ไม่ว่าจะผ่านไปอีกกี่วัน กี่เดือน กี่ปี เส้นทางของนักเดินทาง มีมากมายไม่รู้จักจบสิ้น มีสถานที่มากมายให้คนชอบเที่ยวอย่าง psstory ได้เดินทางไปค้นหา ทริปนี้จึงเริ่มต้นขึ้น ครั้งนี้ psstory จะไปทุกท่านไปอิ่มเอมกับเมืองที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมและยังเป็นเมืองในฝันของใครหลายๆคน จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจากที่นี่เลยเชียงใหม่ ดินแดน ล้านนา ดินแดนแห่งอารยธรรม ซึ่งปัจจุบัน อาจจะเปลี่ยนแปลงไปบ้างตามกาลเวลา      แต่นั่นไม่ได้ทำให้เสน่ห์ของเชียงใหม่ลดน้อยลงไปเลย ผู้คนที่น่ารัก รอยยิ้มที่ไม่คุ้นตา ทำเอาอบอุ่นหัวใจไม่ใช่น้อย เป็นอีกทริปที่มีความสุขมากจริงๆค่ะ อ่อๆๆ ที่สำคัญอีกไม่กี่วันก็จะหมดปีอีกแล้วนะคะ ปีเก่าผ่านพ้นไป ปีใหม่ก็กำลังจะคืบคลานเข้ามา psstory ขอมอบความสุขเล็กๆน้อยๆ ผ่านภาพถ่ายไว้กับรีวิวนี้นะคะ  ดั่งสวรรค์บนผืนดิน@ปานวิมานรีสอร์ทแอนด์ สปาเชียงใหม่ แอบกระซิบว่า รีวิวนี้จะพาไปชมประเพณี      หรือ การจุดประทีปที่แสนจะงดงาม ณ วัดพันเตา

                         ขอฝากอีกหนึ่งช่องทางในการร่วมพูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์การท่องเที่ยว                                                                    บ้านหลังเล็กๆอีกหนึ่งหลังของ  ps story ด้วยนะคะ                                               https://www.facebook.com/psstorytrip

ทริปนี้เริ่มต้นกับสายการบิน แอร์เอเชีย หรือ หางแดง สายการบินที่ใครๆก็บินได้จ้า ออกเดินทางเวลา แปดโมงกว่าๆ ถ้าใครไม่อยากมาต่อแถวเช็คอิน เราสามารถเช็คอินก่อนล่วงหน้าผ่านเวบไวด์ หรือ ตู้เช็คอิน ก็สะดวกไม่น้อยเลยค่ะ

ได้ที่นั่งประจำตำแหน่งกันแล้ว ช่วงเช้าๆเวลาออกเดินทาง psstory จะสั่งอาหารไว้ล่วงหน้า เพราะสะดวกที่สำคัญอร่อยถูกใจ หรือใครจะแอบมาดูเมนูบนเครื่องก็มีให้เลือกมากมาย น่าทานทั้งนั้นเลยจ้า

แต่บอกเลย psstory ไม่ค่อยจะนอกใจเมนูนี้ ขึ้นเครื่องทีไรเป็นต้องสั่งทุกครั้ง “ไก่ต้มเค็มสูตรเล็กคาราบาว” เสิร์ฟพร้อมขนมหวานอย่างลูกตาลลอยแก้ว ฟินที่สุดค่ะ

ก้มหน้าก้มตารองท้อง ไม่กี่อึดใจ หางแดงลำนี้ ก็พาเราทะยานมาถึงน่านฟ้าของจังหวัดเชียงใหม่กันแล้วค่ะการเดินทางยังไม่จบง่ายๆ เพราะ จุดหมายปลายทางครั้งนี้อยู่ที่ อ แม่ริม เพื่อความสะดวกสบายในการเดินทาง psstory เลือกใช้บริการรถเช่า กับ Avis rent car ค่ะ

                     

