สวัสดีภูเก็ต

“ภูเก็ต” เป็นจังหวัดในฝันของใครหลายๆ คน คงเป็นเพราะเวลาเราได้เห็นภาพผ่านสื่อต่างๆ เรียกว่ากระตุ้นต่อมการเที่ยวได้ดีทีเดียวเชียว แล้วถ้ามาภูเก็ตคุณจะนึกถึงอะไร แน่นอนคำตอบที่มาเป็นอันดับต้นๆ นั่นก็คือ ทะเล ส่วนอันดับที่สอง นั่นก็คงจะเป็นโรงแรมรีสอร์ทสวยๆ ถ้าพูดมาขนาดนี้เรียกว่าเข้าทางอิ้มเลยนะ 5555 เพราะโรงแรมที่อิ้มจะมาแนะนำวันนี้ทั้งสวย น่าพักผ่อน และมีทะเลสวยๆ ให้เล่นชิลๆ ได้อีกด้วย

โรงแรมที่อิ้มพูดถึงนั่นก็คือ Cape panwa phuket โรงแรมที่มีชื่อเสียงมายาวนาน แต่ยังคงความสวยงามไว้อย่างดีเยี่ยม และยิ่งผ่านการรีโนเวทมายิ่งสวยและทันสมัยมากขึ้นด้วยค่ะ

ใครพร้อมแล้ว ตามไปชมพร้อมๆกันนะคะ แล้วคุณจะหลังรักที่นี่อย่างที่อิ้มรัก

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมของรีสอร์ท
https://www.facebook.com/capepanwa

และขอฝากอีกหนึ่งช่องทางในการร่วมพูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์การท่องเที่ยว

บ้านหลังเล็กๆอีกหนึ่งหลังของ อิ้ม ด้วยนะจ้า
https://www.facebook.com/psstorytrip

 

อิ้มเดินทางมาจากกรุงเทพโดยใช้รถยนต์ส่วนตัว ขับชิลๆมาแวะนอนหัวหินก่อน แล้วขับจากหัวหินมาภูเก็ตถนนหนทางพอใช้ได้  ไม่เปลี่ยวอย่างที่คิด ขับเอื่อยๆ ไปเรื่อยๆ ก็มาถึงโรงแรมในช่วงค่ำพอดี Cape panwa ตั้งอยู่บริเวณแหลมพันวา เกือบถึงใต้สุดของภูเก็ต เข้ามาถึงแล้วจอดรถเสร็จ ก็เข้ามาเช็คอินที่ Lobby ได้เลยค่ะ

Lobby ที่นี่ตกแต่งใหม่เป็นแบบ Open air ได้ฟิลเหมือนเราอยู่ใต้ท้องทะเล

ด้านนี้เป็นทางเดินไปห้องอาหาร  Cafe Andaman และเป็นทางเดินเชื่อมไปยังอาคารต่างๆเพื่อเข้าสู่ห้องพัก

ห้องที่นี่จะแบ่งแยกตึกเป็นโซนๆนะคะ อย่างที่อิ้มพักจะเป็นโซน E-wing

ด้านนี้จะอยู่ขวามือติดกับ Lobby มานั่งพักผ่อน อ่านหนังสือ มุมนี้เหมาะทีเดียว

ระหว่างรอเช็คอิน ก็ทาน welcome drink กันก่อนนะคะ เป็นน้ำส้ม หวาน เย็น ชื่นใจ

ได้เวลามาเข้าห้องพักกันแล้วค่ะ ห้องพักของอิ้มวันนี้คือห้อง Cape Signature Corner Suite พื้นที่ใช้สอยขนาด 127 sq.m. พอเข้ามาถึงห้องพักก็มี Welcome fruit จานใหญ่ วางบนโต๊ะ

