เปลี่ยนวันธรรมดาให้เป็นวันพิเศษ@Kantary Hotel Kabinburi

วันหยุด หรือวันธรรมดาอันแสนน่าเบื่อ หลายๆ คนอาจจะเลือกนอนพักผ่อนอยู่ที่บ้าน แต่สำหรับอิ้มแล้ว ถ้ามีเวลาว่างเป็นต้องเดินทางหาโรงแรมพักผ่อนอยู่เรื่อยไป ครั้งนี้ก็เช่นกันปกติอิ้มจะชอบไปพักผ่อนใกล้ๆ กรุงเทพฯ อยู่แล้ว โดยเฉพาะทาง เขาใหญ่ วังน้ำเขียว แต่ถ้าเราขับรถเลยจากวังน้ำเขียวไปอีกสักหน่อยก็จะเป็นจังหวัดปราจีนบุรี อืมๆ น่าสนใจดีนะคะ แล้วอิ้มก็ได้มาทำความรู้จักกับโรงแรมนี้ Kantary hotel Kabinburi พอได้ยินชื่อว่า Kantary ปุ๊ปก็มั่นใจในคุณภาพทันทีนอกจากราคาห้องพักที่ไม่แพงแล้ว ก็ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แล้วจากตัวโรงแรมเองก็เป็นจุดกึ่งกลางระหว่างสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ไม่ว่าจะสำหรับคนที่จะเดินทางไปเที่ยวโรงเกลือหรืออำเภออรัญประเทศ ก็สามารถแวะพักผ่อนที่นี่ได้ ส่วนอิ้มเองขามา มาทางวังน้ำเขียวอยู่แล้ว ขากลับอิ้มเดินทางกลับมาทางนครนายกสามารถแวะเที่ยวน้ำตกได้อีก เรียกว่าเป็นโรงแรมอีกที่นึงที่น่าสนใจมากเลยใช่ไหมคะ

วันนี้อิ้มจะพาไปรู้จักโรงแรมนี้ให้มากขึ้นกับที่นี่ค่ะ Kantary Hotel Kabinburi

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมของโรงแรม
http://www.capekantaryhotels.com/

และขอฝากอีกหนึ่งช่องทางในการร่วมพูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์การท่องเที่ยว

บ้านหลังเล็กๆอีกหนึ่งหลังของ อิ้ม ด้วยนะจ้า

https://www.facebook.com/psstorytrip

การเดินทางสำหรับคนที่มาจากกรุงเทพฯ ให้ใช้เส้นทางนครนายกก็สะดวกดีนะคะขับรถแค่ประมาณ 2-3 ชม ก็จะถึงจุดหมาย Kantary Hotel Kabinburi ตั้งอยู่บนถนนสาย 33 ใกล้สี่แยกสามทหาร จะตั้งอยู่ด้านซ้ายมือตึกสีขาวมองเห็นชัดเจน รอบข้างมีห้างร้านมากมาย ไม่ต้องกลัวเปลี่ยวค่ะ

ทางเข้ามีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมสองข้างทางทำให้บรรยากาศร่มรื่น

เช็คอินเสร็จแล้วแว้บขึ้นมาที่ห้องพักเลยค่ะ ส่วนของ lobby อิ้มจะพาไปชมในช่วงค่ำนะคะ

ห้องพักที่นี่จะมีอยู่ 3 ประเภทค่ะ เริ่มที่

1. Studio Suite

2. One Bedroom Suite

3. Two Bedroom Suite

ห้องที่อิ้มเข้าพักวันนี้เป็นห้อง One Bedroom Suite

โดยรวมก็จะคล้ายกับ Kantary ที่อื่น ตรงกลางจะเป็นห้องนั่งเล่น มีโซฟา ทีวี มุมโต๊ะทำงาน และระเบียง

