สวัสดีค่า พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆทุกท่าน
วันนี้อิ้มจะพาทุกท่านมาเที่ยวทะเลกันอีกแล้วจ้า ช่วงอินทะเลเป็นพิเศษ 555 แต่วันนี้พาไปไม่ไกลมากใกล้กรุงนิดเดียว นิดเดียวจริงๆ ที่อิ้มจะพาไปวันนี้นั่นก็คือ เกาะสีชังจ้า
เกาะสีชัง เป็นสถานที่พักตากอากาศที่มีชื่อเสียงมานานนับร้อยปีจนถึงปัจจุบัน มีบรรยากาศที่สงบเงียบ มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงาม เป็นเกาะที่น่าท่องเที่ยวในบรรยากาศแบบท้องถิ่น ซึ่งการมาเกาะสีชังเรียกว่า ไม่ยากเลยค่ะ นั่งเรือข้ามเกาะมาแว้บเดียวเท่านั้น เกาะสีชังเป็นท้องที่ ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์
เพราะเป็นสถานที่ประทับของพระเจ้าแผ่นดินถึง 3 พระองค์ คือ รัชกาลที่4 รัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6
ซึ่งมีหลักฐานปรากฏจากพระนามาภิไธย หลายแห่ง และ รัชกาลที่ 5 ทรงโปรดเกล้าฯ
ให้สร้างพระราชฐานบนเกาะขึ้นเป็นแห่งแรก เพื่อเป็นสถานที่ประทับในฤดูร้อน และพระราชทานนามว่า พระจุฑาธุชราชฐาน ตามพระนามพระราชโอรสที่ประสูติบนเกาะสีชังแห่งนี้อีกด้วยค่ะ
นอกจากเรื่องราวในประวัติศาสตร์ที่สำคัญแล้วนั้น บนเกาะสีชังยังมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายจุด ให้น่ามาพักผ่อน และมาเช็คอินด้วยนะคะ
การมาพักผ่อนครั้งนี้อิ้มมาพักที่ Somewhereเกาะสีชัง โรงแรมน้องใหม่ในเครือ Cape & Kantary Hotels Somewhere เกาะสีชังเป็นโรงแรมที่เปิดใหม่เอี่ยมอ่อง เมื่อกลางปีนี้เอง จะบอกว่าที่พักน่ารักมาก ถูกใจอิ้มจริงๆ
แล้วถ้าทุกท่านมาถึงเกาะสีชังแล้ว คิดไม่ออกว่าจะไปเที่ยวยังไง ??? ขับรถเที่ยวได้ไหม ????
รีวิวนี้ อิ้มจะหาคำตอบให้คุณค่ะ
ติดตามข่าวสารจาก Somewhere เกาะสีชัง ได้ที่นี่นะคะ
https://www.facebook.com/capekantaryhotels/
และขอฝากอีกหนึ่งช่องทางในการร่วมพูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์การท่องเที่ยว
บ้านหลังเล็กๆอีกหนึ่งหลังของ อิ้ม ด้วยนะจ้า
https://www.facebook.com/psstorytrip
ถ้าอยากดูแบบคลิปสั้นๆ เค้าก็มีมาให้ดูนะจ๊ะ อย่าลืมปรับภาพเป็น HD เพิ่มความแจ่มในการรับชมจ้า 😀
เกาะสีชัง เป็นเกาะที่ตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี ตัวเกาะจะห่างจากฝั่งประมาณ 12 กิโลเมตร
จริงๆ วันเดียวก็เที่ยวเกือบครบนะคะ แต่จะให้ดีต้องอยู่เที่ยวสัก 2 คืน 3 วัน เพราะจะได้ซึมซับกับบรรยากาศของที่นี่ได้อย่างจุใจ
การเดินทางมาที่เกาะสีชังก็มีอยู่ว่า
ถ้ามาโดยรถยนต์ส่วนตัว ใช้เส้นทางสายสุขุมวิท ผ่านหน้าที่ว่าการอำเภอศรีราชาไปจนพบสี่แยกวังหิน จะพบป้ายไปเกาะสีชังทางขวามือ ให้เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนสุรศักดิ์ 2 ตรงไปจนพบหอนาฬิกา แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ ถนนเจิมจอมพลถึงซอย 14 ซึ่งเป็นซอยแคบ ปากซอยมีป้ายเล็กๆ ชี้เข้าสู่ชุมชนชาวทะเลที่มีชื่อว่า
“ท่าเรือจรินทร์”
สามารถนำรถเข้าไปจอดได้ยังที่รับฝากรถซึ่งอยู่บริเวณท่าเรือ ค่าบริการสำหรับการจอดรถชั่วคราว 50 บาท และสำหรับการจอดค้างคืน 100 บาท
หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่า
ทำไมต้องท่าเรือจรินทร์ เมื่อครั้งก่อนที่ฉันไปยังเป็นเกาะลอยอยู่เลยอ่ะ ???