มาชมห้องพักกันต่อค่ะ อย่างที่บอกไปว่าห้องนี้คือ Cape Signature Corner Suite ขนาด 127 sq.m. คำแรกที่อยากจะบอกคือ กว้างมากกก คือปกติห้องธรรมดาก็กว้างอยู่แล้วแต่นี่เป็น Corner Suite ห้องยาวเชื่อมต่อกันยิ่งกว้างไปอีก ส่วนนี้เป็นห้องนั่งเล่นค่ะ

ทีวีจอใหญ่ และเครื่องเสียงแบบมินิ

ด้านนี้จะเป็นมุมตู้เย็น ชากาแฟ มินิบาร์ต่างๆ

มินิบาร์จะมีราคาบอกไว้ทุกอย่างนะคะ

 

ต่อไปจะเป็นส่วนของห้องน้ำ กว้างดีค่ะ มีอ่างอาบน้ำ แต่อาจจะดูธรรมดาไปหน่อยสำหรับห้อง Cape Signature Corner Suite นี้

ชุด amenity ค่ะ หอมมาก ถูกใจสุดๆ

ลองเปิดม่านชมบรรยากาศด้านนอกบ้างนะคะ

ด้านนอกจะเป็นระเบียงยาวมองเห็นวิวทะเลได้สุดลูกหูลูกตา

มีโซฟาเบดให้นั่งรับลมชิลๆ ด้านนอกด้วยนะคะ

ฝั่งนี้จะเป็นเตียงนอนค่ะ ขนาดกว้างมาก นอน 5 คนก็ยังไหวนะ 55555

แต่มากับเพื่อนๆ คงไม่โอเคแน่ๆ อิ้มว่าห้องนี้เหมาะสำหรับคู่รักมากกว่า

เพราะระเบียงด้านนอกเป็นอ่างจากุซซี่ขนาดใหญ่อย่างดีเอาไว้แช่นอนมองฟ้า มองทะเล

และเวลานอนแช่น้ำชมดาวของค่ำคืนนี้ก็เริ่มขึ้นค่ะ ถ้าท้องฟ้าเปิด น่าจะเห็นดาวมากกว่านี้

ทิ้งท้ายคืนแรกด้วยภาพนี้นะคะ

หลับเต็มตื่นกันแล้วตอนเช้าได้เวลามาสำรวจไลน์อาหารกันแล้วค่ะ

ห้องอาหารและบาร์ที่นี่มีด้วยกันถึง 10 ห้องอาหาร ที่ตั้งอยู่ด้านบน cape panwa  6 แห่ง และด้านล่าง Kantary bay อีก 4 แห่ง สามารถนั่งรถ Shutter bus ของโรงแรมไปได้ รถจะออกวิ่งทุกๆ 20 นาที

ส่วนห้องอาหารหลักของ Cape panwa  ก็น่าจะเป็นที่นี่ค่ะ Cafe’ Andaman

Cafe’ Andaman จะให้บริการอาหารแบบ All Day Dining ตั้วแต่เวลา 6.30 น.- เที่ยงคืน

ช่วงเช้า จะบริการอาหารที่ห้องอาหารนี้ค่ะ

มาเริ่มสำรวจกันเลย ไลน์อาหารที่นี่เยอะมาก ดูดีๆนะคะ ของอร่อยอาจจะซ่อนตัวอยู่

ด้านที่เป็นไฮไลต์ดู Amazing Thailand ก็เห็นจะเป็นมุมนี้ค่ะ มุมผลไม้

เค้ายกรถเข็นผลไม้มาตั้งดีงามมาก ผลไม้ก็มีให้เลือกหลากหลายที่สำคัญมีมะม่วงสุกด้วย อิ้มนี่เดินเพลินค่ะ

