สัมผัสความงาม ที่แฝงไว้ด้วยความสงบและความเรียบง่าย หลีกหนีความวุ่นวาย เอนกายซบธรรมชาติ@The houben resort เกาะลันตา

สวัสดีค่า พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆทุกท่าน   ps story พาเที่ยวกันอีกแล้วจ้า คราวนี้เราจะพาไปเที่ยวทะเล อะไรนะ เที่ยวทะเลหน้าฝน จะดีเหรอ !!!!  psstory มีคำตอบมาให้ทุกท่านแล้วค่ะ

ครั้งนี้ psstory จะพาทุกท่านเดินทางมายัง เกาะลันตา เกาะสวรรค์ที่ใครหลายๆคน ยังไม่เคยมาสัมผัส ที่นี่ ยังอุดมสมบูรณ์ในเรื่องของธรรมชาตินักท่องเที่ยวหลายคนหลงไหลในความงาม ที่แฝงไว้ด้วยสงบและเรียบง่าย  การเดินทางครั้งนี้ จะเป็นยังไงถ้าทุกท่านพร้อมแล้ว เรามาเดินทางไปพร้อมๆกันเลยค่ะ

ขอฝากอีกหนึ่งช่องทางในการร่วมพูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์การท่องเที่ยว บ้านหลังเล็กๆอีกหนึ่งหลังของ  ps story ด้วยนะคะ
https://th-th.facebook.com/pspatchieestory

การเดินทางวันนี้อาจจะหลายต่อสักหน่อย แต่รับรองว่าคุ้มแน่นอน

เราเริ่มต้นการเดินทางครั้งนี้ด้วยสายการบินแอร์เอเชีย ใครๆก็บินได้ค่ะ

การเดินทางควรมาถึงสนามบินก่อนเวลาการเดินทางสัก 2 ชั่วโมง เพื่อความสะดวกของท่านและเจ้าหน้าที่หรือถ้ามาถึงแล้วคนเยอะ ก็มีอีกหนึ่งวิธี เดี๋ยวนี้แอร์เอเชีย มีบริการเช็คอิน โดยเครื่องเช็คอิน หากเราเดินทางคนเดียว หรือเห็นว่าคิวที่เคาน์เตอร์คนเยอะ ก็หลีกเลี่ยงมาใช้บริการเครื่องนี้แทนได้ เพียงแต่เอาบาร์โค้ดที่ออกตั๋ว ให้เครื่องอ่าน เหมือนที่เราชำระเงินผ่านเครื่องเอทีเอ็ม  สะดวกสบายจริงๆค่ะ

อีก 1 ปัญหาในการเดินทางช่วงเช้า นั่นก็คือความหิวค่ะ อิอิ ซึ่งแอร์เอเชียก็มีบริการสั่งก่อนบิน   พอดี๊พอดี มีเวลาได้เลือกเมนูอร่อยๆ มาทานบนเครื่องที่สำคัญเมนูเค้าหลากหลายจริงๆ แถมยังน่าทานมาก ครั้งนี้เลือกเป็น ไก่ต้มเค็ม สูตรเล็กคาราบาว best seller ของเค้าเลยค่ะ

ใช้เวลา 1 ชั่วโมงเศษ ก็เดินทางมาถึงสนามบินนานาชาติกระบี่ ซึ่งการเดินทางไปเกาะลันตามีดังนี้ค่ะ เกาะลันตาอยู่ห่างจากเมืองกระบี่ประมาณ 70 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางสู่เกาะลันตาได้หลายวิธี ทั้งทางรถยนต์ส่วนตัว รถตู้ และเรือโดยสาร

 โดยรถยนต์

จากกรุงเทพฯ ต้องขับรถไปยังท่าเรือหัวหิน จังหวัดกระบี่ เพื่อข้ามแพขนานยนต์ไปเกาะลันตา โดยเริ่มต้นจากการใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (เพชรเกษม) จนถึงจังหวัดชุมพร แล้วต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 41 ผ่านอำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร สู่อำเภอไชยา อำเภอเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 4035 ถึงอำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ แล้ววกเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 4 เพื่อเข้าสู่ตัวเมืองกระบี่ ระยะทางประมาณ 814 กิโลเมตร

เมื่อถึงเขตเมืองกระบี่ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 4 ผ่านท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ อำเภอเหนือคลอง อำเภอคลองท่อม ถึงประมาณหลักกิโลเมตรที่ 64 แล้วเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 4206 สู่บ้านหัวหิน ซึ่งเป็นจุดลงแพขนานยนต์ไปยังเกาะลันตาใหญ่ ต้องลงแพขนานยนต์ 2 ช่วง คือ บ้านหัวหิน-เกาะลันตาน้อย และเกาะลันตาน้อย-เกาะลันตาใหญ่ ค่าข้ามแพ 2 ช่วง รถยนต์ คันละ 100 บาท รวมคนขับ ผู้โดยสาร คนละ 20 บาท