ภายในห้องพักแบบนี้ก็จะมี 1 ห้องนอนที่แยกออกจากห้องนั่งเล่น

ภายในห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำ และสิ่งอำนวยความสะดวกตามมาตรฐานโรงแรมในเครือ Kantary

ชมห้องพักที่อิ้มพักกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขอเบรกขั้นเวลาสักนิดนะคะ เพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้อง อิอิ

The California Steak คือห้องอาหารหลักและห้องอาหารเดียวของที่นี่ ซึ่งให้บริการแบบ all day dinning

ฟังชื่อว่าเป็น California Steak จริงๆแล้วไม่ได้มีแค่ Steak นะคะ แต่แน่นอน Steak เป็นจุดเด่นที่มาเป็นอันดับ 1 ใครๆ มาก็ต้องมาลิ้มลอง แต่นอกจากนั้นที่นี่ยังบริการอาหารไทย จีน ยุโรป ที่สำคัญมีอาหารญี่ปุ่น ขนมวานและเค้กต่างๆไว้บริการอีกด้วยช่วงกลางวันอิ้มลองทานเบนโตะเซ็ตและ Sashimi Set ปลาสดและรสชาติใช้ได้ ส่วน Steak ไม่ต้องพูดถึงอร่อยสมคำร่ำลือมากกก สั่ง Steak ก็จะมีขนมปังมาเสิร์ฟก่อนตามธรรมเนียม

Penne aglio ของโปรด

Filet Mignon อร่อยมากกกก ถ้ามาที่นี่แนะนำนะคะ นุ่ม ละลายในปาก

ของหวานเป็น Custard pudding

อิ่มท้องกันแล้ว มาเดินย่อยอาหารชมห้องพักแบบอื่นๆต่อค่ะ Type นี้คือ Studio เป็นห้องยาวๆ เดินเข้ามาจะเป็นส่วนครัว  อ้อ ลืมบอกไปว่าที่ Kantary ส่วนใหญ่จะเป็น Service apartment ด้วย เพราะฉะนั้นสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องซักผ้า ไมโครเวฟ ตู้เย็นขนาดใหญ่ กาน้ำร้อน หม้อ จาน ชาม ช้อน แก้ว มีด เขียง มีให้ครบครัน สามารถทำอาหารทานได้เลยค่ะ

ถัดมาก็จะเป็นโซนนั่งเล่น และเตียงนอน

มองย้อนกลับไปหน้าประตูด้านขวามือจะเป็นห้องน้ำค่ะ

Type ที่ 2 ก็จะเป็น One Bedroom Suite แบบเดียวกับที่อิ้มพัก

Type ที่ 3 เป็น Two Bedroom Suite ค่ะ ส่วนกลางจะเป็รห้องนั่งเล่น และมีโต๊ะทานอาหารอยู่กลางห้อง

ห้องนอนมี 2 ห้องแยกเป็นฝั่งซ้ายและฝั่งขวา

ตอนแรกอิ้มก็ว่าทำไมห้องนี้ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆล่ะ  พอมองไปเห็นประตูไม้บานเล็กๆ ซ้ายมือไหมคะ ?

พอเปิดเข้ามาจะเป็นห้องครัวทันที เก๋มากใช้พื้นที่ได้ยอดเยี่ยม เหมือนประตูโดเรมอนอะไรอย่างนั้นเลย ตรงไปสุดหลังประตูสีน้ำตาลจะเป็นห้องน้ำ

ห้องนอนแรกเป็นเตียง Twin ค่ะ

ห้องนอนที่ 2 เป็นเตียง Double

มีห้องน้ำในตัวทั้งสองห้อง

มองจากระเบียงลงไปด้านล่างก็จะเป็นสระว่ายน้ำของโรงแรมค่ะ เดี๋ยวอิ้มพามาชมกันต่อเลย

สระว่ายน้ำจะอยู่บริเวณชั้น 1 Facility ส่วนกลางโดยรวมจะอยู่ที่ชั้น 1 หมด ส่วนของ Lobby จะเป็นชั้น G