เค้าท์เตอร์สีแดงโดดเด่นชัดเจน สะดวกแก่การมองเห็นมากๆเลยจ้า

หลังจากเซ็นเอกสารการรับรถเสร็จแล้ว พนักงานก็จะพาเราไปรับรถที่บริเวณทางออก 1 เดินออกไปไม่ไกลมาก ก็จะพบการเค้าเตอร์ด้านนอก จะมีพนักงาน ยืนเช็คสภาพรถ และอำนวยความสะดวก ก่อนรับรถค่ะ

       รถพร้อม คน พร้อม ออกเดินทางกันเลยค๊าาาา  จุดมุ่งหมายแรกในวันนี้ก็คือ “วัดพระธาตุดอยสุเทพ” วัดคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดเชียงใหม่ค่ะ อากาศวันนี้ท้องฟ้าไม่เปิด ด้านบนมีหมอกหนาตา

การเดินทางขึ้นมาที่นี่ เดี๋ยวนี้สะดวกสบายเพราะมีรถรางไว้บริการ ด้านบนอากาศเย็นสบาย มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ค่อนข้างหนาแน่น คงจะเป็นเพราะช่วงลอยกระทง นี่แหละค่ะ

มาเชียงใหม่แล้วไม่ได้ขึ้นมาดอยสุเทพ กราบพระบรมสารีริกธาตุกันที่นั่น ก็เหมือนไม่ได้เชียงใหม่ค่ะ

หลังจากนั้น ก็เตรียมเดินทางลงจากดอยสุเทพ ไปหาอะไรรองท้องมื้อเที่ยงกันต่อค่ะ

ระหว่างทางก็เห็นว่ามีรถสองแถวไว้บริการด้วย  เลือกใช้บริการได้นะคะ ค่ารถน่าจะอยู่ประมาณ 70 บาท    รวมขาไปและขากลับค่ะ

สถานีที่สอง อย่างที่บอกไปแล้ว กองทัพต้องเดินด้วยท้อง มาถึงเชียงใหม่ก็ต้องหาอาหารพื้นเมืองมาทานถูก              ต้องไหมคะ อิอิ มองหาร้านอาหาร ที่ได้ยินชื่อบ่อยๆ ก็เห็นจะเป็นร้านนี้เลยค่ะ “ต๋อง เต็ม โต๊ะ”                            จากตัวเมืองเชียงใหม่ เข้าถนนนิมมานเหมินทร์ แล้วให้เลี้ยวเข้า ซอยนิมาน  เหมินทร์ 13                      ไปประมาณ 100 เมตร   จะเห็นร้านอาหารต๋อง เต็ม โต๊ะ ค่ะ

            ที่จอดรถสามารถ จอดหน้าร้านได้เลย แต่ค่อนข้างคับแคบ และไม่มีพนักงาน มาดูแลหน้าร้าน                    ต้องหาที่จอดรถเองค่ะ

จอดรถเสร็จสรรพไม่รอช้า เปิดเมนูทันที่ โชคดีที่วันนี้ คนไม่เยอะ อาหารได้ไวหน่อย ไม่รอช้า มาทำความรู้จักกับอาหารจานแรกกันเลยค่ะ

“ไข่เจียวลาบเมือง” ราคาไม่แน่ใจค่ะ

เมนูที่สอง “หมูสามชั้นทอด” จานนี้ราคา 72 บาทค่ะ  อร่อยมากๆ และหมดไวมากค่ะ 5555

จานที่สาม ใครมาก็ต้องสั่ง “ออเดิร์ฟเมือง” จานนี้ราคา 167 บาทค่ะ

จานนี้จะประกอบไปด้วย น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ่อง ผักต้ม เครื่องเคียงมาแบบจัดเต็ม

จานสุดท้ายของวันนี้ “เห็ดถอบ น้ำพริกข่า”  จานนี้ 97 บาท อร่อยถูกใจมาก แต่เห็ดแก่ไปนิดๆค่ะ

           โดยรวมรสชาติ ใช้ได้ค่ะ อาจจะไม่ดั้งเดิมมากมาย แต่ก็สัมผัสได้ถึงอาหารเหนือ ราคาถูก มากๆ                       ใบเสร็จไม่ได้ถ่ายมานะคะ ไปสี่คน หมดไป 500 -600 บาท   ประหยัดดีค่ะ  คราวหน้ากลับไป             จะแวะไปทานอีกนะคะ