เข้าใจถูกต้องแล้วค่ะ เพราะว่าตอนนี้เกาะลอยปิดปรับปรุง จะเปิดทำการอีกทีก็เห็นจะเป็นช่วงปีหน้าค่ะ
แต่ถ้าใครมาพักที่ Somewhere เกาะสีชัง เราก็สามารถนำรถยนต์ไปจอดที่โรงแรม Kantary Bay ศรีราชาก็ได้ จากโรงแรมจะมีรถบริการไปส่งที่ท่าเรือด้วยค่ะ
ส่วนใครมาชิลๆ แบบแบกเป้โดยรถโดยสารประจำทางมา ก็สามารถขึ้นรถโดยสารที่สถานีขนส่งเอกมัย มีทั้ง รถธรรมดา และรถปรับอากาศ นั่งไปลงที่ศรีราชานะคะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 – 2 ชม. เมื่อถึงศรีราชาแล้วไปลงเรือที่ท่าเรือ ศรีราชา ซึ่งมีเรือโดยสารให้บริการตลอดทั้งวัน เมื่อถึงศรีราชาแล้ว ต่อรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างค่าบริการประมาณ 15 บาท หรือรถตุ๊ก ๆ ซึ่งคิดค่าบริการประมาณ 30 บาท ไปลงเรือที่ท่าเรือจรินทร์
หลังจากนั่งเรือราวๆ 45 นาทีก็จะถึงเกาะสีชัง ซึ่งเราสามารถติดต่อโรงแรม Somewhere
ให้เตรียมรถสกายแลบมารับได้ (ให้ติดต่อที่ Lobby ที่โรงแรมKantary ศรีราชาได้เลยจ้า)
และการเดินทางต่อในเกาะสีชังล่ะ ??
ที่นี่เป็นสถานที่เริ่มต้นการเดินทางด้วยรถสามล้อเครื่องหรือ “สกายแล็ป“
(รถที่คล้ายรถตุ๊ก ๆ แต่มีขนาดกว้าง และยาวกว่า)
สามารถเช่าไปยังจุดอื่น ๆ บนเกาะสีชัง ราคาเหมาวันละ 300 มีคนขับให้ด้วยจ้า
แต่สำหรับสายแข็งอย่างอิ้ม เช่ามอไซค์ดีกว่าค่ะ เหมาวันอยู่ที่ 300 บาท แว้นซ์ได้รอบเกาะ
มาถึงแล้วอิ้มก็นำสัมภาระไปฝากไว้ที่ Lobby โรงแรม เพราะยังไม่ถึงเวลาเช็กอิน แล้วก็เริ่มออนทัวร์บนเกาะ
สิ่งแรกที่มาถึงก็ควรจะมาไหว้พระขอพร ที่ ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของเกาะสีชังค่ะ
หลังจากเคารพสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็แว้นซ์กันต่อมาที่ หาดถ้ำพังซึ่งแต่ละจุดไม่ไกลกันมากขับถึงกันได้สบายค่ะ
ทะเลและท้องฟ้าเป็นของคู่กัน เหมือนฉันกับเธอ ฮิ้วววว เน่าไหมคะ อย่าเพิ่งอ้วกนะ 5555
มาตัดความเลี่ยนกันดีกว่า ช่วงชายหาดของหาดถ้ำพังก็มีเก้าอี้ชายหาดเรียงรายเต็มไปหมด อารมณ์เดียวกับแถวพัทยา แต่ไม่เยอะขนาดนั้น
เมนูอาหารก็ทั่วๆ ไป ราคาไม่แรงค่ะ คุยกันได้
จานแรกก็ “หอยนางรมสด” น้ำจิ้มซีฟู้ดอร่อย แซ่บ ผ่านค่ะ
“ส้มตำไทย” แปลกนะ มาทะเลทีไร ลงท้ายด้วยส้มตำทุกที
ไม่หรอก จริงๆแล้ว ส้มตำเป็นอาหารที่ทานง่าย แถมอร่อยด้วย ใครคิดเหมือนอิ้มยกมือขึ้น ฮิ้ววว หาพวกสุดๆ
“ทอดมันปลากราย” ชิ้นหนาเบิ้มและพองตัว ข้างในเนื้อแน่นปึ้ก คือตอนแรกอิ้มคิดว่า ทอดมาใหม่คงยังร้อน เดี๋ยวหายร้อนก็จะฟีบไปตามกาลเวลา แต่นี่ไม่เลย ยังพองตัว เพราะเนื้อข้างในแน่นจริงๆ ดีงามมากก