มีห้องรีดผ้าให้ด้วยนะคะ

ฟิตเนสก็อยู่ชั้นนี้ด้วย

มีจากุซซี่ให้แช่สำหรับคนที่ชอบแช่น้ำอุ่นๆ สบายๆ

สระว่ายน้ำขนาดค่อนข้างใหญ่ เล่นสบายๆ แต่ช่วง 18.00 เป็นต้นไป คนค่อนข้างจะเยอะค่ะ

ได้เวลาค่ำพอดี พามาชมกันต่อในส่วนของ Lobby โรงแรมค่ะ ตกแต่งเรียบง่าย แต่เรียบหรู ถัดจาก Lobby ไปด้านซ้ายมือจะเป็น California Steak ห้องอาหารหลักของที่นี่ค่ะ

อีกโซนนึงที่อยากจะแนะนำก็คือ Executive Lounge แขกที่มาพักใช้ Keycard เข้ามาพักได้เลยนะคะ ภายในมีหนังสือให้อ่าน บรรยากาศเงียบสงบ มี ชา กาแฟ คุ้กกี้และเค้ก ให้ทานฟรีทั้งวัน

ชมบรรยากาศช่วงค่ำบ้างค่ะ เปิดไฟสว่างไสว

ได้เวลาช่วงค่ำ มาทานอาหารกันค่ะ บรรยากาศในห้องอาหารจะแต่งสไตล์โปร่งๆ โล่ง สบายๆ

เริ่มสั่งอาหารกันเลยค่ะ จานแรกเป็นโปรโมชั่นประจำเดือนกันยายน “เนื้อม้วนราดซอสส้ม” เนื้อสันในนุ่มหวานลิ้นเสิร์ฟพร้อมผักโขม ที่หอมนุ่มราดด้วยซอสส้มหอมหวาน หากรับประทานคู่กับไวน์แดงจะอร่อยมากยิ่งขึ้น จานนี้ราคาเพียง 250++ บาท

ชีสทอด เพิ่มน้ำหนัก อร่อยมากกก

Filet Mignon อีกแล้ว เลือกเป็น Import beef นะคะ นุ่ม ละลายในปากจริงๆ

Rib eye steak Import beef

Sirloin steak Import beef เช่นกันค่ะ ไม่อ้วนให้มันรู้ไป ราคาเสต็กที่นี่ไม่แพงนะคะ ถ้าเป็น Import beef  ราคา 500 บาทขึ้น แต่ไม่เกิน 700 บาทค่ะ ราคาน่าคบหามาก

อิ่มแล้วขึ้นนอน ตื่นเช้ามาก็มาทานอาหารเช้าที่เดิม ไลน์อาหารเช้ามีให้เลือกเยอะดีค่ะ มีทั้งอาหารไทย ยุโรป และ อาหารญี่ปุ่น โดยจะให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00 น – 10.00 น. ค่ะ

อิ่มจากมื้อเช้าก็มาเที่ยวกันต่อ มาถึงที่นี่จะพลาด The Verona Tublan ได้ยังไง จริงๆถ้ามาทางวังน้ำเขียวจะถึง The Verona Tublan ก่อนแต่อิ้มไม่ได้แวะ เลยมาแวะอีกวันค่ะ อิอิ

ที่นี่จะตกแต่งแบบสถาปัตยกรรมสไตล์อิตาเลียน โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากเมืองเวโรน่า ประเทศอิตาลี

คนที่รักการถ่ายภาพน่าจะชอบค่ะ มีมุมสวยๆเพียบ แต่อิ้มว่าถ้ามาช่วงเที่ยงคงร้อนแน่ๆ ลองแวะมาช่วงเช้า หรือไม่ก็ช่วงเย็นๆ เห็นว่าช่วงเย็นๆก็มีร้านอาหารเปิดด้วยนะคะ มานั่งชิลๆ ท่ามกลางบรรยากาศดีๆ น่าจะฟิน

