีก 1 สถานที่ที่เราควรมาสักการะนั่นก็คือ “วัดมหาธาตุ” ซึ่งมีโบราณสถานที่สำคัญอย่างพระธาตุยโสธร (พระธาตุอานนท์) ตั้งอยู่ ตัวพระธาตุมีลักษณะศิลปะแบบลาว มีฐานรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส แต่ละด้านกว้างยาวประมาณ 81 เมตร ก่ออิฐถือปูน มีลวดลายรอบพระธาตุอ่อนช้อยงดงาม ทางวัดจะจัดงานสมโภชพระธาตุในช่วงเดือนมีนาคมของทุกปี

นอกจากนี้ยังมีหอไตร ซึ่งอิ้มไม่ได้ถ่ายภาพมาฝากนะคะ

หอไตร

เป็นที่เก็บคัมภีร์ใบลานของวัด ตั้งอยู่ตรงกลางสระทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของพระธาตุ แผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ลักษณะแบบหอไตรภาคอีสานทั่วไป มีทางเดินโดยรอบติดกันใต้ชายคา บริเวณนี้เป็นที่เก็บรักษาตู้พระธรรม หีบพระธรรม เสลี่ยงชั้นวางคัมภีร์ซึ่งนำมาจาก เวียงจันทน์ มีซุ้มประตู และบานประตูไม้สลักลวดลายเครือเถาลงรักปิดทองอย่างสวยงาม มีลวดลายการตกแต่ง ฝาผนัง ซึ่งเป็น ลักษณะผสมแบบภาคกลางทำให้กล่าวได้ว่า หอไตรน่าจะสร้างขึ้นประมาณสมัยรัชกาลที่ 4-5 แห่งกรุง รัตนโกสินทร์ ซึ่งเก่าแก่มากทีเดียว

จากนั้นไปอีกหนึ่งวัดค่ะ วัดนี้ก็น่าสนใจไม่แพ้กันวัดนี้คือ “วัดศรีธรรมาราม”

“วัดศรีธรรมาราม” ซึ่งเคยเป็นสถานที่จำพรรษาของหลวงปู่พวง สุขินทริโย พระเกจิอาจารย์สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต โดยภายในวัดจะมีพิพิธภัณฑ์พระเทพสังวรญาณ (หลวงตาพวง สุขินทริโย) ให้ได้เข้าไปกราบไหว้หลวงพ่อพระสุก และรูปเหมือนหลวงปู่พวงกันด้วยนะคะ ภายในตกแต่งด้วยไม้สวยงามมาก

ด้านนอกค่ะ สวยงามไม่แพ้ด้านในเลย

หลังจากตระเวนมาทั้งวัน ก็ได้เวลาหาอะไรทานกันอีกแล้ว จริงตั้งใจจะไปหา ลาบเป็ดทานที่ร้านตุ๊ดติ่ง แต่พอไปถึงเค้าปิดวันเสาร์อาทิตย์ก็เลยอด อิ้มเลยหาจุดมุ่งหมายใหม่แล้วก็มาลงตัวที่ร้านนี้ค่ะ ร้านนี้ชื่อว่า แจ่มใสนมสด&ก๋วยจั๊บ

ร้านนี้ก๋วยจั๊บอร่อยใช้ได้นะคะ คนก็เยอะมากเช่นกัน

ถ้วยนี้ก๋วยจั๊บหมูยอใส่ไข่ อร่อยดีค่ะ

เส้นมาม่ามาอีกแล้วอิอิ

ร้านนี้ยังมีเมนุแซ่บๆ อย่างยำ และตำต่างๆ

ปิดท้ายด้วยของหวานอย่างขนมปังปิ้ง อร่อยครบจบที่เดียวจริงๆ

แต่ข้อเสียของร้านก็คืออาหารค่อนข้างได้ช้านะคะ แอบตามหลายรอบอยู่เหมือนกัน

แต่ข้อดีคือรสชาติอาหารอร่อยใช้ได้ แต่อิ้มสั่งมาเยอะเพราะความหิวเลยแอบทานไม่หมดเพราะอาหารจานใหญ่ด้วย เวลามาอย่าเพิ่มสั่งเยอะนะ ดูปริมาณจานก่อนเดี๋ยวเหลบืออย่างอิ้มเสียดายแย่

หนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อน อิ้มเข้าพักผ่อนนอนหลับที่โรงแรม ช้างใหญ่ใจดี โรงแรมติดสถานีขนส่งเลยค่ะสังเกตุง่ายมาก ราคาห้องพัก 400-500 บาทไม่มีอาหารเช้าแต่มีชา – กาแฟ บริการห้องพักสะอาดสะอ้านดีงาม คุ้มราคาสุดๆ