สุดท้าย ข้าวผัดปูจานใหญ่ 150 บาท จำราคาได้อย่างเดียว 5555
อิ่มท้องกันแล้วเดินทางกลับที่พักกันก่อนดีกว่าเพราะได้เวลาเช็กอินแล้วแหละ
แต่น แตน แต๊นนนนนน มาถึงแล้ว ที่พักสุดเก๋ของอิ้มในวันนี้ ที่นี่ก็คือ Somewhere เกาะสีชัง ที่นี่เพิ่ง เปิดให้บริการเมื่อ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมานี่เอง โรงแรมนี้เป็นโรงแรมขนาดเล็กมีห้องพักอยู่ 20 ห้อง แต่คุณภาพไม่เล็กนะจ๊ะเพราะเป็นหนึ่งในเครือ Cape & Kantary Hotels
อาคารหลังแรกที่เราจะมาถึงจะเป็น Lobby และห้องอาหารหลักค่ะ เดี๋ยวช่วงค่ำๆจะพาไปดูด้านในกันจ้า
Somewhere เกาะสีชัง ตกแต่งด้วยโทนสีหลักคือ ฟ้า ขาว น่ารักกรุบกริบ
ส่วนของอาคารที่พักจะอยู่ด้านขวามือ คืออาคารหลังใหญ่ หลังเดียว อ้อๆ ที่นี่ไม่ลิฟท์นะคะ
เพราะมีอยู่แค่สองชั้น
แล้วก็มาถึงห้องพักค่ะ ภายในน่ารักมากกกก ยังคงโทนสีขาวฟ้า และเพิ่มเติมเฟอร์นิเจอร์ต่างๆเป็นไม้ ทำให้สีต่างๆภายในห้องสวยงาม ลงตัว
ห้องพักของที่ Somewhere นี้จะเป็นแบบ Deluxe เหมือนกันทั้ง 20 ห้อง ซึ่งจะมีทั้งห้อง Twin และ Double และจะตกแต่งต่างกันนิดหน่อยทุกห้องมีระเบียงออกไปด้านนอกเหมือนกันหมดค่ะ
ชุด Amenities เป็นผลิตภัณฑ์เดียวกับที่ใช้ในเครือ Kantary นะคะ แอบชอบ Body lotion เป็นการส่วนตัว
ภายในห้องน้ำค่ะ ขนาดปกติ แบ่งแยกส่วนแห้งและเปียกได้ดี
ก่อนไปชมห้องแบบอื่นๆ แว้บมาทานอาหารกลางวันก่อนนะคะ มื้อกลางวันเราทานอาหารแบบง่ายๆ ที่ โรงแรมเลยที่ห้องอาหาร The Verandah Restaurant ห้องอาหารหนึ่งเดียวของที่นี่ ที่เปิดบริการตั้งแต่เช้า ถึง 5 ทุ่ม และเปิดบริการให้กับแขกด้านนอกด้วย จะบอกว่าราคาอาหารที่นี่ถูกมากๆ เลยค่ะ อาหารจานเดียว 80 บาทก็ทานได้แล้ว พวกสเต็กก็อยู่ที่จานละ 200 กว่าๆ ถือว่าราคาน่าคบทีเดียว
ที่อิ้มสั่งก็จะมี “ยำเนื้อย่าง” แอบติงเล็กๆ ว่า ปกติเวลาทานยำ อิ้มจะไม่ค่อยชอบให้ยำใส่แตงกวา ไม่รู้คนอื่นเป็นเหมือนอิ้มไหม หรือรู้สึกไปเอง 555 ส่วนตัวอิ้มว่ากลิ่นแตงกวาแรง ทำให้กลบกลิ่นเนื้อและกลิ่นมะนาว
แต่รสชาติ แซ่บแล้วค่ะ จานที่สองเป็น“กะเพราเนื้อสับ” และจานสุดท้าย ทีเด็ดเลย
“เนื้อย่างเสียบไม้ เสิร์ฟพร้อมข้าวผัดเนย”
ดูกันชัดๆ จานนี้อร่อยค่ะ เชฟกริลเนื้อมากำลังดี ทานกับข้าวผัดเนย หอมๆ หลงรักจานนี้เข้าอย่างจัง
จานนี้ถ้ามาพักต้องสั่งนะคะ
สุดท้ายยยย มื้อบ่าย “ฮันนี่โทสต์” ขนมปังกรอบกำลังดี หอมเนยเบาๆ ฟินยาวไปค่ะ