เวลาเดินไปอย่างรวดเร็ว เผลอแป๊ปๆ ก็จะหมดวันอีกแล้ว เรารีบมุ่งหน้าสู่ปลายทางกันดีกว่าค่ะ ปลายทางของเราวันนี้นั่นก็คือ ” ปานวิมาน รีสอร์ทแอนด์สปา ” รีสอร์ทสุดโรแมนติก ที่ใครๆก็พูดถึง จากนี้เดินทางต่ออีกเกือบชั่วโมง ก็จะถึงปลายทางของเราแล้วค่ะ

ระหว่างทางไป ก็จะผ่านสถานที่ท่องเที่ยวหลายจุด ที่ฮิตๆ ก็จะเป็นม่อนแจ่ม ที่รีวิวให้ชมไปคราวที่แล้ว ใครยังไม่ได้ชม แวะเข้าไปชมในลิ้งค์นี้ได้เลยนะคะ

https://psstorytrip.com/2014/11/26/monjam/

เผลอแป๊ปๆ ชมวิวข้างทางเพลินๆ ก็เดินทางมาถึงรีสอร์ทกันแล้วค่ะ มาถึงก็จวนเจียนจะค่ำพอดี

มาถึงแล้ว ก็ check in กันก่อนนะคะ lobby ที่นี่ สูงโปร่ง เป็นแบบ open air มีมุมนั่งเล่น พักผ่อนหลายจุด    พื้นที่โดยรวม โอ่โถ กว้างขวาง

คืนนี้ psstory เข้าพักในห้องแบบ Jacuzzi Villa  ค่ะ จาก lobby รีสอร์ทจะมีรถตุ๊กๆ ไว้บริการตลอด เพราะระยะทางแต่ละจุดค่อนข้างไกล แต่เวลาที่อยู่ในรีสอร์ท ก็แทบจะไม่ได้เรียกใช้บริการนะคะ เพราะเดินชมวิวเพลินกว่ามากๆค่ะ

เปิดห้องไป ถึงกับตะลึงกับความสวยงามที่อยู่ตรงหน้า ภายในห้อง Jacuzzi Villa แห่งนี้ตกแต่งได้สวยงาม พื้นที่ ภายในกว้างขวาง สิ่งอำนวยความสะดวก ภายในครบครัน

เพดานสูงโปร่ง  ทำให้รู้สึก กว้างขวาง การตกแต่งภายใน ประณีต ทุกขั้นตอน

จากระเบียงมองเข้าไปในห้องค่ะ

ไปสำรวจห้องน้ำกันสักนิดค่ะ

ความพิเศษของวิลล่าประเภทนี้ ก็อยู่ที่นี่เลยค่ะ ระเบียงส่วนตัว สุดกว้างขวาง

มีเดย์เบดด้านนอกไว้รับลม นั่งอ่านหนังสือตรงนี้ เพลินไม่น้อยเลยค่ะ

ด้านนอกระเบียงจะมี จากุซซี่  สุดโรแมนติก ชมวิวได้อย่างกว้างขวาง

ตามมาชมห้องด้านล่างกันบ้างดีกว่าค่ะ

 ด้านล่างจะมีอีกหนึ่งห้องนอน มีห้องครัว และ  steam room อยู่นอกระเบียง

ขอเวลาพักผ่อน เอนกาย สักหน่อยนะคะ พรุ่งนี้ตื่นเช้า จะพาไปสำรวจบริเวณรอบๆรีสอร์ทกันค่ะ

แสงยามเช้าสาดส่อง ลอดผ่านกระจกของห้อง ได้เวลาตื่นนอนแล้ว เปิดประตู รับอากาศสดชื่นและบรรยากาศผ่อนคลายมากจริงๆค่ะ