ภายในห้องน้ำค่ะ

ตื่นเช้าอิ้มรีบเช็คเอาท์ออกเดินทางต่อ อันนี้เป็นบรรยากาศด้านหน้าโรงแรมนะคะ

สถานีต่อมาอิ้มมุ่งหน้าไปที่แลนด์มาร์กแห่งใหม่น่ามาปักหมุดมากนั่นก็คือ ทะเลบัวแดงยโสธร ห๊า !! ใช่ค่ะไม่ผิด ยโสธรก็มีทะเลบัวแดงนะจ้ะ ตั้งอยู่ที่  บ้านสำโรง หมู่ 7 ตำบลคูเมือง อำเภอมหาชนะชัย ขับรถเข้ามาจะห่างจาก อำเภอมหาชนะชัย ประมาณ 12 กิโล สังเกตุซ้ายมือจะมีป้ายแล้วเลี้ยงเข้ามาเลยค่ะ ใกล้ๆ จะเป็นทางดินแดงนะคะ เพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ในอนาคตอันใกล้น่าจะเปิดและพัฒนาได้อย่างเต็มรูปแบบ

ด้วยความธรรมชาติ ตามระยะทางก็จะมีน้องวัว และน้องควาย มาทักทายเป็นระยะๆ

พอมาถึงจอดรถได้เลยนะคะเสียค่าจอดรถ 20 บาท แล้วนั่งสามล้อบริการคันละ 20 บาทนั่งเข้าไปและนั่งกลับ ที่นี่เปิดบริการตั้งแต่ ตี5 ถึงบ่ายสามโมงเย็นนะคะ

เข้ามาด้านในมีจุดให้ถ่ายรูป เยอะแยะเลย เก๋ไก๋ สโลวไลฟ์สุดๆ

ถึงใจกลางแล้ว อิอิ มาเที่ยวทุ่งบัวแดงแนะนำช่วงเช้านะคะ เพราะช่วงบ่ายบัวจะหุบหมดไม่ค่อยสวยจ้า

อิ้มมาถึงประมาณ 10 โมงกว่าๆ กำลังดี ถ้าสายกว่านี้คนจะเยอะ และดอกบัวจะเริ่มหุบ

ทุ่งทะเลบัวแดงสวยๆ ให้ภาพเล่าเรื่องนะคะ

ไม่น่าเชื่อว่าอิ้มใช้เวลาอยู่ที่นี่นานมาก รู้ตัวอีกทีก็เกือบสิบเอ็ดโมงอิ้มก็รีบเดินทางต่อไปที่ วัดพระพุทธบาท ยโสธร ระหว่างทางเราใช้ได้เห็นวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ ซึ่งอยู่กันอย่างเรียบง่าย ดูมีความสุข และรอยยิ้มมากว่าคนในเมืองซะอีก

ไม่นานก็มาถึงค่ะ วัดพระพุทธบาท ยโสธร

วัดพระพุทธบาทยโสธร ตั้งอยู่บนเนินทรายริมฝั่งแม่น้ำชี ห่างจากที่ว่าการอำเภอมหาชนะชัย ประมาณ 6 กิโลเมตร ภายในวัดประดิษฐาน รอยพระพุทธบาทเป็นเนินทรายขาวสูง มีพระพุทธรูปปางนาคปรก (ศิลาแลง) 1 องค์

และวัดพระพุทธบาทยโสธร ยังประดิษฐานรอยพระพุทธบาท โดยพื้นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทเป็นเนินทรายขาวสูงงอกขึ้นกลางพื้นที่ลุ่ม แม่น้ำชีนับเป็นโบราณสถานอันล้ำค่าของจังหวัด

หลังจากเคารพสักการะสิ่งศักดิ์ที่สำคัญอีกแห่งของยโสธรกันไปแล้วก็ได้เวลาบอกลาจากเมืองนี้อีกแล้ว อิ้มเบื่อช่วงเวลานี้ที่สุดเลยค่ะ เมืองยโสธรมีอะไรมากกว่าที่อิ้มคิดเป็นเมืองเล็กที่มีเสน่ห์มาก

ได้เวลาเดินทางกลับค่ะ สถานีสุดท้ายคือร้านกาแฟชื่อดังอย่างร้าน The Coffee Bar ร้านบรรยากาศน่ารัก น่านั่งชิลบรรยากาศสบายๆ กาแฟอร่อย ขนมน่าทาน ร้านหาง่ายเพราะตั้งอยู่เส้นหลักเลยค่ะ

ปิดท้ายทริป ยโสธรด้วยภาพนี้นะคะ

ยโสธร

เมืองเล็กๆ แห่งดินแดนอีสานทีใครๆ หลายคนมองผ่าน สำหรับอิ้มความคิดนั้นเปลี่ยนไปแล้วค่ะ

เพราะยโสธรเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ น่าค้นหา เงียบสงบ ผู้คนเป็นมิตรและยิ้มแย้มแจ่มใส มีหลากหลายและมีคุณค่าทางด้านวัฒนธรรม ความเป็นอยู่อาศัย เป็นเมืองที่อิ้มประทับใจแล้วคิดว่าถ้ามีโอกาสจะกลับมาเที่ยวอีกอย่างแน่นอนค่ะ

ก่อนรีวิวนี้จะจบลง ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามจนมาถึงบรรทัดนี้ ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ ขอบคุณทุกไลค์ ขอบคุณทุกแชร์ เป็นกำลังใจที่ดีในการทำรีวิวมากเลยค่ะ ถ้าชอบก็ฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยค่ะ อัพเดทเรื่องกิน เช็กอินเรื่องเที่ยว ได้ที่นี่ psstory เรื่องราวดีๆในการเดินทาง แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้านะคะ สวัสดีค่ะ