น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ร้อนๆ พร้อมเสิร์ฟ

ข้าวต้ม ข้าวสวย ข้าวผัด ยกขบวนกันมาครบ

เบคอนแบบกรอบอร่อยมากค่ะ อิ้มเดินวนอีกแล้ว 5555

ใครชอบทานติ่มซำยามเช้า ที่นี่ก็มีด้วยนะคะ

Egg station และ pancake พร้อมเสิร์ฟที่มุมนี้ค่ะ อยากทานแบบไหนสั่งได้ตามใจชอบ

มุมนี้สำหรับคนรักสุขภาพ มีผักสดๆ และน้ำสลัดหลากหลาย

ชอบน้ำผลไม้แบบไหน เลือกทานได้หมดเลยค่ะ อิ้มแอบเห็น แขกบางท่าน กดทุกสี อารมณ์ว่าทานน้ำผลไม้รวม เก๋ไปอีกแบบ

ชีสต่างๆ

มุมซีเรียลและผลไม้อบแห้ง

ยังไม่หมดนะคะ มีแฮม ไส้กรอก ต่างๆ อยู่มุมนี้ค่ะ

อาหารจานร้อน ปรับเปลี่ยนทุกวันไม่ซ้ำกัน

รองท้องเบาๆ ยามเช้า

อิ่มท้องกันแล้วมาชิลกันต่อที่ห้องนะคะ มาชมภาพบรรยากาศในห้องช่วงกลางวันกันบ้าง

ฟ้าสวยใส บรรยากาศเป็นใจ มองเห็นน้ำทะเลสีฟ้า สดใส เป็นวิวที่สวยมาก และที่สำคัญเป็นวิวที่หาชมได้จากห้อง Cape Signature Corner Suite ที่ Cape Panwa เท่านั้น

ใครกำลังมองหาที่พัก ที่โรแมนติก และราคาไม่แพง อิ้มแนะนำที่นี่นะคะ ราคาห้องนี้ ช่วง Low ไม่ถึงหมื่น

คุ้มค่า คุ้มราคาแน่นอน

ช่วงบ่ายๆ ได้เวลาของหวานกันแล้ว อิ้มจะพาไปทาน Café Kantary ตั้งอยู่ด้านล่าง ระหว่างทางก็จะผ่านสระว่ายน้ำโรงแรม ช่วงที่อิ้มมาฝนตกบ่อยค่ะ เค้าจึงพับเบาะไว้ อากาศเปลี่ยนแปลงเร็วมาก

สระว่ายน้ำค่อนข้างกว้างขวางค่ะ อ่อๆ อิ้มลืมบอกไปว่า สระว่ายน้ำที่นี่มีสองสระ ตรงนี้เป็นสระที่ 1 เดี๋ยวอิ้มจะค่อยๆพาไปชมทีละส่วนนะคะ เพราะที่นี่กว้างมาก และรายละเอียดแน่นปึ้ก

มาถึงก็รอ Shutter bus ตรงนี้นะคะ เค้าวิ่งทุุกๆ 20 นาที

แป๊ปเดียวก็มาถึงค่ะ Café Kantary ที่นี่น่ารักมาก ด้านนอกวิวสวยมองเห็นวิวทะเล

สั่งขนมและเครื่องดื่มกันแล้วก็มาเลือกที่นั่งรอ มุมนี้ดีกว่าค่ะ สวยดี

ไม่นานเครื่องดื่มของเราก็มาเสิร์ฟแล้ว แก้วซ้ายมือเป็น Caramel Macchiato Float

ส่วนอีกแก้วเป็น Strawberry Italian Soda

พระเอกมาแล้ว Chocolate Banana Toast

และ Exotic Fruit Crepe อร่อยมากๆๆ ชอบทุกเมนูของ Café Kantary ไม่เคยทำให้ผิดหวัง

อิ่มท้องกันแล้ว มาสำรวจรีสอร์ทกันต่อค่ะ ส่วนต่อไปเป็นสปา

ห้องสปาแบบแรกมีสองเตียง มีจากุซซี่ และ ซาวน่า

อีกห้องเป็นห้องนวดไทยค่ะ

สำหรับใครพาคุณลูก คุณหลานมา ก็ไม่ต้องกลัวเด็กๆ จะเหงานะคะ เพราะมี Game room ไว้บริการ