หมอกจาง ลอยผ่านไป ผ่านมา บรรยากาศสุดยอดมากๆ  เป็นช่วงเวลาที่พิเศษจริงๆค่ะ

 เต็มอิ่มกับอาหารตากันแล้ว ไปเติมอาหารให้พุงกลมๆ กันดีกว่า ค่ะ ระหว่างทางเช้านี้ เราเลือกที่จะไม่เรียกรถเพื่อเดินชมบรรยากาศ อากาศที่นี่สดชื่น สวยสมคำร่ำลือ

มาถึงห้องอาหารค่ะ มีทั้งส่วน indoor และ open air  ห้องอาหารเปิดบริการ  เช้า กลางวัน เย็น ไม่ต้องกลัวหิวเลยค๊าา ส่วนไลน์ อาหารเช้า มีพอสมควร เป็นบุตเฟ่ต์ อิ่มได้ไม่อั้นค่ะ

มาเริ่ม เดินชมอาหารทั่วไปนะคะ 

ผักสดๆ ปลอดสารพิษ ทางรีสอร์ทปลูกไว้เอง สุดยอดไปเลยค่า

ขนมปังหลากหลายแบบ

มาถึงเมนูที่เราเลือกทานแล้วค่ะ

ขนมปังโฮลวีต กับ แยมโฮมเมด ที่ทางรีสอร์ท ทำขึ้นเอง มีหลากหลายรสให้เลือกเลยค่ะ

อิ่มท้องกันแล้ว เดี๋ยวจะพาไปชมห้องพักอีกประเภท เป็นแบบ pool villa ค่ะ

ภายในสวยงาม ตกแต่ง สไตล์ไทย ล้านนา สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

ภายในห้องน้ำ มองทะลุ เห็นสระว่ายน้ำที่อยู่ด้านนอกด้วยค่ะ

ด้านนอกมีโตีะ เล็กๆ ไว้นั่งชิลๆ ใกล้ๆ pool

ไปสำรวจ สปา กันต่อค่ะ

สปา แห่งนี้ ได้รับ ความนิยมเป็นอย่างมาก การันตี ด้วยรางวัล นับไม่ถ้วน เป็นสปาอันดับต้นๆของประเทศ เดี๋ยวมาชมกันค่ะ ว่าจะเริ่ดขนาดไหน

มาเริ่มด้วย ส่วนของ นวดไทย ส่วนนี้จะเป็น open air เปิดรับอากาศบริสุทธิ์ได้อย่างเต็มที่

ระหว่างทาง ที่จะไปอีกส่วน บรรยากาสสวยงาม เงียบสงบ ภายในปลูกต้นไม้ ร่มรื่น และมีบ่อน้ำ ปลาคาร์ฟ แหวกว่ายผลัดกันมาต้อนรับ 

มองย้อนกลับไปในส่วนของนวดไทยค่ะ

สปาในส่วนนี้จะค่อนข้าง private ค่ะ

มีอ่างไม้โอ๊คขนาดใหญ่ ไว้อาบน้ำแร่ แช่น้ำนม ที่สุดๆจริงๆค่ะ

นอกจากสปาที่นี่ ที่ว่ายอดเยี่ยมแล้ว ยังมีโรงเรียนสอนสปา ไม่แปลกใจเลยค่ะ ว่าทำไมสปาที่นี่ถึงขึ้นชื่อนัก

จุดนี้จำลองเป็นถ้ำ เอาไว้ เข้าคลาสโยคะ ค่ะ

เดินลัดเลาะมาเรื่อยๆ ก็จะถึงอีกจุดที่เป็นไฮไลต์ นั่นก็คือ main pool ของรีสอร์ทค่ะ

กว้างขวาง สวยงาม อลังการ เกินบรรยายค่ะ

เดินย้อนขึ้นไปด้านบน ชมความสวยงามกันต่อ มองสปาจากมุมสูง

มองย้อนกลับไปที่ห้องอาหารค่ะ  วิวแบบนี้ นั่งฟินได้ทั้งวัน

มองย้อนกลับไปที่ main pool อลังการ ท่ามกลางขุนเขา สวยงาม  จริงๆค่ะ

psstory ชอบมุมนี้ที่สุดค่ะ  ศาลา กลางขุนเขา

วินาทีนี้ อยากเก็บความสุข ไว้ให้นานที่สุดเลยค่ะ

ถ่ายรูปกันอย่างจุใจแล้ว มาชมส่วนกิจกรรม ต่างๆในรีสอร์ทค่ะ กิจกรรมที่นี่มีเยอะมากมาย ถ้าจะมาพักที่นี่แนะนำ 2 คืน 3 วันค่ะ