โดยรถประจำทาง

จากกรุงเทพฯ ต้องนั่งรถไปลงที่กระบี่ มีรถโดยสารปรับอากาศของบริษัท ขนส่ง จำกัด และของเอกชน สายกรุงเทพฯ-กระบี่ ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนี ทุกวัน วันละหลายเที่ยว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 11-12 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดได้ที่บริษัท ขนส่ง จำกัด โทรศัพท์ 1490 หรือเว็บไซต์ www.transport.co.th

เมื่อลงรถที่สถานีขนส่งกระบี่แล้ว รอรถตู้ไปเกาะลันตาที่สถานีขนส่ง สำหรับผู้ที่ไม่ได้เดินทางด้วยรถประจำทาง ต้องไปขึ้นรถตู้ที่คิวรถกระบี่-ลันตา ถนนมหาราช ซอย 6 ควรโทรศัพท์จองที่นั่งและนัดแนะเวลาขึ้นรถล่วงหน้าที่ โทรศัพท์ 0 7562 2197 (กระบี่) หรือโทรศัพท์ 0 7569 7053 (เกาะลันตา) รถออกทุกชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 07.00-15.00 น.ทั้งนี้ รถตู้จะแล่นไปส่งนักท่องเที่ยวถึงที่พักจนสิ้นสุดปลายทางที่บ้านศรีรายา ในเที่ยวกลับควรโทรศัพท์นัดเวลามารับที่ที่พัก และต้องเผื่อเวลาเดินทางกลับถึงกระบี่ไว้ราว ๆ 3 ชั่วโมง เพราะอาจต้องรอลงแพขนานยนต์นานเป็นชั่วโมง

แต่ครั้งนี้ psstory เลือกใช้บริการเช่ารถกับ   Thai Rent A Car  ซึ่งปกติยังไม่เคยเช่ารถในการเดินทาง เลือกหลายเจ้า ก็ไม่ถูกใจสักที จึงสะดุดไปโปรโมชั่น ของ  Thai Rent A Car  กับโปรโมชั่น ออกมาเช่า ออกมาเที่ยว โดยโปรโมชั่นมีดังนี้ค่ะ

 “ต่อเวลาความสนุก .. ออกมาเช่า ออกมาเที่ยว” วันนี้ – 15 ตุลาคมนี้ ที่ ไทยเร้นท์อะคาร์ทุกสาขาทั่วประเทศไทย

รถที่เข้าร่วมรายการ

: Mitsubishi Mirage   ราคาเช่าเริ่มต้น 399*บาท/วัน  (จากราคาปกติ 1,100 บาท)

: Nissan Almera      ราคาเช่าเริ่มต้น 599*บาท/วัน   (จากราคาปกติ 1,200 บาท)

: Toyota Prius TRD Sportivo  ราคาเช่าเริ่มต้น 1,499*บาท/วัน  (จากราคาปกติ 2,350 บาท)

: Mitsubishi Pajero      ราคาเช่าเริ่มต้น 1,599*บาท/วัน  (จากราคาปกติ 2,550 บาท)

รุ่นอื่นๆสามารถสอบถามได้กับบทางเจ้าหน้าที่ค่ะ

สำหรับราคาดังกล่าวเป็นราคาสำหรับวันธรรมดา (จันทร์-พฤหัส) ยังไม่รวม Vat 7%

หากใช้วันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เพิ่มวันละ 321 บาท (รวม Vat7% แล้ว)

ราคาดังกล่าวรวมประกันชั้นหนึ่งสำหรับค่าความเสียหายส่วนแรกเรียบร้อยแล้ว

แต่หากต้องการซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติม SLDW แบบไม่มีเงื่อนไข สามารถซื้อเพิ่มได้วันละ 214 บาท

ถูกและดีแบบนี้ ก็ต้องเลือกแล้วค่ะ

มาถึงก็เตรียมเอกสารยื่นให้เจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยสักหน่อย พนักงานดูแลดีมากๆ ประทับใจในจุดนี้ด้วย  ทางพนักงานได้แนะนำให้ไปเที่ยวในส่วนไหนบ้าง พร้อมให้แผนที่ประกอบการเดินทาง น่ารักที่สุดเลยค่ะ

วันนี้เลือกใช้งาน เป็น Toyota Altis  มาตรวจสภาพรถก่อนการใช้งานสักนิดนะคะ เพื่อความปลอดภัยค่ะ