ไปสำรวจด้านล่างชายหาดกันต่อ มีรถรางไว้บริการด้วยนะคะ

ลงมาปุ๊ปก็จะเป็นชายหาดของโรงแรม กว้างและยาวพอสมควรสามารถเล่นน้ำทะเลได้ชิลๆเลย

ที่เรามองเห็นไกลๆ นั่นเป็น Jetty ของโรงแรม ตอนเช้าชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นได้สวยงามมาก

และด้านล่างนี้ยังมีห้องอาหารอีกสองห้องไว้บริการ ห้องแรกคือ ฺBamboo bar Beach เปิดให้บริการตั้งแต่ 9 โมงเช้า – หกโมงเย็น ให้บริการอาหารง่ายๆ และเครื่องดื่ม

อีกที่นึงที่เป็นไฮไลต์ ของที่ Cape panwa นะคะ หลายคนเห็นภาพแล้วร้องอ๋อกันเลยเพราะเห็นในทีวีบ่อยๆ

ที่นี่คือ Panwa House หรือ “บ้านพันวา” เรือนไม้สีขาวตั้งตระหง่านสวยงามกลางเขา เบื้องหน้าเป็นชายหาดและท้องทะเลสวยและมีความโรแมนติกมาก ละครหลากหลายเรื่องก็มักจะใช้ที่นี่เป็นสถานที่ถ่ายทำอีกด้วยค่ะ

นอกจากนั้น บ้านพันวาก็เป็นหนึ่งในร้านอาหารของ Cape panwa ซึ่งจะให้บริการเป็นอาหารไทย โดยเน้นเป็นอาหารทะเลที่ขึ้นชื่อของที่นี่ ช่วงเย็นเดี๋ยวอิ้มจะพามาชิมนะคะ เพราะเค้าเปิดให้บริการ อาหาร ตั้งแต่ 18.30- 23.00 น. และหยุดทุกวันจันทร์ค่ะ

จากภาพเห็นด้านซ้ายที่มี ศาลาเรือนเล็กๆไหมคะ ตรงนั้นจะเป็นสระว่ายน้ำที่ 2

สระว่ายน้ำที่ 2 ค่อนข้างเล็กค่ะ แต่เงียบสงบ คนไม่พลุกพล่าน ใครชอบเงียบสงบแช่น้ำชิลๆ ต้องเป็นสระที่ 2

ช่วงกลางวันแขกส่วนมาก 80 เปอร์เซนต์จะใช้เวลามาพักผ่อนที่ชายหาดด้านล่างนี้ค่ะ

แต่อิ้มขอวาร์บกลับมาแช่จากุซซี่ฟินที่ห้องดีกว่า

หนำใจกับการแช่น้ำมองวิวทะเลกันแล้ว อิ้มจะพาไปชมห้องพักอีกประเภทนะคะ ชื่อว่า Panwa Lodge เป็นบ้านสมัยก่อนเดิมเจ้าของเคยอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ เรียกว่าเป็นจุดเริ่มต้นของ Cape panwa

มองจากภาพมุมสูง Panwa Lodge จะอยู่กึ่งกลางระหว่างอาคารโซน S-Wing และ Panwa house

ไม่ติดทะเลแต่มี Pool ส่วนตัว

มาชมภายใน Panwa Lodge กันค่ะ ฝนเพิ่งจะตกลงไปพื้นอาจจะลื่นสักนิด ถ้ามาพักที่ Panwa Lodge ช่วงฝนตกควรเดินระมัดระวังนะคะ พื้นอาจจะลื่นไปหน่อย

เข้ามาด้านในแทบจะร้องว้าวเลยค่ะ ภายในสวยมากของตกแต่งทุกชิ้นเป็นของเก่า ของสะสม มีคุณค่ามาก