สุดท้าย ของรีสอร์ท ส่วนนี้จะเป็นผักและผลไม้ออร์แกนิก ที่รีสอร์ทปลูกไว้เอง สด สะอาด ปลอดสารพิษค่ะ

ช่วงค่ำ นี้ เราออกมาชมประเพณี ลอยกระทง จุดผางประทีบที่วัดพันเตา กันค่ะ

มาถึงก็ค่ำ แทบไม่มีที่ยืน ถ้าอยากจะไปถ่ายรูป แนะนำให้มาตั้งแต่ช่วงเย็นนะคะ พื้นที่มีน้อย ไม่มีโอกาสได้ใช้ขาตั้งกล้องเลย ไม่มีทางเลือก ต้องดัน iso สูง มากๆ ภาพจึงออกมาได้ไม่สวยงามเหมือนสถานที่จริงนัก

เหล่าเณรและพระสงค์กำลังช่วยกันจุดผางประทีบ

noise กระจายเลยค่ะ TT

 กลับจาก ลอยกระทงแล้ว psstory กลับที่พัก และใช้เวลาต่ออีกหนึ่งคืน ซึมซับบรรยากาศและเก็บเกี่ยวความสุขให้เต็มที่  ก่อนเดินทางกลับค่ะ

เรา check out ออกจากปานวิมาน เลทนิดหน่อย เพราะยังไม่อยากกลับเลยค่ะ 2 คืน 3 วันยังน้อยเกินไปด้วยซ้ำ สำหรับที่นี่ค่ะ

เตรียมตัว เดินทางกลับ กับ สายการบิน ที่คุ้นเคย แอร์เอเชียค่ะ

ไม่ลืมที่จะสั่งอาหารล่วงหน้าเช่นเคย ขากลับ นอกใจ มาทาน ลาซานญ่า แทนค่ะ

อิ่มท้องแล้วนั่งชมวิว จากนอกหน้าต่าง ตะวันกำลังจะลาลับขอบฟ้า จบไปอีกหนึ่งทริปสำหรับการเดินทาง เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ ไม่นานเราจะกลับมาหาเธออีกนะ “เชียงใหม่”

สุดท้ายก่อนจะจากกันขอสรุปข้อดีข้อเสียของ ทริปนี้ กันค่ะ

ข้อดี

1 ปานวิมาน เป็นรีสอร์ทที่สวยงามมาก พื้นที่กว้างขวาง ร่มรื่น ดูแลต้นไม้ได้เป็นอย่างดี

2 บรรยากาศเต็มไปธรรมชาติ ท่ามกลางขุนเขา สุดโอโซนได้เต็มปอดค่ะ

3 สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

ข้อเสีย

1 ห่างไกลจากตัวเมือง เดินทางกลางคืน ค่อนข้างอันตรายค่ะ

2 มีแมลงรบกวนเยอะสักนิด เพราะรีสอร์ทอยู่ติดกับป่าและภูเขา

ก่อนรีวิวนี้จะจบลง   ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามจนมาถึงบรรทัดนี้  ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ ขอบคุณทุกไลค์ ขอบคุณทุกแชร์ เป็นกำลังใจที่ดีในการทำรีวิวมากเลยค่ะ  ถ้าชอบก็ฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยค่ะ พบกันใหม่ในรีวิวหน้า และขออวยพรปีใหม่ ขอให้ทุกท่านมีความสุขมากๆ คิดสิ่งใดก้อสมปรารถนา สุขภาพแข็งแรง รวยวันรวยคืน คิดเงินได้เงิน คิดทองได้ทอง พบกันใหม่ปีหน้า สวัสดีค่ะ