ภายนอกรถใหม่ ใช้ได้ ขอชมด้านในสักหน่อย สะอาดไม่แพ้กันเลย

เซ็นเอกสารในการรับรถก่อนนะคะ ณ จุดนี้พนักงานจะดูแลเราถึงตอนออกรถเลยค่ะ

เตรียมตัวเดินทางต่อค่ะ มีน้ำดื่มขวดจิ๋วไว้บริการอีกด้วย

มุ่งหน้าสู่เกาะลันตาเลยค่ะ เรา ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 4 ออกจากท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ อำเภอเหนือคลอง อำเภอคลองท่อม ถึงประมาณหลักกิโลเมตรที่ 64 แล้วเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 4206 สู่บ้านหัวหิน สามารถขับไปตามทางมีป้ายบอกทางชัดเจนค่ะ ท่าเรือบ้านหัวหินซึ่งเป็นจุดลงแพขนานยนต์ไปยังเกาะลันตาใหญ่ ต้องลงแพขนานยนต์ 2 ช่วง คือ บ้านหัวหิน-เกาะลันตาน้อย ราคารถยนต์ 4 ล้อ 100 บาท และเกาะลันตาน้อย-เกาะลันตาใหญ่ ราคา 70 บาทและผู้โดยสารคนละ 3 บาทค่ะ การเดินทางจะต้อง ข้ามแพ 2 ช่วง เรียกว่าเดินทางครั้งนี้ ครบทั้ง เครื่องบิน รถยนต์ ลงเรือเลยค่ะ

ช่วงที่ไปรอแพไม่นานเพราะไม่ใช่ฤดูการท่องเที่ยว ถ้าเป็นฤดูการท่องเที่ยว แนะนำให้เผื่อเวลา มาอย่างน้อย 1 -2 ชั่วโมงค่ะ

ท้องฟ้าสดใสแม้จะเป็นช่วงหน้าฝน แต่อากาศที่นี่แปรปรวนมากนะคะ บางทีเราเห็นฟ้าใสๆ ผ่านไปอีกสักหน่อย อาจจะฝนตกกระหน่ำลงมาเลยก็เป็นได้ค่ะ

มาทำความรู้จักกับเกาะลันตาสักนิดนะคะ

“ลันตา” เป็นชื่อเกาะขนาดใหญ่ มีรูปร่างเรียวยาว พื้นที่ 472 ตารางกิโลเมตร อยู่ในเขตพื้นที่อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ ชื่อ “ลันตา” สันนิษฐานว่าเพี้ยนมาจากคำว่า “ลันตาส” ซึ่งเป็นภาษาชวา แปลว่า ที่ย่างปลา เพราะในอดีตเกาะใหญ่แห่งนี้เป็นที่ที่ชาวเรือชวามักมาหยุดพักและย่างปลาเป็นอาหาร แล้วต่อมาเกาะนี้ก็เปลี่ยนฐานะมาเป็นเมืองท่าที่ชาวจีนและชาวอาหรับผู้แล่นเรือค้าขายในน่านน้ำภูเก็ต ปีนัง สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย แวะขึ้นมาพักและทำการค้าขาย จนในที่สุดก็กลายเป็นชุมชนคึกคัก

สำหรับ เกาะลันตา ประกอบด้วย เกาะลันตาใหญ่ และ เกาะลันตาน้อย โดยมีเกาะกลางคั่นอยู่ระหว่าง 2 เกาะนี้ ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวทั้งหมดอยู่บน เกาะลันตาใหญ่ มียาวประมาณ 30 กิโลเมตร กว้างประมาณ 6 กิโลเมตร โดดเด่นด้วยชายหาดยาวเรียงรายต่อเนื่องกันถึง 13 หาดทางฝั่งตะวันตก มีทั้งหาดหินและหาดทราย เพียบพร้อมด้วยที่พักหลากสไตล์ หลายราคา ส่วนทางฝั่งตะวันออกคือ ชุมชนโบราณ ชื่อบ้านศรีรายา ซึ่งตั้งมากว่าร้อยปี มีเสน่ห์ด้วยเรือนแถวไม้หน้าแคบที่ยื่นยาวลึกออกไปในทะเล และวิถีชีวิตสงบงามของชาวไทย-จีน ชาวไทย-มุสลิม ที่อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข

ยังไม่หมดเท่านั้น เพราะบน เกาะลันตาใหญ่ ยังมีจุดเด่นอยู่ที่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตาตั้งอยู่ที่แหลมโตนด ตรงปลายเกาะ เป็นพื้นที่ที่สมบูรณ์ด้วยผืนป่าดงดิบ มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ และที่โดดเด่นที่สุดคือ ประภาคารสีขาว ซึ่งเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของเกาะลันตา

และอีกจุดเด่นหนึ่งคือ หมู่บ้านชาวเล หรือชาวไทยใหม่ ชื่อบ้านสังกาอู้ อยู่ทางตอนใต้ของเกาะ เป็นชุมชนของชาวเลเผ่าลูโมะลาโว้ย ที่คนไทยภาคกลางเรียกว่า อูรักลาโว้ย พวกเขาตั้งถิ่นฐานบนเกาะลันตามานานหลายชั่วอายุคน อีกทั้งเกาะลันตายังเปรียบได้ดั่งเมืองหลวงของชาวเล ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นบริษัททัวร์ ร้านดำน้ำ ธนาคาร ร้านอาหาร ร้านบริการอินเทอร์เน็ต ร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ ร้านขายของที่ระลึก ฯลฯ มีเพียบพร้อมอยู่ที่บ้านศาลาด่านแห่งนี้ด้วยค่ะ