พอเดินจากประตูด้านนอกเข้ามาจะเป็นห้องนั่งเล่นก่อนค่ะ  

อีกมุมจะเป็นห้องครัวและโต๊ะทานอาหาร

Panwa Lodge มีด้วยกันถึง 3 ห้องนอน มาพัก 5-6 ท่านได้สบายๆค่ะ

ถึงภายในบ้านจะเป็นบ้านสมัยเก่า แต่ก็ถูกรีโนเวทโดยการผสมผสานเครื่องใช้ต่างๆทำให้ดูทันสมัยขึ้น และสะดวกกับแขกที่มาพักผ่อน สวยงามไม่ซ้ำใคร ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแขกต่างชาติถึงชอบจองห้องนี้

แล้วเย็นวันแรกก็มาถึง อิ้มออกมาเดินเล่นที่ Jetty  บรรยากาศชิลมาก และบริเวณ Jetty นี้ ก็คืออีกหนึ่งไฮไลต์ที่ใครไปใครมาจะต้องแวะแชะภาพที่นี่เสมอๆ อิ้มว่าตรงนี้ขนาดไม่รอพระอาทิตย์ขึ้นยังสวยมากเลย

มองจาก Jetty ไปที่ Panwa house

อาหารเย็นวันนี้ อิ้มมาทานที่ Panwa house ค่ะ ช่วงเย็นวันนี้มีแขกที่จองโรแมนติกดินเนอร์เข้ามาด้วย สวยและโรแมนติกมากกกก

ราคาก็มีตั้งแต่ 9,000 ++ ถึงราคา 13,000 ++

กลับมาสู่ความเป็นจริงของอิ้มกันต่อ panwa house ในเวลาค่ำคืนสวยงามมาก ในช่วงไฮซีซั่น จะมีบุตเฟ่ต์อาหารไทยและมีการละเล่นแบบไทยๆ เป็นการทานอาหารไทยพร้อมมีโชว์แบบไทยๆน่าสนดีค่ะ

ทานเครื่องดื่มรอก่อน

อย่างที่บอกไปค่ะ ว่าที่ Panwa House จะให้บริการอาหารโดยจะเป็นอาหารไทยโดยใช้อาหารทะเลเป็นหลัก จานแรกที่จะมาแนะนำให้ทานคือ “กั้งน้ำปลาหวาน” กั้งตัวโตและสดมาก ทานเข้าไปรับรู้ถึงความสดแต่หวานของกั้งราดน้ำปลาหวานเบาๆเข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ จานนี้ราคา 450 บาท รวมภาษีและเซอร์วิสชาร์ตเรียบร้อยค่ะ

ต่อมาเป็นฉู่ฉี่กุ้ง แค่เสิร์ฟมาก็หอมเครื่องแกงมาก ฉู่ฉี่กุ้งจานนี้ก็อร่อยเริ่ด ราคา 260 บาท รวมภาษีและเซอร์วิสชาร์ตแล้วเช่นกันค่ะ

จานนี้ต้องยกนิ้วให้เลยนะคะ ปลากระพงต้มยำแห้ง คือดีมาก สัมผัสรสชาติต้มยำได้ชัดเจนเข้มข้นกว่าต้มยำที่เป็นน้ำเยอะเลยค่ะ ถ้าคู่กับปลากระพงที่ทอดกรอบมาแล้วยิ่งอร่อยมาก นาทีนี้ต้องขอข้าวเปล่าเลยค่ะ ราคาจานนี้อยู่ที่ 340 บาทรวมภาษีและเซอร์วิสชาร์ตแล้วเช่นกัน

ทานของคาวกันแล้ว ทานหวานกันหน่อย ตบท้ายด้วยข้าวเหนียวมะม่วง ราคา 180 บาทค่ะ

จะบอกว่า อาหารที่นี่อร่อยทุกอย่างอาหารทะเลสด และยังปรุงได้ถึงเครื่องรสชาติอาหารไทยแท้ๆซึ่งปัจจุบันหาทานได้ยากมาก ถ้ามาภูเก็ตอิ้มแนะนำมาทานนะคะ ไม่ได้พักก็มาทานได้ โทรมาจองได้เลย ไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ อิ่มท้องแล้วก็ได้เวลานอนเช่นเคย พรุ่งนี้อิ้มจะตื่นเช้ามาชมพระอาทิตย์ขึ้นค่ะ