เดี๋ยวพามาเดินย่อยกันก่อนด้วยการพาไปชมห้องพักแบบอื่นกันบ้างค่ะ ห้องแรกจะเป็นห้องเป็นแบบ Double
แบบ Twin
ทุกห้องคง Concept ความน่ารักไว้แบบจัดเต็ม และห้องพักทุกห้องจะมีระเบียงให้ สามารถออกไปนั่งชิลเพลินๆ รับลมเย็นๆได้ด้วยค่ะ
ได้เวลาออกมาแว้นนนซ์กันต่อ สถานที่ต่อไป น่าจะคุ้นหู คุ้นตากันเป็นอย่างดี อาจจะเห็นในละครทีวี
มาถ่ายทำหลายๆเรื่อง ที่นี่ก็คือ
พระราชวังจุฑาธุชราชฐาน
พระราชวังฤดูร้อนบนเกาะเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย ซึ่งภายในก็มีพระที่นั่ง 4 องค์ พระตำหนัก 14 หลัง ศาลา 1 หลัง ภายในบริเวณมีภูมิทัศน์ที่งดงาม สวยงามมากค่ะ
และอีกหนึ่งไฮไลต์ ของที่นี่ นั่งก็คือ สะพานอัษฏางค์ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าๆ อิ้มจะมาถ่ายภาพใหม่ เพราะเริ่มจะเย็นมากแล้ว อิ้มจะไปเที่ยวสถานที่สำคัญอีกแห่งบนเกาะสีชังกันต่อ
ถึงแล้วค่ะ มาชมแสงสุดท้ายของวันที่ จุดชมวิวช่องเขาขาด จริงๆ ช่วงพระอาทิตย์ตกที่นี่สวยงามมาก
แต่เห็นทีอิ้มคงต้องกลับมาใหม่แล้วค่ะ เพราะวันนี้ฟ้าปิดสนิท 5555
ไม่ได้อะไรก็กลับมาที่โรงแรมกันดีกว่าค่ะ ถึงในช่วงเวลาทไวไลท์พอดี ถ่ายภาพสิคะ รออะไร 😀
ตัวอาคารห้องพักค่ะ
อีกจุดนึงภายในโรงแรมที่ยังไม่ได้พามาชม ก็คือ สระว่ายน้ำ
ใช่แล้ว ถึงโรงแรมที่นี่จะขนาดเล็ก แต่ก็ยังมีสระว่ายน้ำไว้บริการด้วย ดีงามจริงๆค่ะ
สระว่ายน้ำขนาดไม่ใหญ่เล่นได้พอดี แต่เด็กควรมีผู้ปกครองดูแลนะคะ เพราะตรงนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำค่ะ
กลับมาที่ส่วนของ Lobby ค่ะ
Lobby ขนาดกะทัดรัด
ตกแต่งสบายๆ
ถัดมาที่ห้องอาหาร THE VERANDAH RESTAURANT มีที่นั่ง โซน Outdoor ด้วยค่ะ
ภายในห้องอาหาร มีโต๊ะไม่มาก แต่รองรับแขกได้พอดี
พอเข้าโรงแรมแล้วไม่อยากออกไปไหนเลย เพราะพักผ่อนที่โรงแรมสบายใจมาก เหมาะสำหรับการมาเที่ยวพักผ่อนมากๆ
มาเริ่มกันที่อาหารเย็นจานแรกกันดีกว่าค่ะ
“Penne Al’Aglio-E_Olio”
เพนเน่ผัดน้ำมัน เบคอน กระเทียม พริกไทย ส่วนตัวอิ้มชอบสไตล์นี้อยู่แล้ว จานนี้อร่อยมากค่ะ
มาที่นี่จะพลาด Pizza ได้อย่างไร Pizza หน้าแซลมอนรมควัน เป็นแป้งบางกรอบ
พิซซ่าชุ่มฉ่ำไปด้วยชีส Topping ด้วยเนื้อแซลมอนรมควันและไข่แซลมอน อร่อยมากค่ะ กัดคำไหนแซลมอนตรงนั้น
จานนี้เป็น Pork chop ทานคู่กับซอสเห็ดค่ะ
จานสุดท้ายเป็น ฟิชแอนด์ชิฟ เนื้อปลากรอบนอก นุ่มใน
ทานคู่กับ ทาร์ทาร์ซอส อร่อยจริงจังเลยค่ะ