พอถึงฝั่งแล้ว เราก็รีบเดินทางต่อไปยังรีสอร์ทกันค่ะ บนเกาะลันตา มีทุกอย่างครบครัน ทั้งปั้มน้ำมัน ตู้ ATM โรงพยาบาล สิ่งอำนวยความสะดวกเกือบเต็มร้อยเลย

รีสอร์ทที่เราเลือกพักผ่อนครั้งนี้มีชื่อ The Houben resort  ห่างจากท่าเรือศาลาด่าน 13 กิโลเมตร The Houben ตั้งอยู่บนยอดเขาในบริเวณอ่าวกันเตียง บนเกาะลันตา ขับรถไปทางเดียวกันกับอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตาได้เลยค่ะ ที่สำคัญ ควรใช้เส้นทางอย่างระมัดระวัง เพราะส่วนมาก นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่นี่ จะใช้บริการเช่ามอเตอร์ไซด์ มาขับ ค่อนข้างที่จะไม่ระมัดระวังบวกกับถนนแคบ และค่อนข้างสูงและชันและไม่มีสัญาณไฟใช้งานจึง ต้องขับรถอย่างไม่ประมาทนะคะ และแล้วก็มาถึง ที่พักของเราค่ะ

จอดรถได้เลยนะคะ ที่จอดรถมีเพียงพอ เพราะที่นี่เป็นรีสอร์ทขนาดเล็ก มีห้องพัก ทั้งหมด 15 ห้อง มาถึงแล้ว เข้าไปเช็คอิน ก่อน ส่วนของ lobby เดินขึ้นบันไดไปจะอยู่บริเวณซ้ายมือค่ะ

Welcome drink พร้อมผ้าเย็นค่ะ

ที่ The houben รีสอร์ทแห่งนี้  เป็นรีสอร์ทที่มีความทันสมัย โมเดิร์น เจ้าของ The houben เป็นชาวเบลเยี่ยม จึงตกแต่งที่นี่ด้วยโทนสีแดงและดำ เพราะนอกจากจะเป็นสีประจำธงชาติ ก็ยังเป็นสีโปรดของเจ้าของรีสอร์ท ซึ่งมีนามสกุลว่า houben ที่นี่จึงมีชื่อว่า the houben resort นั่นเองค่ะ ถึงแม้ที่นี่จะเป็นรีสอร์ทที่ไม่ติดทะเล เพราะตั้งอยู่บนยอดเขา แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสวยงามและมีเสน่ห์ ของที่นี่ลดลง เพราะทุกห้องจะเห็นวิวทะเลที่สวยงาม สร้างความประทับใจได้ในอีกรูปแบบหนึ่งเลยค่ะ

ครั้งนี้เราเข้าพักในส่วนของ ห้องดีลักซ์ ซึ่งตั้งอยู่บนชั้น 3 อาคารสีแดงด้านซ้ายมือบันไดที่นี่ค่อนข้างชัน

และไม่มีราวจับ ต้องระมัดระวังในการเดินด้วยนะคะ

เข้ามาในห้องพักแล้วค่ะ  สวยและสะอาด ทีเดียว ขอเก็บกระเป๋าสักครู่นะคะ

ห้องพักของเราคืนนี้ เป็นห้อง deluxe ค่ะ

มีขนาด (56 sqm มีจำนวน 7ห้อง )
ภายในห้องพักแห่งนี้ ตกแต่งทันสมัย เพดานสูงโปร่ง มีระเบียงส่วนตัวภายในห้องน้ำ มีอ่างจากุซซี่

สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

ชุด Bathroom Amenities ของที่นี่ค่ะ

ภายในห้องน้ำ แยกส่วนแห้งและส่วนเปียกได้อย่างชัดเจน มีอ่างจากุซซี่ด้วยค่ะ

ชมห้องพักไปแล้ว ขออนุญาตหาอะไรรองท้องสักนิดนะคะ บ่ายวันนี้เราฝากท้องไว้ที่รีสอร์ท ภายในห้องอาหาร ‘Red Alert’ Bar & Restaurant

อาหารของรีสอร์ทให้บริการทั้งอาหารไทยและอาหารนานาชาติ และอาหารซีฟู้ด

แต่ เริ่มต้นมื้อนี้ด้วยซีซาร์สลัด ผักสดๆ กรอบ อร่อยค่ะ

มาถึงที่นี่แล้วต้องสั่ง signature dish มาทานสักหน่อย กับ pizza homemade ที่มีชื่อว่า

‘Red Alert’ Pizza ค่ะ มีทั้งทูน่า ไข่ต้ม อร่อยรสชาติแปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร ถูกใจค่ะ

อิ่มท้องกันแล้วมาเดินชมบรรยากาศรอบๆรีสอร์ทกันดีกว่า  ที่เห็นจะเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของที่นี่ คงจะเป็นสระว่ายน้ำสีแดงซึ่งวันนี้อากาศดี ท้องฟ้าแจ่มใส ตัวอาคารสูงเด่นเป็นสง่า ดูทันสมัยค่ะ