ได้เวลาเสียงนาฬิกาปลุกดังตอนตีห้า วิถีบล็อกเกอร์ จริงๆแล้วอิ้มตื่นก่อนนาฬิกาปลุกซะอีก 555 เช้านี้ก่อนชมพระอาทิตย์ขึ้น อิ้มจะพาไปชมห้องพักอีกประเภทเป็น Pool Villa ของที่นี่ค่ะ

Pool Villa ที่นี่มี 6 หลังหลังที่พาไปชมคือหลังที่ 6 ความพิเศษของหลังนี้ก็คือ จะชมวิวทะเลได้สวยงามมากกว่าหลังอื่น ภายในมีสองห้องนอนกว้างขวางเข้ามาจะเป็นห้องนั่งเล่นก่อนค่ะ ตั้งกลางระหว่างห้องนอนสองห้องนอน

ห้องแรกจะเป็นเตียง Twin ค่ะ มองเห็นวิวทะเลเหมือนกัน

อีกห้องเป็นห้องนอนหลัก ชมวิวทะเลได้เช่นกัน พักห้องนี้อยู่ตรงไหนก็เห็นทะเล

Pool ห้องนี้จะอยู่ด้านข้างค่ะ ขนาดพอดีๆ

ได้เวลามาชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ Jetty แล้วค่ะ เสียดายที่ฟ้าไม่เคยเปิดแต่ก็ยังสวยอยู่ดี ด้านนี้ส่วนมากก็จะมีคนมาถ่าย Pre wedding มากพอสมควร ก็วิวสวยขนาดนี้เป็นอิ้ม อิ้มยังอยากถ่ายเลยค่ะ 5555

เรื่องอาหารเช้าก็ข้ามไปเลยนะคะ เพราะไลน์คล้ายๆกัน อิ้มก็เดินวนไปวนมาตักอยู่รอบสองรอบเสร็จสรรพ ก็มารอถ่ายภาพมุมสูงให้ชมกัน ด้านนี้จะมองเห็นโซนที่พักเกือบทั้งหมดค่ะ

Pool villa กับน้ำทะเลสีสดใส

บริเวณ Jetty มองจากด้านบนนี้เป็นมุมที่สวยมาก อาคารที่อยู่ริมทะเลซ้ายมือ นั่นก็คือโซน E-wing เป็นโซนที่อิ้มพัก ห้อง Cape signature corner suite มุมสุดด้านขวามือ

บริเวณ Panea House ค่ะ

กลัมาที่ด้าน Main Pool บ้าง

ช่วงค่ำอิ้มจะพาไปชมห้องพักอีกประเภท  ยอมรับว่าที่นี่มีห้องพักหลากหลายประเภท จริงๆ

The Absolute Suite เป็นห้องพักที่ดีที่สุด แพงที่สุดของ cape panwa นะคะ

The Absolute Suite พื้นที่ 530 sqm เป็นห้องพัก ที่หรู อลังการ เวอร์วังมาก เป็นพูลวิลล่าที่มีสระน้ำใหญ่ เป็น Duplex สองชั้นมีลิฟท์ส่วนตัว ภายในมีสองห้องนอน หนึ่งห้องนั่งเล่น หนึ่งสระว่ายน้ำ และมีห้องซาวน่าและสปาส่วนตัว ส่วนแรกเป็นห้องนั่งเล่นค่ะ วิวอลังการมาก

ใครพักที่ The Absolute Suite นี้จะมี บัตเลอร์ส่วนตัวไว้บริการ 24 ชม และยังทานอาหารเช้าได้ที่นี่ไม่ต้องลงไปข้างล่างให้เมื่อยด้วย ดีไหมล่ะคะ

