Tsix5.25 hotel 365 วันคือการพักผ่อน

สวัสดีค่า พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆทุกท่าน
วันนี้ ps story จะพาทุกท่านมารู้จักโรงแรมอีกแห่งหนึ่งในพัทยากันค่ะ
เป็นโรงแรมขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้  ที่นี่ก็คือ tsix5 นั่นเอง
แต่วันนี้ ps story ได้มีโอกาสเข้าพักในเฟสใหม่ ในชื่อ 365.25
จะเก๋ไก๋ขนาดไหน และต่างกับเฟสแรกยังไง ตามมาชมพร้อมๆกันเลยค่า

ขอฝากอีกหนึ่งช่องทางในการร่วมพูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์การท่องเที่ยว บ้านหลังเล็กๆอีกหนึ่งหลังของ  ps story
https://th-th.facebook.com/pspatchieestory

ก่อนอื่นมาดูการเดินทางสักนิดค่ะ

555/85 หมู่5 ถนนนาเกลือ12 บางละมุง, พัทยา 20150

Tsix5.25 hotel 365 วันคือการพักผ่อน

ด้วยการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวโดยพัฒนา แนวคิดและ เรื่องราวต่อยอดมาจากทรีซิกตี้ไฟว์ ในเฟสแรก ที่มีแนวคิดเกี่ยวกับเรื่อง วัน และเวลา ใน หลักสากลปัจจุบัน และเทศกาลต่างๆ ผ่านตัวเลข แบบ วัน-เดือน-ปี   โดย 365.25 จึงกลับย้อนมาเป็นเรื่องเวลา และปรากฎการณ์ การกำหนดเวลาในอดีตกาล มาเป็นคำจำกัดความว่า “ดิถี” ซึ่งเป็นการกำหนดวัน, เวลา ผ่านจันทรคติ การโคจรของดวงจันทร์ และ สุริยคติ การโคจรของพระอาทิตย์ ซึ่งเป็นต้นกำเนิด วัน-เดือน-ปี ในปัจจุบัน ซึ่งภายในห้องพักจะตกแต่งตาม concept นี่เองค่ะ และที่สำคัญตอนนี้กำลังก่อสร้างเฟส 3
ในช่วงสิ้นปี ก็น่าจะเสร็จสิ้น ถ้ามีโอกาส ps story จะนำบรรยากาศมาให้ชมกันอีกค่ะ
ขับรถเข้ามาสามารถจอดหน้าโรงแรมได้เลย ในกรณีที่จอดรถเต็ม สามารถ จอดในเฟส 1 หรือ the zign hotel ได้เช่นกันค่ะ
ที่เห็นไกลๆกำลังก่อสร้าง จะเป็นในส่วนของเฟส 3 ค่ะ

มาถึงปุ๊ป ท้องก็ร้องปั๊บ เราหาอะไรทานง่ายๆ ภายในโรงแรมกันค่ะ เป็นห้องอาหาร Sat 5  ร้านอาหารหลักของโรงแรม เราจะทานอาหารเช้ากันที่นี่ด้วยค่ะ
อาหารเช้า : เวลา 06.00-10.30
อาหารตามเมนู : เวลา 11.00-24.00

ขอทานแบบง่ายๆเลยน๊ะค๊ะ เมนูแรกเนื้อน้ำมันหอย

ต่อมากระเพรากุ้ง กุ้งตัวเล็กไปหน่อยค่ะ

หมูกระเทียมไข่ดาวค่ะ

และสุดท้ายของมื้อกลางวัน เป็น แกงเผ็ดเป็ดย่างค่ะ

อิ่มท้องกันแล้วไม่รอช้า ไปเช็คอิน กันค่ะ welcome drink ที่นี่เป็นน้ำส้ม จ้า

หลังจากเช็คอินเรียบร้อย เราพักห้องแบบ Premium Deluxe  แบบห้อง ““Waxing”  ตั้งอยู่ที่ชั้น 5 เดี๋ยวขึ้น ลิฟท์ไปพร้อมๆกันเลยค่ะ

 

เปิดห้องไป จะพบเห็นภาพ นี้ค่ะ

บรรยากาศของห้องเน้นความนุ่มนวล และ อ่อนโยน, อ่อนหวาน โทนสีเป็น เทา, ดำ และ สร้างความสดใส ให้กับห้องด้วยสีเขียวอมฟ้า และลายแถบเส้นของผนังตกแต่งเป็นตัวแทนแสง ทำให้ภายในห้องดูสดใส  ขนาดพื้นที่ใช้สอย 35 Sqm ห้องพักแบบนี้มีทั้งหมด 18 ห้องค่ะ

ห้องถัดไปจะเป็น Premium Deluxe  แบบห้อง “Waning”