อย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้นว่าที่นี่ตั้งอยู่บนยอดเขา จึงอาจจะไม่เหมาะสำหรับเด็ก และผู้สูงอายุค่ะ

นั่งพักผ่อน อ่านหนังสือรับลมเย็นๆจากมุมนี้ ก็มีความสุขได้ไม่น้อยเลยนะคะ จากมุมนี้ถ้าอากาศดี เราจะมองเห็นเกาะ 5 เกาะที่ได้รับความนิยมในการไปดำน้ำ ของที่นี่ค่ะ

ช่วงกลางวันอาจจะร้อนไปสักนิด แต่ถ้าในช่วงเย็น บริเวณนี้มักจะถูกจับจอง

เพื่อชมพระอาทิตย์ตกในตอนเย็น โรแมนติกทีเดียวค่ะ

ขอขึ้นไปพักผ่อนที่ห้องสักครู่นะคะ หนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อน

นั่งสบายๆ แต่ไม่ถึงกับหลับนะคะ เพราะความสวยงามเบื้องหน้าในช่วงเวลาเย็นๆไม่อาจทำให้ละสายได้เลย

มองจากด้านบนที่ห้อง มายังสระว่ายน้ำสีแดงค่ะ

วันนี้วิสัยทัศน์ไม่ค่อยดีนัก ช่วงเย็นฟ้าครึ้มไปหน่อยค่ะ

ห้องพักในช่วงค่ำ

เปิดไฟสว่างไสว

จากเตียง เราสามารถมองเห็นวิวทะเลได้อย่างเต็มตาเลยค่ะ

ช่วงหัวค่ำ ลูกส่วนใหญ่มักจะทาน ดินเนอร์กันที่นี่เพราะถนนด้านนอกค่อนข้างเปลี่ยว และไม่มีไฟทาง

จึงค่อนข้างอันตรายค่ะ

แสงไฟยามค่ำ สวยงามไม่แพ้ช่วงกลางวันเลยค่ะ

สระว่ายน้ำสีแดง ดูแปลกตาไม่ซ้ำใคร

ด้านหน้ารีสอร์ท ในช่วงเวลาค่ำคืนค่ะ

บริเวณ Lobby

ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว เดี๋ยวเรากลับไปทาน dinner ที่ ‘Red Alert’ Bar & Restaurant เช่นเคยค่ะ

บรรยากาศช่างโรแมนติกเหลือเกิน ช่วงเวลาพิเศษแบบนี้ ก็ต้องทานอะไรเป็นพิเศษจริงไหมคะ

เริ่มต้นด้วย Belgain Stew(beef)

Belgain Vol Au Vent

Belgain Stew(beef) With  Mashed potaroes เสิร์ฟคู่กับไวน์แดง

Belgain Vol Au Vent With  Belgain Fries เสิร์ฟคู่กับไวน์ขาว

อิ่มท้อง อิ่มอกอิ่มใจกันแล้ว ได้เวลาเอนกายทิ้งตัวลงบนที่นอนแสนอบอุ่นแล้วค่ะ

พนักงานมา turn down พร้อมจุด เตา อโรม่าหอมๆ ผ่อนคลายที่สุด ขอตัวพักผ่อนก่อนนะคะ

อรุณสวัสดิ์ ตื่นเช้ามาด้วยความสดใส พร้อมกับชมวิวที่อยู่เบื้องหน้า ก่อนจะเตรียมตัวลงไปทานอาหารเช้า

ช่วงกลางคืน มีฝนตก อากาศช่วงเช้าค่อนข้างชื้น เปิดประตูออกจากห้องพักจึงพบกับบรรยากาศแบบนี้ค่ะ

เริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยกาแฟหอมกรุ่น

อาหารเช้าที่นี่ จะไม่มีบุตเฟ่ต์นะคะ  เป็น A la carte แต่มีเมนูหลากหลายอย่างให้พอเลือกได้

ไม่ว่าจะเป็น ประเภท ไข่ ข้าวต้ม ข้าวผัด แซนวิช แพนเค้ก ฯ

เลือกสั่งตามใจชอบได้เลยค่ะ มาต่อกันที่ขนมปังโฮลวีต พร้อมแยมและเนย

ข้าวต้ม หมูค่ะ

Omelet

Egg benedict

และปิดท้ายมื้อเช้านี้ด้วยผลไม้ตามฤดูกาลค่ะ

อิ่มท้องกันแล้วมาเดินเล่นกันต่อนะคะ เดี๋ยวจะพาไปชมอีกห้องพักอีกแบบหนึ่งกันค่ะ

เช้านี้อากาศยังแจ่มใสอยู่ค่ะ

หน้าตาวิลล่า อีกแบบที่เราจะพาไปชมกันค่ะ

และแล้ว เมฆฝนก็ฝนตั้งเค้าจนได้ค่ะ

วิลล่านี้มีชื่อว่า Privillage สวีท

(เนื้อที่ใช้สอย75 sqm .มีจำนวน 2 ห้อง)