ห้องนอนแรกค่ะ สวยมากกกก ถ้าอากาศดีๆเราสามารถชมพระอาทิตย์ตกได้จากบริเวณห้องนี้ค่ะ

ภายในห้องน้ำ เวอร์วังที่สุด

มาชมห้องนอนที่ 2 ค่ะ สวยงามไม่แพ้กันเลย

ห้องนอนที่ 2 ห้องน้ำกว้างขวางมาก

ห้องสปาและซาวน่าส่วนตัว คือจะไม่ให้ออกไปไหนเลยใช่ไหมคะ ??? 5555

Pool ส่วนตัว กว้างขวาง ว่ายน้ำชมวิวได้เพลินมาก

ช่วงเย็นวันที่ 2 อิ้มมาทานอาหารที่ Top of the reef ค่ะเป็นห้องอาหารฝรั่งเศส ถ้าจะเข้ามาทานอาหารควรแต่งตัวให้สุภาพเรียบร้อยด้วยนะคะ

ที่นั่งมี 2 โซนทั้งด้านนอกและด้านใน แต่อากาศอึมครึมมาก มานั่งด้านในดีกว่าค่ะ

ภายในยังมีห้องอาหารยังมีบาร์ชื่อ  Otter’s Bar ด้วยเป็นบาร์ที่มีนักเปียโนสาวสวยเล่นเพลงเพราะๆ จิบไวน์ไป ฟังเพลงเพราะๆ ชมวิวทะเล สวยๆ ไม่มีอะไรจะฟินไปกว่านี้อีกแล้วค่ะ

กลับมาที่โซน Top of the reef นะคะ วันนี้อิ้มทานอาหารเป็น course เชฟจะเสิร์ฟมาทีละอย่าง

จานแรกเป็น starter ทานก่อนทานอาหารค่ะ

จานต่อมาก่อนจานหลักค่ะ

 GRATIN D’ASPERGES VERTES ET COQUILLES ST. JACQUES,SAUCE HOLLANDAISE

หรือ

Gratinated green asparagus and scallops,Hollandaise sauce

ต่อมาเป็นจานหลักแล้วนะคะ

GAMBAS AU BASILIC ET AIGRE DOUX

หรือ

Saute tiger prawns with sweet basil sauce

จานหลักอีกจานนะคะ

NOIX D’ENTRECôTE MARCHAND DE VIN

หรือ

Rib eye steak with red wine sauce นั่นเองค่ะ

ต่อกันด้วย dessert นะคะ

จานนี้พิเศษมากเพราะเชฟจะมาทำให้ทานที่โต๊ะเลย เป็น CREPES SUZETTE

หรือ pancakes flambé with vanilla ice cream

หนึ่งในเมนูของหวานที่หลายๆท่านอาจเคยลิ้มลองมา ชื่อที่อาจไม่คุ้นหูเท่าไหร่นัก แต่วิธีการทำและเสิร์ฟนั้นให้ความสนุกสนานเพลิดเพลินและจับใจ “Crêpe Suzette” ภาษาไทยเรียกว่าเครปซูเซตต์

Crêpe Suzette คือเครปที่เสิร์ฟโดยโรยน้ำตาล จากนั้นราดเหล้ากรองมาร์เนียร์ (Grand Marnier) แล้วจุดไฟ หลังจากนั้นใส่น้ำส้มสดๆจากผลส้มเลยค่ะ

ทานคู่กับไอศครีม จานนี้อร่อยมาก

และ SOUFFLÉ AU CHOCOLAT

หรือ Chocolate soufflé

สุดท้ายเป็น Chocolate homemade  ค่ะ

ระหว่างทางกลับขึ้นห้องอิ้มจะพาไปชมห้องพักอีกประเภทนึงซึ่งเป็นประเภทสุดท้ายที่อิ้มได้เข้าถ่ายภาพ นั่นก็คือ Cape Suite พื้นที่ใช้สอย 78 sq.m. ด้านนอกมีอ่างจากุซซี่ด้วยนะคะ