ปิดท้ายด้วยไอศกรีมโฮดเมด รสชาตที่โปรดปราณ อย่าง Rum raisin และ strawberry yogurt
อิ่มแล้ว นอนได้ค่ะ
เช้านี้อิ้มตื่นเช้าสักหน่อย ขับมอเตอร์ไซค์กลับมาที่ สะพานอัษฏางค์ เพื่อรอชมพระอาทิตย์ขึ้น แต่เมื่อคืน ฝนตกหนัก เกรงว่าอาจจะไม่เห็นพระอาทิตย์ค่ะ
บางทีพระอาทิตย์ก็ใจร้ายกับอิ้มมากนะ ไม่เจอกันเลยทั้งเช้าและเย็น 5555
กลับมาที่ สะพานอัษฏางค์ กันค่ะ เป็นสะพานที่สวยงาม จริงๆ
ถึงแม้พระอาทิตย์จะไม่ออกมาให้อิ้มเห็น แต่ทุกวันในตอนเช้า อิ้มมักจะเห็นแสงที่สาดส่องออกมาจากท้องฟ้า ทำให้อิ้มรับรู้ว่า ทุกๆวัน คนเราสามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ
ไม่พบกับพระอาทิตย์ เราก็มาทานอาหารเช้ากันดีกว่าค่ะ เปลี่ยนอารมณ์เร็วไหม 5555 😀
มื้อเช้าบางวันจะมีไลน์อาหารเช้าค่ะ แต่วันที่อิ้มไป จะมีแบบสั่งจากเมนูแทน แต่ก็สั่งได้แบบไม่อั้นนะคะ
รับรองอิ่มท้องแน่
เริ่มที่ ครัวซองต์ค่ะ ที่นี่ครัวซองต์อร่อยมาก
เมนูไข่ ต่างๆ
ข้าวต้มก็มีทั้ง หมู ไก่ และกุ้งนะคะ
ข้าวผัดก็มาด้วย เอาสิ
ผัดเส้นหมี่ใส่เต้าหู้กับไข่
ฟรุตสลัด ตบท้ายค่ะ
อิ่มหนำสำราญในยามเช้า อาหารแน่นมาก ซึ่งถือว่าคุ้มค่า ราคาห้องพักก็ถูก ดี๊ดี อะไรอย่างนี้
เห็นไหมคะ ฟ้าหลังฝนสวยงามเสมอ ปลอบใจตัวเอง 5555
แต่เวลาท้องฟ้าสีสวยแบบนี้ ตัดกับสีที่พักแบบนี้ สวยงาม สดใส เหมือนซานโตรีนี่เลยค่ะ
เวลาผ่านไปผ่านมาอย่างรวดเร็ว แล้วก็ถึงเวลาเย็นค่ำ อิ้มก็มาฝากท้องไว้ที่ โรงแรมเช่นเคย
แต่เย็นวันนี้ลองทานอาหารไทยกันบ้างดีกว่า
จานแรก “ไก่ผัดเม็ดมะม่วง”
“ผัดไทห่อไข่กุ้งสด“
“แกงเขียวหวานเนื้อ“
สุดท้าย “ต้มยำกุ้ง“ค่ะ
สุดท้ายก่อนจะจากกันขอสรุปข้อดีข้อเสียของฺ Somewhere เกาะสีชัง แห่งนี้กันก่อนนะคะ
ข้อดี
1 ถึงที่นี่จะเป็นโรงแรมขนาดเล็กแต่เวลาที่มาพักผ่อนรู้สึกให้ความสะดวกสบาย
อบอุ่นมากเหมือนพักผ่อนอยู่บ้านค่ะ
2.ที่พักน่ารักมากกก มีมุมถ่ายรูปน่ารักๆ น่าจะถูกใจสาวๆค่ะ
3 อาหารอร่อย
4. พนักงานให้บริการดี
ข้อเสีย
1 . ที่พักไม่ติดทะเลค่ะ
ก่อนรีวิวนี้จะจบลง ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามจนมาถึงบรรทัดนี้ ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ ขอบคุณทุกไลค์ ขอบคุณทุกแชร์ เป็นกำลังใจที่ดีในการทำรีวิวมากเลยค่ะ ถ้าชอบก็ฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยค่ะ อัพเดทเรื่องกิน เช็กอินเรื่องเที่ยว ได้ที่นี่ psstory เรื่องราวดีๆในการเดินทาง แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้านะค๊าา สวัสดีค่ะ