ความพิเศษของวิลล่าหลังนี้ก็เห็นจะเป็นความส่วนตัวที่มาก่อนอันดับแรก และความกว้างขวางและสวยงามของการตกแต่งที่ทันสมัย วิลล่านี้จึงเหมาะแก่การพักผ่อนเป็นอย่างยิ่งค่ะ

สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

อีกไฮไลท์นึงของวิลล่าหลังนี้ก็คือส่วนที่เป็นระเบียงเล็กๆยื่นออกไปจากตัวห้อง ค่ะ

หันไปด้านขวามือ จะเป็นอ่างจากุซซี่ค่ะ

ฟ้าเริ่มครึ้มมากแล้ว

ได้เวลาเดินกลับกันแล้วค่ะ ประทับใจมากกับคุณภาพของการบริการที่ได้รับที่ The houben resort แห่งนี้ เรียกว่าค่อนข้างสมบูรณ์แบบสำหรับวันพักผ่อน ช่างเป็นวันที่ดีแห่งการตามหาความสงบสุขและเรียบง่าย แม้ว่าจะเป็นรีสอร์ทขนาดเล็ก แต่ หลายสิ่งหลายอย่างที่นี่ ช่างน่าประทับใจไม่แพ้ที่ไหนๆที่สำคัญThe houben resort การออกแบบที่น่าดึงดูดใจและมีวิวทิวทัศน์ที่ยอดเยี่ยม ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เชื่อมติดกับชายหาด ก็ไม่ได้ทำให้ความสวยงามและความมีเสน่ห์ของที่นี่น้อยลงไปเลยเดี๋ยวเราเตรียมตัวเช็คเอาท์ออกจากรีสอร์ทเพื่อไปเที่ยวต่ออีกสักหน่อยก่อนเดินทางกลับค่ะ

สถานีต่อไปเป็น   อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ค่ะ ออกมาจากรีสอร์ทเลี้ยวขวาขับไปเรื่อยๆ เส้นทางค่อนข้างอันตรายและชันพอสมควร ขับรถด้วยความระมัดระวังด้วยนะคะ

อุทยานแห่งชาติเกาะลันตา อยู่ทางใต้สุดของเกาะลันตาและเป็นจุดสุดทางของเกาะลันตา เป็นที่ตั้งของหาดแหลมโตนดซึ่งเป็นหาดที่ไม่มีโรงแรมและรีสอร์ท หรือร้านค้าใดใดทั้งสิ้นแต่มีที่พักและเต้นท์ให้ตั้งพัก ของทางอุทยานฯ ซึ่งจะเตรียม ไว้ให้นักท่องเที่ยวที่ต้องการค้างแรม มีร้านอาหารเล็กๆ และห้องน้ำของทางอุทยานฯ ไว้ให้บริการ การเดินทางบนถนนมาจากหาดคลองจาก สู่อุทยานฯ มีลักษณะแคบ และมีทางโค้งค่อนข้างอันตรายจึงควรระมัดระวังในการเดินทาง นักท่องเที่ยวสามารถเดินป่าในทางที่ อุทยานฯ กำหนดเป็นแนวทางคอนกรีตและเดินชมได้รอบอุทยานฯ ยังเป็นที่ตั้งของประภาคารสีขาวสัญลักษณ์แห่งเกาะลันตา และเป็นจุดชมวิวที่ขึ้นชื่อแห่งหนึ่ง ในเกาะลันตาด้วย

น่าเสียดายเรื่องสภาพอากาศวันนี้

ถ้าอากาศดีๆ คงจะได้ภาพที่สวยกว่านี้ ถ้ามีโอกาสจะกลับมาแก้ตัวอีกครั้ง

ฝนเริ่มเทลงมาแล้ว เดินทางไปยังสถานีต่อไปดีกว่าค่ะ

สถานีต่อไป Lanta old town  Lanta Old Town (ชุมชนเมืองเก่าลันตา)

ตั้งอยู่ที่ อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ เป็นย่านชุมชนเก่าแก่ ที่อยู่กันมาหลายช่วงอายุคน

ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี้มีทั้งทั้งชาวไทยพุทธ และพี่น้องชาวมุสลิม ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างสงบสุขและเรียบง่าย

ในยุคการค้ารุ่งเรือง มีการล่องสำเภา ลงทะเลตอนใต้ของพม่าเลียบฝั่งทะเลอันดามันของไทย เกาะลันตาเป็นเป้าหมายของการแวะพักผ่อนของเหล่านักเดินเรือ เพราะสภาพเกาะมี ทิวเขาและ หาดทรายยาว เหมาะสำหรับใช้เป็นที่หลบมรสุมทะเล ในยุคต่อมาได้มีชาวบ้านเข้ามาตั้งหลักแหล่งอาศัย ยึดอาชีพประมงเลี้ยงตัว