ก่อนกลับวันสุดท้าย อิ้มเดินทางกลับตอนค่ำหลังเช็คเอาท์ ก็เลยใช้เวลาช่วงบ่ายอยู่ที่ฟิตเนส

และ Cape lounge  จะมีคอมพิวเตอร์ ขนม ชา กาแฟ ไว้บริการ สำหรับแขกที่เดินทางกลับไฟล์ทช่วงค่ำและดึก ถ้าไม่รู้จะไปรอที่ไหน มานั่งรอที่นี่ได้ค่ะ

ช่วงค่ำก่อนกลับ อิ้มมาทานบุฟเฟ่ต์สเต็ก ราคา 900++ ที่ Cafe’ andaman ให้บริการเฉพาะวันศุกร์ ตั้งแต่ 1 ทุ่มถึง 4 ทุ่ม

ใครชอบทานสเต็ก ทานเนื้อ แนะนำเลยค่ะ

Rib eye,Tender loin,Sirloin มาครบ สวรรค์ของคนรักเนื้อจริงๆ

ด้านนี้เป็นโซนพาสต้าค่ะ ชอบแบบไหนสั่งได้เลย

อาหารจานร้อนที่ปรุงสุกแล้วก็มีหลากหลายเมนูให้เลือกทานนะคะ ราคานี้น่าคบหามากเพราะปกติแค่เราทานเสต็กจานนึงก็หลายบาทแล้วนี่ทานได้ถึง 3 ชม ไม่คุ้มก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วนะคะ

พอเราสำรวจไลน์อาหารและเลือกเนื้อเสร็จแล้ว ก็นำมาให้เชฟตรงนี้ค่ะ เชฟจะแจ้งเลยว่าเนื้อของเราจะกริลกี่นาที

ระหว่างรอก็ตักซอสไปพลางๆก่อน

ได้ครบแล้วขอทานก่อนนะคะ

สุดท้ายก่อนกลับ ตรงที่จอดรถจะเป็น The lighthouse เป็นบาร์ที่ให้บริการถึง ตีหนึ่งเลย ใครอยากนั่งชิลๆ เพลินๆ มานั่งต่อที่นี่ได้เลยค่ะ

อิ้มขอส่งความสุขด้วยภาพสุดท้ายของรีวิวนี้ด้วยภาพ The lighthouse นะคะ

สุดท้ายก่อนจะจากกันขอสรุปข้อดีข้อเสียของCape panwa แห่งนี้กันก่อนนะคะ

ข้อดี

1 รีสอร์ทสวย มีห้องพักหลากหลายประเภท เหมาะกับการเข้าพักแบบครบครัว เพื่อนฝูงและคนรัก

2.ภายในโรงแรมกว้างขวาง มีร้านอาหารหลากหลายแบบไว้บริการ

3.ภายในรีสอร์ทเงียบสงบดีค่ะ

4.อาหารอร่อย

5.อิ้มชอบบ้านพันวาเป็นพิเศษค่ะเพราะสวย และโรแมนติก อาหารก็อร่อย

ข้อเสีย

1 . ถนนด้านหน้าทางเข้าค่อนข้างแคบและชันถ้าขับรถไประมัดระวังสักนิดนะคะ

ก่อนรีวิวนี้จะจบลง ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามจนมาถึงบรรทัดนี้ ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ ขอบคุณทุกไลค์ ขอบคุณทุกแชร์ เป็นกำลังใจที่ดีในการทำรีวิวมากเลยค่ะ ถ้าชอบก็ฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยค่ะ อัพเดทเรื่องกิน เช็กอินเรื่องเที่ยว ได้ที่นี่ psstory เรื่องราวดีๆในการเดินทาง แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้านะคะ สวัสดีค่ะ