ปิดท้ายทริปนี้กันที่ Cafe Kantary 304  โดยขับจาก Kantary กบินทร์บุรี ไปประมาณครึ่งชั่วโมงเท่านั้น

Cafe แสนน่ารัก มีที่นั่งด้านนอกด้วยนะคะ  โดยรวมก็จะให้บริการอาหารฟิวชั่น อาหารไทย ญี่ปุ่น ผสมผสานกันในหลายๆแบบ

ภายในแทบจะร้องว้าวว ถูกใจสาวๆแน่ๆ

มีทั้งขนม คุ้กกี้ ของที่ระลึก ซื้อเป็นของฝากได้เลยนะคะ รับประกันความอร่อย

ความน่ารักของที่นี่ ไม่ต้องพูดถึงค่ะ น่ารักมาก ตกแต่งสบายๆ มีสองชั้นให้เลือกนั่ง

เมนู และ Cake ต่างๆ

อิ้มขอตัวขึ้นชั้น 2 ดีกว่าค่ะ ขึ้นมาปุ๊ปอยากจะกรีสสสสส ให้สลบ น้องมาดี้ ตัวโตน่ารักถูกบรรจงวาดไว้บนผนัง

ไม่นานเครื่องดื่มที่สั่งไว้ก็พร้อมเสิร์ฟค่ะ Iced Caramel Macchiato ราคา 85 บาท

Mixs Berry Smoothie

เกี๊ยวซ่าชีส” เกี๊ยวซ่าหมูสับสุดนุ่มๆ ราดชีสครีมซอสหอมกรุ่นให้รสชาติกลมกล่อมลงตัว ราคา 185 บาท

ข้าวหน้ากระเพราขาหมูเยอรมันทอดไข่ดาวกรอบ เสิร์ฟพร้อมน้ำซุป ราคา 165 บาท

สปาเก็ตตี้ปลาแซลมอนผัดพริก กระเทียม โรยไข่ปลาแซลมอน (ราคา 175 บาท) 

จานนี้อิ้มหลงรักมากกกก กัดคำไหนกรุบกรับ ชุ่มฉ่ำไข่ปลาแตกในปาก อร่อยมากกก

สุดท้ายของหวาน เป็น Homemade Pancakes Strawberry Crumble ราคา 185 บาท

สุดท้ายก่อนจะจากกันขอสรุปข้อดีข้อเสียของ Kantary กบินทร์บุรี แห่งนี้กันก่อนนะคะ

ข้อดี

1 เรียบง่าย เงียบสงบ เหมาะกับการพักผ่อน

2.เดินทางง่าย ะสดวก โรงแรมติดถนน ใกล้แหล่งชุมชน ไม่เปลี่ยว

3.สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

4. อาหารอร่อยและราคาไม่แพง

ข้อเสีย

1 . ช่วงเย็นๆ ค่ำๆ ผู้คนจะมาใช้บริการฟิตเนสและสระว่ายน้ำค่อนข้างเยอะ ควรหลีกเลี่ยงการใช้บริการในช่วงนี้ค่ะ

ก่อนรีวิวนี้จะจบลง ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามจนมาถึงบรรทัดนี้ ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ ขอบคุณทุกไลค์ ขอบคุณทุกแชร์ เป็นกำลังใจที่ดีในการทำรีวิวมากเลยค่ะ ถ้าชอบก็ฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยค่ะ อัพเดทเรื่องกิน เช็กอินเรื่องเที่ยว ได้ที่นี่ psstory เรื่องราวดีๆในการเดินทาง แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้านะคะ สวัสดีค่ะ

4 thoughts on “เปลี่ยนวันธรรมดาให้เป็นวันพิเศษ@Kantary Hotel Kabinburi

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s