เมืองเก่าเกาะลันตาแห่งนี้ได้มีชาวบ้านอาชีพเพิ่มมากยิ่งขึ้น ทำให้ได้ผันเมืองเก่าแห่งนี้ให้เป็นแหล่งเศรษฐกิจชุมชน เพราะในแต่ละปี มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชม ที่เกาะลันตามากมาย และนักท่องเที่ยวเหล่านี้ มักจะแวะมาเที่ยวชม ถ่ายรูป เดินเล่นชมบ้านเรือนเก่าที่สร้างด้วยไม้เรียงรายกัน 2 ข้างถนน ถึงแม้จะเป็นชุมชนเล็กๆ แต่ก็ครบครัน และอบอวลไปด้วยความเรียบง่ายและรอยยิ้มของผู้คนในชุมชนค่ะ

ได้เวลาอาหารเที่ยงกันแล้วค่ะ เที่ยงนี้ขอฝากท้องไว้ที่ร้าน fresh restaurant

ร้านอาหารขึ้นชื่อ ย่าน old town แห่งนี้ค่ะ

บรรยากาศ ภายในร้าน จริงๆมีหลายโซนให้เลือกนั่ง แต่นาทีนี้ฝนตก จึงเหลือตัวเลือกที่นั่งแค่ในร้านค่ะ

ร้านFresh จะไม่เชิงเป็นอาหารซีฟู้ดซะทีเดียวนะคะ จะมีอาหารหลากหลายอย่าง รวบรวมอยู่ที่ร้านแห่งนี้ มาเริ่มเมนูแรกกันเลยดีกว่าตอนแรกตั้งใจว่าจะทานหอยนางรมแต่ทางร้านไม่มี จึงแนะนำให้ทาน หอยติบ

ขอแนะนำให้รู้จักกับหอยติบสักนิดนะคะ หอยติบ หรือ หอยนางรม

เป็นหอยสองฝาพวกหอยนางรมอยู่ในวงศ์ Ostreidae พบเกาะอยู่ตามโขดหิน เสาปูน รากโกงกาง หรือวัตถุทุกชนิดที่อยู่ในระดับน้ำท่วมถึง หาดที่พบมากจะเป็นหาดทรายปนเลน ด้านฝั่งตะวันออกของภูเก็ตตั้งแต่สะพานหินถึงสะพานสารสินและสะพานท้าวเทพกระษัตรีตามธรรมชาติของหอยติบจะใช้ฝาด้านซ้ายเชื่อมติดกับที่เกาะ ฝาทั้งสองมีขนาดไม่เท่ากันเปลือกมีบานพับหนาและไม่มีฟัน ไม่มีเท้า และไม่มีเส้นใย เนื้อหอยสีขาวนวล บริเวณทางเดินอาหารเป็นสีดำ เนื้อหวานนุ่ม ชาวบ้านที่แถบชายทะเล ใช้เหล็กแหลมงัดเปลือกด้านที่เกาะติดก้อนหินหรือรากไม้ ให้ตัวหอยหลุดออกมาจากที่เกาะ จากนั้นใช้มีดผ่าเปลือกตัดเอ็นที่ยึดฝาทั้งสองออก (ชาวบ้านเรียกเอ็นนี้ว่าสะดือ) จะได้เนื้อหอยซึ่งมีวางขายสด ๆ อยู่ทั่วไป

วันนี้ที่ร้านบอกว่าหอยติบ ไม่สดเท่าไหร่ แนะนำให้ปรุงสุกก่อน จึงเลือกเป็น หอยติบผัดน้ำมันหอย รสชาติอร่อย แทนกันได้เลย ที่ร้านใส่หอยติบเยอะเชียวค่ะ

ยำเนื้อย่าง จานนี้รสเด็ด เปรี้ยว เค็ม หวาน เผ็ด ครบสี่รสเชียวค่ะ

ปลากระพง ทอดน้ำปลา  จานนี้เฉยๆ ปลาสดดี แต่ทอดไม่กรอบเท่าไหร่

ต้มโป๊ะแตก  เครื่องยกทัพมาเต็มถ้วย รสชาติกำลังดี ใช้ได้ค่ะ

สุดท้าย ปลาหมึกผัดผงกระหรี่  ค่าเสียหายมื้อนี้อยู่ที่ประมาณ 900 บาท ซึ่งถือว่าราคาถูกมาก ส่วนรสชาติ อร่อยใช้ได้ แต่บางอย่างก็ไม่ถึงกับอร่อยมาก รสชาติทั่วๆไป ไม่จัดจ้านเท่าที่ควร เพราะลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ ทางร้านอาจจะปรับรสชาติอ่อนลง วัตถุดิบสด อีกเรื่องคือรู้สึกประทับใจที่ร้านตรงที่อาหารส่วนไหนไม่สด ทางร้านจะบอกทันที ไม่นำมาปรุงอาหารให้ลูกค้าทาน ข้อนี้ยอดเยี่ยมที่สุดเลยค่ะ