บรรยากาศห้องออกโทนอิฐ ตกแต่งหัวเตียงด้วยไม้ฉลุรูปทรงซุ้ม Gothic Arch แทนความเข้มแข็งในความอ่อนโยน แสดงด้วยมืด ขรึม นิ่ง การจัดแสงเน้นโทนมืด และ Spot เป็นจุด เพื่อให้เกิดความผ่อนคลาย วัสดุพื้นใช้เน้นกระเบื้องสีเข้ม ผิวเงา เพื่อแสดงแสงสะท้อน  ทำให้บรรยากาศห้องดูไม่อึมครึมเกินไปค่ะ

ต่อมา เป็นแบบสุดท้านของห้อง Premium Deluxe  แบบห้องชื่อว่า “Phase” ค่ะ

โทนสีตกแต่งเน้น ไปที่โทนเหลือง, น้ำตาล, ดำ วัสดุธรรมชาติไม้เสี้ยน  และการตกแต่งผนัง แสดงงาน Phase ของเงาจันทร์ ในรูปทรงกราฟิก เป็นคำสัญลักษณ์การพักผ่อนท่ามกลางขั้นตอนของแสงและสีของเงาจันทร์ ห้อง Premium Deluxe  ขนาดห้องจะเท่ากัน ต่างกันที่การตกแต่งค่ะ

ในส่วนของห้องน้ำ มีม่านกั้น สามารถ เปิดปิดได้ค่ะ

ต่อมาเป็น VAM SUITE ค่ะ

ห้องนี้ภายในกว้างมาก สะอาดตา

ต่อไปเป็น WOLF SUITE  ห้องพักขนาดใหญ่ ถูกตกแต่งด้วยเทคเจอร์ของไม้โครง และผนังตกแต่ง ลายตาไม้ ซุงไม้ เพื่อแสดงอารมณ์ดิบๆ และเนื้อแท้ของวัสดุแบบที่ไม่ต้อง ทะนุถนอม โทนสีเทา, ไม้เก่า ลายสานของผิว นับเป็นห้องที่มีขนาดกว้าง และ สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มาพักผ่อนได้ทั้งครอบครัว   ส่วนตัว ps story ชอบห้องนี้เป็นพิเศษค่ะ

ต่อมาเป็นห้องสวีท / Suite Room
ภายในตกแต่งด้วยสีแดงและดำ พื้นที่ใช้สอยกว้างมากทีเดียวค่ะ แต่ส่วนตัวคิดว่า กว้างไป ทำให้ดูโล่งๆ บริเวณด้านข้างเตียงนอนค่ะ  แต่เรื่องสิ่งอำนวยความสะดวก ครบครัน

และแบบสุดท้ายของเฟส 2 ค่ะ  ขออภัย ห้องนี้จำไม่ได้จริงๆค่ะ

เดี๋ยวจะพาไปชมเฟสแรกกันค่ะ ส่วนของเฟสแรก หลายคนอาจจะคุ้นตากันบ้างแล้ว เดินออกมานิดเดียวก็ถึงค่ะ เพราะแทบจะเชื่อมต่อกันเลย สระว่ายน้ำก็สามารถใช้ได้ทั้งในเฟส 1 เฟส 2 และ ในส่วนของ the zign  ในเฟสแรก concept จะเน้นตัวเลขเป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นส่วนไหนๆ เราจะเห็นตัวเลขในการตกแต่งเสมอค่ะ
บริเวณ looby เฟส 1 ค่ะ

แบบแรก Red Celebration  ตกแต่งด้วยโทนสีแดง  ภายในห้องขนาดพื้นที่ใช้สอย พอดีๆ ไม่กว้างและไม่แคบจนเกินไปค่ะ

ห้องน้ำแยกส่วนเปียกส่วนแห้งได้อย่างชัดเจน

ต่อมาเป็น Gold Celebration  จะตกแต่งด้วยโทนสีเหลือง ขนาดจะกว้างกว่า Red Celebration  ค่ะ

เดินทางมาถึงห้องสุดท้ายแล้วค่ะ
ห้องนี้เรียกว่า White Celebration  สีขาวสะอาดตา และสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องนี้ทำให้หลงรักได้ไม่น้อยเลยทีเดียวค่ะ
เปิดประตูมา จะพบในส่วนของห้องนั่งเล่นก่อน

ส่วนของห้องน้ำกว้างขวาง โทนสีขาวทำให้ดูสะอาดตา และสบายตามากค่ะ

มาชมส่วนของห้องนอนกันบ้าง ยังมีการตกแต่งโดยใช้ตัวเลข เข้ามา ไม่หลุด concept เลยค่ะ