อิ่มท้องกันแล้ว ขอเดินเล่นรอบๆอีกสักหน่อยนะคะ บรรยากาศที่นี่ช่างน่าหลงรักนัก ธรรมชาติอยู่รอบตัว อากาศดี เงียบสงบ ธรรมชาติที่แสนเรียบง่ายนั้นช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียวค่ะ

ขับรถเข้าไปในสะพานปลาเพื่อชมวิวกันอีกสักนิด

บางครั้ง เมืองเล็กๆ ก็น่าอยู่กว่า เมืองใหญ่ๆเป็นไหนๆ หาเวลา หลีกหนีความวุ่นวายในเมืองกรุง  ไม่ว่าจะเป็­นรถติด สภาพอากาศที่เป็นพิษ และผู้คนที่เปลี่ยนไปสภาพเมืองหลวงตึกสูงดูงดงาม แต่จิตใจคนนั้นหางดงามดั่งตึกสูงนั้นไม่ ควรจะหาเวลาไปท่องเที่ยวพักผ่อนจิตใจ และชมธรรมชาติ เหมือนชาวบ้านที่ ลันตา Old town ที่ยังคงไว้ซึ่งวัฒนธรรม และความเป็นอยู่ที่ดีงาม ถึงเป็นชุมชนเล็ก แต่สร้างความอบอุ่นกว่าเมืองใหญ่ได้เป็นไหนๆเลยค่ะ ได้เวลา เดินทางกลับไปสู่ชีวิตจริงกันแล้ว

เดินทางกลับพร้อมสายฝนสู่สนามบินนานาชาติกระบี่ พร้อมส่งคืนรถให้กับ Thai rent a car   ขากลับ เดินทางโดยสายการบิน แอร์เอเชียเช่นเคย เวลานี้ฝนตกหนักมากเลยค่ะ

ขึ้นเครื่องมาได้เวลา อำลากระบี่ กันแล้ว ไม่นานจะกลับมาใหม่แน่นอนค่ะ

ฝ่าฝนขึ้นมาแล้ว ท้องฟ้าด้านบน เริ่มโปร่งใส

แสงอาทิตย์สุดท้ายของวัน กำลังจะหมดลงไปแล้วค่ะ

ขอทิ้งท้ายทริปนี้ไว้กับภาพนี้นะคะ

สุดท้าย ข้อสรุปข้อดีข้อเสีย ของ The houben  กันค่ะ

ข้อดี
1. เป็นรีสอร์ทสวยงาม ดีไซน์โดดเด่น ทันสมัยไม่ซ้ำใคร เรื่องวิวที่นี่โดดเด่นมากๆเลยค่ะ
2. อาหารอร่อย พนักงานดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี
3. สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ใส่ใจรายละเอียดของลูกค้ามาก
4. เงียบสงบ เหมาะกับการพักผ่อน

ข้อเสีย

1 การเดินทางไปค่อนข้างลำบาก เพราะไม่มีแผนที่ในการเดินทางและไม่มีป้ายบอกชัดเจนแต่สามารถโทรสอบถามกับทางรีสอร์ทได้

2  บันได ขึ้นห้องพัก ค่อนข้างชัน ต้องเดินด้วยความระมัดระวัง

3 อาหารราคาสูงไปสักนิด

*******************************

ป ล รีสอร์ทนี้ไม่อนุญาตให้เด็กอายุ น้อยกว่า 12 ปี เข้าพัก เพื่อความปลอดภัยค่ะ

การเที่ยวทะเลหน้าฝน อาจจะไม่ได้รับความสวยงามจากท้องทะเลเท่าที่ควร

แต่เราจะได้สัมผัสกับท้องทะเลและบรรยากาศในอีกความรู้สึกหนึ่ง ลมเย็นพัดสบาย มีหมอกจางๆในยามเช้า เป็นทริปหน้าฝนที่น่าประทับใจอีกทริปหนึ่ง แต่ขอแนะนำอีกสักนิด ควรตรวจสอบสภาพอากาศก่อนเดินทางเพื่อความปลอดภัยค่ะ

สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณ ที่พักสวยๆ Houben resort เกาะลันตา ประทับใจและรู้สึกอบอุ่นมากๆ มีโอกาสจะกลับไปเยือนอีกแน่นอนคะ
ก่อนรีวิวนี้จะจบลง  ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามจนมาถึงบรรทัดนี้  ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ ขอบคุณทุกไลค์ ขอบคุณทุกแชร์ เป็นกำลังใจที่ดีในการทำรีวิวมากเลยค่ะ  ถ้าชอบก็ฝากกดไลค์กดแชร์กันเยอะๆนะคะ

แล้วพบกันใหม่สำหรับรีวิวหน้า ของ ps story

 ขอบคุณทุกท่านอีกครั้ง สวัสดีค่ะ

23 thoughts on “สัมผัสความงาม ที่แฝงไว้ด้วยความสงบและความเรียบง่าย หลีกหนีความวุ่นวาย เอนกายซบธรรมชาติ@The houben resort เกาะลันตา

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s