เสร็จแล้วก็เริ่มค่ำๆพอดี เดินไปชมบริเวณสระว่ายน้ำกันค่ะ
บริเวณด้านหน้าของโรงแรม ค่ะ

pool ส่วนกลางค่ะ  ขนาดค่อนข้างเล็ก ยังไม่ค่อยเป็นส่วนตัวเท่าที่ควร

เดินกลับเข้ามาภายใน  เพื่อไปทานอาหารค่ำ  ก็จะเจอกับ 365.25 Lobby Lounge   เปิดบริการ: เวลา 11.00-24.00

ตกแต่งได้ดูสดชื่นมากๆเลยค่ะ

ได้เวลาอาหารค่ำ กันแล้ว เย็นนี้เราฝากท้องไว้กับห้องอาหาร ของโรงแรม ที่มีชื่อว่า

เอโค ไวน์บาร์ / A-CO BISTRO WINE BAR
การตกแต่งเน้นโทนมืด , ดำ , ทอง , ชมพู บรรยากาศภายในร้านมี 2 บรรยากาศ สามารถนั่งด้านนอก หรือ นั่งภายในก็ได้ค่ะ เวลาช่วงเย็นแขกก็นิยมจะมานั่งทานข้าวและฟังเพลง  มีดนตรีสด และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไว้บริการด้วยค่ะ
เปิดบริการทุกวัน : วันอาทิตย์ – พฤหัส : เวลา 11.00 – 24.00
วันศุกร์ – เสาร์ : เวลา 11.00 – 01.00
แขกก็จะทะยอยมาเรื่อยๆ ทั้งคืนค่ะ

ดนตรีสดเริ่มแล้วค่ะ

แต่อากาศข้างนอกอบอ้าวนิดๆค่ะ ขอเข้าไปนั่งด้านในดีกว่า
ภายใน เอโค ไวน์บาร์ / A-CO BISTRO WINE BAR

ภายใน เป็นครัวเปิด สามารถมองเห็นเชฟ ปรุงอาหารด้วยค่ะ

อาหาร จะเป็นแนวฟิวชั่นฟู้ด
เพื่อไม่ให้เสียเวลา เริ่มจานแรกกันเลย  จานแรกเป็น phad thai with lobster หรือ ผัดไทยกุ้งมังกรค่ะ

จานที่สองจะเป็น  Gried stuffed chicken wing with sweet chill sauce  หรือ ปีกไก่ยัดไส้ย่างค่ะ

จานที่สาม เป็น sake tamarind pork rib หรือ ซึ่โครงหมูหมักเหล้าสาเก

เสิร์ฟพร้อมซอสมะขามค่ะ ที่เห็นชิ้นเหลืองๆ เป็นมะม่วงสุกค่ะ จานอร่อยมากๆ

จานสุดท้ายเป็น  rice paper wrapped mixed vegetables served with thai peanut sauce หรือ ปอเปี๊ยะสดเสิร์ฟพร้อมซอสถั่วค่ะ

อิ่มท้องกันแล้ว ก็ ขอตัวไป นอน และขอตัดภาพไปช่วงเช้าเลยน๊ะค๊ะ เราตื่นแต่เช้า มาสำรวจอาหารกันค่า

 

 

 

 

 

ผู้คนเริ่มทะยอยมาแล้วค่ะ เดี๋ยวขอตัวไปเลือกทานก่อนน้าค้า

ที่ เลือกทานเช้านี่ค่ะ

 

อิ่มท้องแล้ว ขอตัวไป เดินย่อยที่ pool แล้วก็เตรียมตัว เช็คเอาท์ค่ะ

เห็นเด็กๆสองคนพี่น้องกำลังว่ายน้ำอยู่พอดี จึงขอให้เป็นนายแบบนางแบบซะเลย

สุดท้าย ข้อสรุปข้อดีข้อเสีย ของ ที่นี่กันค่ะ

ข้อดี
1. โรงแรมสะอาด ตกแต่งสวย
2. อาหารอร่อย พนักงานดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี
3. อยู่ใกล้แหล่งชุมชม มีร้านสะดวกซื้อ
4. ไม่มีเสียงรบกวนจากภายนอก
5. มีห้องพักหลากหลายแบบ ให้เลือกมาพักผ่อน

ข้อเสีย
1. ไม่มีสายชำระ
2. สระว่ายน้ำส่วนกลางเล็กเกินไป
3. ไม่มีฟิตเนส และ พื้นที่สำหรับเด็ก แต่สามารถไปใช้บริการที่ the zign hotel ได้ทั้งหมด

ก่อนรีวิวนี้จะจบลง  ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามจนมาถึงบรรทัดนี้  ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ ขอบคุณทุกไลค์ ขอบคุณทุกแชร์ เป็นกำลังใจที่ดีในการทำรีวิวมากเลยค่ะ  ถ้าชอบก็ฝากกดไลค์กดแชร์กันเยอะๆน้าค้า
แล้วพบกันใหม่สำหรับรีวิวหน้า ของ ps story  ขอบคุณทุกท่านอีกครั้ง สวัสดีค่า

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s